ทำไม? "ทีมชาติไทย" ถึงจะเอาชนะ "เกาหลีใต้" ไม่ได้!!

วันอังคารที่ 26 มีนาคมนี้ แฟนบอลชาวไทย เรามีนัดกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน กับนัดที่ 4 ของรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย ซึ่งทีมชาติไทย จะต้องกลับมาเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เกาหลีใต้ ทีมอันดับ 22 ของโลก

ก่อนที่ไทย จะบุกไปเยือนเกาหลีใต้ เมื่อนัดก่อน (21 มี.ค.67) รวมถึงเกมวันที่ 26 มี.ค.ที่จะถึงนี้ เอาเป็นว่าพอทุกคนเห็นผลการจับสลากว่าเรามาอยู่กลุ่มเดียวกับ เกาหลีใต้ ทุกคนคิดและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไทยเราสู้ไม่ได้แน่ สองนัดกับเกาหลีใต้ คิดไว้เลยว่าแพ้แน่ และไม่มีแต้ม ดังนั้นเกมที่เหลือต้องเน้นทุกนัด

แต่เมื่อผลการแข่งขันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่โซล เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม จบลงด้วยสกอร์ 1-1 และด้วยรูปแบบ วิธีการเล่นของทีมช้างศึก ผมกลับไม่คิดว่าเราสู้เกาหลีใต้ไม่ได้ ผมมั่นใจว่าทุกอย่างมันจะไม่เหมือนที่เราคิดไว้ตอนแรก

จริงอยู่ว่าต่อให้เกมที่แล้วเราสู้ได้ดี และเก็บผลเสมอออกมาได้ เราก็ยังเป็นรองเกาหลีใต้ อยู่เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ และเป็นรองมากด้วย ทีมโสมขาวยังคงเป็นที่ 22 ของโลก เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย เป็นจ่าฝูงกลุ่ม C ขณะที่เรายังอยู่ที่ 101 ของโลก เป็นที่ 17 ของเอเชีย เรายังเป็นรองจ่าฝูงของกลุ่มเหมือนเดิม

ชื่อชั้นนักเตะเราก็เป็นรอง เขามีนักเตะระดับโลกอย่าง ซน ฮึง มิน มีนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปมากมาย อีกทั้งนักเตะคนอื่นๆ ก็เป็นแข้งระดับท็อปของเอเชีย และเคลีก ขณะที่ทีมชาติไทยของเรา ถามว่ามีไหมตัวค้าแข้งในยุโรป เราก็มี ตัวระดับเอเชีย ระดับเจลีก เราก็มี ตัวทีมชาติเราก็เป็นระดับท็อปของไทยลีก แต่ที่สุดแล้วเมื่อมาเทียบกันเราก็ยังเป็นรองเกาหลีใต้อยู่ดี ชนิดที่เทียบกันไม่ติด

แต่ถามว่าแล้วอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเราจะสู้กับเขาได้ ถึงขั้นคิดว่าจะไม่แพ้คาบ้าน เหมือนที่เราไปเยือนแล้วทำได้ และบางทีผมก็มองถึงว่าเรามีโอกาสชนะเกาหลีใต้ ได้ด้วยซ้ำไป อันนี้ไม่ได้คิดแบบมโนขึ้นมา แต่เพียงคิดว่ามันมีทางเป็นไปได้ ไม่ใช่ไม่มีทางเกิดขึ้น!!

เพราะเมื่อเราเห็นผลงานจากนัดแรก ทำให้สรุปได้ว่า เกมระหว่างไทย กับ เกาหลีใต้ จะเอาเรื่องฝีเท้าหรือชื่อเสียงนักเตะ มามองอย่างเดียวไม่ได้ มันมีปัจจัยหลายอย่าง อย่างเช่นเรื่องสภาพอากาศ ขนาดเราไปเล่นที่โซล หนาวระดับ 5 องศา ที่ตอนแรกคิดว่าเล่นไม่ได้ แต่สุดท้ายนักเตะไทยก็สามารถปรับตัวได้ดี และเหมือนไม่มีปัญหากับเรื่องสภาพอากาศเลย

แต่กลับกันเมื่อเขาต้องมาเจออากาศที่ร้อนอบอ้าวของบ้านเราในช่วงนี้ แม้จะเตะกันตอนทุ่มครึ่ง แต่ความระอุ ความอบอ้าวก็ยังมีอยู่ ผมคิดว่ามันจะส่งผลไม่มากก็น้อยกับนักเตะเกาหลีใต้ ที่คุ้นชินกับคสามหนาวมาตลอดในช่วงนี้ที่ประเทศของเขา

เรื่องหมากของกุนซือก็สำคัญ ทีมเกาหลีใต้ อย่างที่รู้ว่าเขาดันเอาโค้ชชุดยู23 ขึ้นมาคุมทีมชั่วคราว ซึ่งบางทีมันเป็นจังหวะที่ดีที่เขามาคุมทีมนัดแรก ทุกอย่างมันเลยไม่ลงตัวและทำให้เจอทีเด็ดของไทยเข้าไป บวกกับกึ๋นของ อิชิอิ ที่ผมคิดว่าทุกอย่างที่ เซ็นเซ ทำลงไปนั้น ทุกอย่างมีแบบแผน และมีวิธีการ ผมคิดว่า อิชิอิ จะมีแผนการที่แยบยลไว้เตรียมรับมือในเกมนี้

เรื่องของความกดดันก็สำคัญ เกมที่เขาเสมอเราในบ้านเมื่อนัดก่อนถือเป็นการเสียหน้ามากๆ ที่ไม่สามารถเอาชนะไทยของเราได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาตบทั้งจีน ทั้งสิงคโปร์ มาก็คิดว่าจะกินเราง่ายๆ ดังนั้นเกมนี้พวกเขาคงต้องการล้างอายด้วยการเอาชนะเราให้ได้ และบางทีอาจจะเป็นการกดดันในตัว หากทำอะไรเราไม่ได้เหมือนเกมที่แล้ว

เรื่องภายในแคมป์รวมทั้งผลงานในเอเชี่ยน คัพ ก็ยังเป็นสิ่งที่ติดตัวกับทีมชาติเกาหลีใต้มา แม้ว่าจะมีการออกมาแถลงการณ์ให้สัมภาษณ์ขอโทษกันแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าลึกๆ มันก็ยังคงมีอะไรในใจกันอยู่นั่นแหละ รวมทั้งผลงานในเอเชี่ยน คัพ ที่เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน มันก็ยังคงติดตัวมาด้วยในตอนนี้ แม้จะเปลี่ยนโค้ชแล้วก็ตาม

ที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไม่ได้จะบอกว่าเราจะชนะเกาหลีใต้ แน่นอนในเกมนี้ เรียนตามตรงก็คิดว่าเรายังเป็นรองและมีโอกาสที่จะแพ้มากกว่าเสมอ หรือชนะ เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ! 

เพียงแต่อยากจะบอกว่าถึงต่อให้แพ้ ก็จะไม่ได้แพ้แบบสู้ไม่ได้ 3-0, 4-0 อะไรอย่างนั้น ดูจากเกมแรกผมคิดว่าเกมมันจะสูสี เกาหลีใต้จะมีโอกาสยิงมากกว่า ไทยเราแม้โอกาสจะน้อย แต่ก็เชื่อว่าจะได้ลุ้นทำประตูแน่ๆ อยู่ที่จะเปลี่ยนโอกาสนั้นให้มันกลายเป็นประตูได้หรือไม่ และเกาหลีมีโอกาสพวกเขาจะคมหรือเปล่า

ที่จะบอกก็คือจากตอนแรกที่คิดว่ายังไงเราก้แพ้แน่ๆ ทั้งสองนัด และคิดว่าไม่มีทางเลยที่ไทยจะชนะได้ มันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว จากบทสัมภาษณ์ของ ชนาธิป ที่บอกไว้สันเข้าแคมป์ว่า ต่อให้มี 1% ที่เราจะชนะได้ เราก็จะสู้เพื่อ 1% นั้น

แต่ตอนนี้ผมบอกเลยว่าโอกาสที่เราจะชนะเกาหลีใต้ได้ มันไม่ได้มีแค่ 1% เหมือนที่ ชนาธิป บอกแล้ว ผมว่าตอนนี้มันมีถึง 20-30% ซึ่งมากกว่าเดิม 20-30 เท่า ขนาดแค่ 1% เรายังสู้มาได้ขนาดนี้ แล้วทำไมโอกาสที่มากกว่านั้น เราจะสู้เพื่อมันไม่ได้ ผมคิดว่าไทยสู้ได้ 

และเมื่อกลับไปดูสถิติที่เกาหลีใต้มาเยือนเรา ก็ไม่ได้จะมาชนะเราง่ายๆ ล่าสุดเกมอุ่นเครื่องที่สนามศุภชลาศัย เมื่อปี 2016 เขาชนะเราได้แค่ลูกเดียวเอง ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น เราเอาชนะเขา 2-1 ในเอเชี่ยนเกมส์ 1998 ทั้งๆ ที่เราเหลือ 9 คน 

และถ้าไปดูสถิติจริงๆ การเจอกันของไทย กับ เกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเล่นที่บ้านใคร สกอร์มันจะไม่ได้ขนาด แพ้ ชนะ กันไม่เกิน 3 ลูก บางทีก็ 1-0,2-1 เต็มที่ก็ 3-1 หรือ 4-2 มันจะไม่มี 3-0 หรือ 4-0 เหมือนในอดีตแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ที่เกาหลีใต้ เหมือนจะเหนือกว่าไทยมากๆ แต่พอมาเล่นที่ไทย ก็มักจะไม่ได้เหนือกว่าไทยมากขนาดนั้น นี่ก็เป็นอีกจุดนึงที่ผมคิดว่าเกมมันก็จะออกมาเป็นเช่นนั้นอีกครั้ง

และสมมตินะครับ สมมติ ถ้าไทยดันทะลึ่งชนะเกาหลีใต้ ในเกมนี้ขึ้นมาได้จริงๆ มันน่าจะเป็นแมตช์แห่งปี และเป็นแมตช์ประวัติศาสตร์ในรอบหลาย 10 ปี ของทีมชาติไทย เลยที่เอาชนะทีมชั้นนำของเอเชียได้ ซึ่งนอกจากสามแต้มที่ได้แล้ว มันจะทำให้เรามีแต้มเท่าเกาหลีใต้ที่ 7 คะแนน และต้องบอกเลยว่าโอกาสเข้ารอบสดใส บางทีอาจมีลุ้นเป็นแชมป์กลุ่มเลยก็เป็นได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าเพิ่งคิดไปไกล เอาเป็นว่าเกมนี้สู้ให้เต็มที่ และขอมี 1 แต้มเป็นอย่างน้อยก่อน จะชนะหรือไม่เราค่อยมาลุ้นกันอีกที หรือถ้าจะแพ้ ผมคิดว่าเราจะแพ้ไม่เกิน 2 ลูก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็รับได้อยู่ดี แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าเราไม่แพ้

แต่จะชนะไหม ต้องมาลุ้นกัน แต่บอกเลยว่า ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!!

 

#ชิชาริเต่า