logo-heading

ซึ่งเกมนี้ตลอด 90 นาทีต้องว่าสถานการณ์พลิกไป พลิกมาเป็นอย่างมาก ทีมเยือนออกนำ เจ้าบ้านไล่แซง ทำให้ต้องไปวัดหาผู้ชนะในเกมนัดที่สอง ณ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

โดยหลังจบเกมนี้มีประเด็นอะไรบ้างที่น่าสนใจ ขอบสนาม ของเราได้รวบรวมเรื่องเด่นๆ จากบิ๊กเกมเมื่อคืนมาให้แล้ว

[ ครึ่งแรก มาดริด โคตรนิ่ง ]

โฟกัสเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 45 นาทีแรกของเกม ถ้าใครได้รูปเกม หรือเปิดสถิติดูแน่นอนว่า บาเยิร์น มิวนิค ข่มเอามากๆ ทั้งเรื่องของการครองบอล โอกาสทำประตู หรือจำนวนการจ่ายบอล

ซึ่งช่วงต้นเกมต้องบอกว่าทัพ  “เสือใต้” ระดมพลเปิดหน้าแรก พร้อมมีโอกาสส่องประตูมากถึง 8 ครั้ง มากกว่าคู่แข่งเป็นเท่าตัว ทว่าไม่เฉียบขาดกันเองทั้ง ลีรอย ซาเน่, จามาล มูเซียร่า หรือ แฮร์รี่ เคน

ส่วนทางฝั่ง เรอัล มาดริด ต้องบอกว่าพวกเขานิ่งเหลือเกิน เล่นเกมรับด้วยระเบียบวินัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คาร์โล อันเชล็อตติ เคยแสดงมาให้เห็นแล้วในรอบก่อนหน้า การจัดระเบียบหลังบ้านเนียนกริบ ปล่อยให้คู่แข่งครองบอล จะขึงเกมรุกอย่างไรก็ปล่อยไป ถ้าคิดว่าเจ๋งจริงก็เจาะเกมรับของเขาให้ได้

จุดนี้สำคัญเพราะความแข็งแกร่งในแนวรับเมื่อคู่แข่งทำไม่ได้ เจาะไม่เข้า พวกเขาก็เพียงหาโอกาสแบบเน้นๆ เนื้อๆ ครั้งเดียวก็สามารถเผด็จศึกได้ทันที เฉกเช่นลูกจ่ายแบบเวิลด์คลาสของ โทนี่ โครส ที่สายตาโคตรเฉียบแหลม ชี้นิ้วบอก วินิซิอุส ถึงทางวิ่ง ก่อนคิลเลอร์พาสงามๆ ให้ซัดเข้าไป

บทสรุปครึ่งแรกมันค่อนข้างชัดเจนว่าเกมเข้าทาง เรอัล มาดริด และยิ่งได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเหมือนเข้าทาง ไม่จำเป็นต้องเร่งจังหวะ เล่นไปตามเกมที่ยืนอยู่บนความรัดกุม โอกาสเข้าทำไม่ต้องเยอะ แต่พอได้เปลี่ยนจากรับเป็นรุกเมื่อไหร่ความอันตรายรอบด้านจริงๆ

หลังเกมสุดมันส์ \"บาเยิร์น\" เจ๊า \"เรอัล มาดริด\" วัดกันสองนัดสอง

[ ครึ่งหลังโคตรมันส์ ]

45 นาทีหลังต้องบอกว่าหนังชีวิตมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจุดเปลี่ยนแรกเลยคือประตูของ ลีรอย ซาเน่ ที่เหมือนปลุกให้ บาเยิร์น มิวนิค ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และมันสำคัญตรงที่พวกเขามาได้จุดโทษหลังจากตามตีเสมอเพียง 4 นาที เท่านั้น

ด้วยโมเมนต์ตั้ม ณ ตอนนั้นที่ทัพ “เสือใต้” ได้ประตูตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง เหมือนทุกอย่างมันจะเข้าทางพวกเขามากยิ่งขึ้น พยายามเปิดเกมรุกเพื่อทิ้งห่างให้ได้ ส่วน เรอัล มาดริด ด้วยสถานการณ์ที่ตอนนั้นบีบให้ต้องเปิดหน้าแลกมากขึ้น ส่งผลให้อัตราความสนุกมันเพิ่มตามไปด้วย

แต่กระนั้นสิ่งที่ต้องชื่นชมเลยคือแนวทางของ อันช่ ที่ยังคงนิ่ง และเล่นไปตามจังหวะไม่ได้โหมแบบสุดแรง มีบางช็อตในจังหวะโต้กลับไม่ได้ขึ้นไปแบบยกแผง

ส่วน บาเยิร์น ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ยังมีให้เห็นก็จริง แต่เป็นการลบภาพที่ย่ำแย่ในบุนเดสลีกาได้เป็นอย่างดี นักเตะใจโคตรสู้ ความกระหายยังคงเต็มเปี่ยม

อีกจุดที่ทั้งคู่มีช่องให้ได้เจาะ และเป็นเหมือนแผลที่ชัดเจน ฝั่ง เรอัล มาดริด คือฝั่งขวาหลายช็อตที่ ลูคัส บาสเกซ โดน จามาล มูเซียล่า พาทัวร์ ส่วนฝั่ง บาเยิร์น เกมรับยังคงหละหลวมในหลายๆ ครั้ง จนเรื่องการเสียประตูคือสิ่งคุ้นชินของแฟนบอลไปแล้ว

จบ 90 นาทีต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเกมคุณภาพ สู้กันด้วยแท็คติก และกึ๋นของกุนซือ อีกประเด็นที่ต้องชื่นชมคือผู้ตัดสินที่ไม่มีช็อตกังขา หรือตั้งข้อสงสัย ช็อตจุดโทษทั้ง 2 เคลียร์ชัดเป่าแบบมั่นใจ ซึ่งพอเป็นแบบนี้มันยิ่งทำให้ฟุตบอลมันสนุกมากขึ้นไปอีก

[ วินิซิอุส เฉิดฉายใน ชปล. ]

วินิซิอุส จูเนียร์ คือหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ยิ่งลงเล่นมากเท่าไหร่ พ่อหนุ่มคนนี้ก็ยกระดับตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น

ความเร็ว ความจี๊ดจ๊าด หรือความเฉียบคม เริ่มมีอาวุธที่เพียบพร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถคาดหวังถึงการทำประตูได้อยู่เสมอ

และยิ่งกับเวที แชมเปี้ยนส์ลีก เวทีที่ต้องมาดวลกับคู่แข่งระดับหัวกะทิ เสือ สิงห์ เต็มไปหมด แต่ วินิซิอุส ไม่หวั่น และทำงานผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ กับรายการ อย่างในซีซั่นปัจจุบัน วินิซิอุส มีส่วนร่วมไปแล้ว 10 ประตู แบ่งเป็น 5 ประตู กับ 5 แอสซิสต์

และถ้านับสถิติการมีส่วนร่วมกับประตูใน แชมเปี้ยนส์ลีก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2021-22 วินิซิอุส คือคนที่รั้งอันดับ 1 แต่เพียงผู้เดียวด้วยตัวเลข 32 ประตู แบ่งเป็นยิง 17 แอสซิสต์ 15 ครั้ง ซึ่งมากกว่า คีเลียน เอ็มบัปเป้ (28 ประตู), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (25 ประตู) หรือ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์  (23 ประตู)

ซึ่งแน่นอนว่าสถิติของเขาในซีซั่นนี้จะยังไม่หยุดแค่เพียงเท่านี้แน่ อย่างน้อยๆ ก็มีอีกหนึ่งเกมให้ได้ลุ้นเพิ่มตัวเลขของตัวเองขึ้นไปอีก

หลังเกมสุดมันส์ \"บาเยิร์น\" เจ๊า \"เรอัล มาดริด\" วัดกันสองนัดสอง

[ ประตูแรกในรอบครึ่งปีของ ซาเน่ ]

ประตูตามตีเสมอ 1-1 ของ บาเยิร์น มิวนิค จากความสามารถเฉพาะตัวของ ลีรอย ซาเน่ ต้องบอกว่าโซโล่อย่างพลิ้ว ซัดอย่างคม แฟนบอลในโซเชียลบางคนถึงกับคอมเมนต์ว่านี่มันคือโคลนนิ่งของ อาร์เยน ร็อบเบน ชัดๆ

แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือนี่เป็นประตูแรกของ ซาเน่ ในรอบ 186 วัน หรือยาวนานกว่าครึ่งปีเลยทีเดียว ประตูล่าสุดที่เจ้าตัวทำได้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 28 ตุลาคม  2023 ในเกมบุนเดสลีกาเกมที่พบกับ ดาร์มสตัดท์ ซึ่งวันนั้นเจ้าตัวเหมาคนเดียว 2 ประตู ก่อนหายไปไม่นานไม่มีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ด

ทำให้ภาพรวมในฤดูกาลนี้ ซาเน่ ทำไปแล้ว 10 ประตู พ่วงกับอีก 13 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 40 นัดในทุกรายการ พร้อมกันนั้นตลอด 4 ฤดูกาลกับ บาเยิร์น มิวนิค ทางฝั่ง ซาเน่ สร้างสถิติการันตี ซัด 10 ประตูขึ้นไปมาตลอด

[ นัดสองเกมตัดสิน ]

ผลเสมอในวันนี้ว่ากันตามผลสกอร์ย่อมไม่มีใครได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ ทว่าเลกสองที่ เบร์นาเบว คือสิ่งที่ฝั่ง บาเยิร์น คงต้องทำการบ้านอย่างหนักว่าจะรับมือกับ เรอัล มาดริด อย่างไร เพราะนี่คือทีมที่ขึ้นชื่อว่าเขี้ยวลากดินเวลาเฝ้ารัง หรือลงเล่นในบอลถ้วยยุโรปรายการนี้

อย่างที่ทราบกันว่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไร้กฎอเวย์โกลแล้ว วัดกันที่ประตูที่ทำได้แบบเพียวๆ ฉะนั้นในอีก 90 นาทีข้างหน้าอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้

เรอัล มาดริด แชมป์รายการนี้ 16 สมัย กับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ปรารถนาต่อโทรฟี่นี้เป็นอย่างมาก ผลจะออกมาเป็นอย่างไรในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้าจะได้คำตอบ

ราชัน หรือ เสือใต้ จะกรุยทางผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline