เมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกที่ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ลงสนามแข่งขันฟุตบอลโดยที่ไม่มีประธานสโมสรที่ชื่อ “ปวิณ ภิรมย์ภักดี”
และเป็นศึกใหญ่ที่ต้องรับการมาเยือนของ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ทีมเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ซึ่งเกมนี้เป็นฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน รอบแบ่งกลุ่ม โดยผลการแข่งขันจบลงที่สกอร์ 2-2
เราคงไม่ได้พูดถึงรายละเอียดอะไรของเกมมากนัก ซึ่งทุกคนก็คงได้ชมการถ่ายทอดสดกันไปแล้ว
จากผลการแข่งขันที่ออกมา คอมเม้นตืส่วนใหญ่ของแฟนบอลบีจี ดูจะไปในทิศทางเดียวกันว่า “พอใจกับผลงานของนักเตะ ที่สู้กับบุรีรัมย์ ได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะจบลงด้วยผลเสมอ แต่ก็เหมือนกับชนะ เพราะนักเตะทุกคนเล่นได้ดี วิ่งสู้ และได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ”
หลังจบเกมก็มีประเด็นที่น่าสนใจกับบทสัมภาษณ์ของ “กัปตันเจ” ที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงภายในทีมหลังจากไม่มีนายแล้ว (บอสปวิณ) โดยใจความก็คือประมาณว่าทุกคนในทีมต้องเปลี่ยนความคิดในการเล่นฟุตบอล
ก่อนหน้านี้ทุกคนพยายามจะเป็นกระต่ายไฮโซ (ก็หมายความว่า ได้มาอยู่บีจี ทีมใหญ่ ได้ค่าจ้างสูง ทุกคนก็เล่นไปตามหน้าที่ของตัวเอง แต่เจพยายามจะบอกว่า ต้องเลิกคิดแบบนั้น ต้องคิดว่าเราเป็นหมา เล่นเหมือนหมาล่าเนื้อ ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลการแข่งขันที่ดี เพื่อนาย ที่เป็นคนจ่ายเงินให้เรา และเล่นเพื่อแฟนบอล ที่ก็เป็นคนที่สนับสนุนทีมด้วยเช่นกัน
ซึ่งเจ เองก็ยอมรับว่าที่นายลาออกก็เป็นเพราะพวกเรา เพราะผลงานของทีมที่มันไม่ดี ดังนั้นทุกคนก็ต้องเปลี่ยนความคิด และสู้เพื่อทีม สู้เพื่อนายที่ยอมลาออกไป) อะไรประมาณนั้น
จากผลงานในเกมล่าสุด ก็ไม่แปลกใจที่จะเห็นนักเตะบีจี พยายามสู้กันอย่างเต็มที่ ซึ่งมันก็เป็นการแสดงที่ชัดเจนว่าพวกเขาต้องการพิสูจน์ตัวเอง และทำให้นายเห็นว่าพวกเขายังเต็มที่เสมอ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฟุตบอลนัดเดียว ก็ยังคงไม่สามารถจะตอบคำถามกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในทีมได้
สำหรับทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ด มองจากคนนอกเข้าไป นี่คือทีมใหญ่ของไทยลีก เป็นทีมที่อยู่ในระดับเดียวกับ บุรีรัมย์, ทรู แบงค็อก และการท่าเรือ นั่นคือทีมระดับลุ้นแชมป์ และงบประมาณในการทำทีม
และถ้าจะเจาะลึกย่อยลงไปอีก น่าจะเป็นทีมอันดับ 1-2 ของเมืองไทย ที่มีความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหาร งบประมาณ สนามแข่งขัน สนามซ้อม อะคาเดมี่ นักเตะในทีม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ซึ่งในประเทศไทยผมคิดว่ามีอยู่สองทีมที่ดีที่สุดในตอนนี้ หนึ่งคือบุรีรัมย์ หนึ่งคือบีจี ปทุมฯ
แต่ผลงานในสนามคือสิ่งที่ บีจี ปทุมฯ ยังไม่สามารถขึ้นไปเทียบชั้นกับ บุรีรัมย์ ได้ หรือแม้กระทั่งทีมอย่างทรู แบงค็อก, การท่าเรือ และตอนนี้มีราชบุรี ที่พุ่งขึ้นมาอีกหนึ่งทีม ที่มีผลงานในลีกดีกว่า กระต่ายแก้ว ด้วยซ้ำ
นี่จึงเป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจของคุณปวิณ ว่าทำไมสิ่งที่ บีจี มีพร้อมทุกอย่าง แต่ผลงานมันถึงไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
ส่วนตัวมองว่า บีจี มีทุกอย่างพร้อมก็จริง แต่สิ่งที่ไม่มีก็คือความชัดเจนในเรื่องของฟุตบอล โดยเฉพาะทีมชุดใหญ่ ซึ่งบีจี คือทีมที่เปลี่ยนโค้ชมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งแน่นอนการเปลี่ยนโค้ชเป็นเรื่องปกติ ทุกทีมก็เปลี่ยนกัน
แต่ถ้าย้อนกลับไปดูทีมที่คว้าแชมป์ไทยลีก และประสบความสำเร็จแบบยาวๆ ต่อเนื่อง มักจะเปลี่ยนโค้ชไม่บ่อยในช่วงเวลาเดียวกัน ตัวอย่างดีที่สุดก็คือ บุรีรัมย์ ช่วงที่พวกเขาเป็นแชมป์ลีกติดๆ กัน ยุคโค้ชแต๊ก เองก็ดี, ยุค กาม่า เองก็ดี, ยุคอิชิอิ เองก็ดี จนมาล่าสุดก็คือ ออสมาร์ ลอส ทุกคนได้ทำทีมแบบต่อเนื่องตลอด
ถามว่าบุรีรัมย์ ก็มีที่เปลี่ยนโค้ชบ่อยเหมือนกัน ซึ่งสาเหตุของการเปลี่ยนโค้ชก็คล้ายๆ กับ บีจีนี่แหละ คือไปด้วยกันไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยน แต่บุรีรัมย์ เปลี่ยนแล้วก็เจอคนที่ใช่ แต่กับ บีจี เปลี่ยนมาก็ยังไม่เจอคนที่ใช่สักที
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ บีจี ก็คือตอนที่ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน คุมทีม และเป็นโค้ชคนเดียวที่ได้คุมทีมจบฤดูกาลถึง 2 ครั้ง ได้แชมป์ลีกติดต่อกัน 2 ฤดูกาล จาก T2 สู่ T1
และอีกช่วงนึงที่ผมคิดว่า บีจี กำลังมาถูกทางก็คือยุคของ โค้ชเทกุ รอบแรก ที่ทีมกำลังไปได้สวย ทั้งรูปแบบการเล่น และขุมกำลังที่ดีมากๆ แต่ก็มาเจอกันในช่วงโควิด และสุดท้ายก็ไปกันไม่รอด แยกย้ายกันไป กลับมาอีกทีรอบสองก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนโค้ชก็จะแทนด้วย “โค้ชง้วน” ผอ.สโมสร ล่าสุดก็มาเป็น “โค้ชบอย” ศุภชัย คมศิลป์ ซึ่งเข้ามารักษาการตั้งแต่ปลายฤดูกาลที่แล้ว ผลงานพอไปได้ เลยได้รักษาการมาต่อเนื่องในฤดูกาลนี้
แต่ถามจริงๆ ว่าแฟนบีจี เชื่อมั่นไหมว่า “โค้ชบอย” จะเป็นคนที่พาทีมไปในจุดที่ทีมต้องการนั่นคือการลุ้นแชมป์ หรือเป็นแชมป์ไทยลีก (อันนี้ไม่ได้ด้อยค่าโค้ชบอย แต่เราว่ากันตามผลงาน)
ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนเปิดฤดูกาลนี้ บีจี ควรจะหาเฮดโค้ชคนใหม่เข้ามาทำทีม และวางแนวทางให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น
แต่ก็เข้าใจ ด้วยความที่ “โค้ชบอย” ก็เป็นคนในอยู่แล้ว ผลงานแถมดีอีกตั้งหากเมื่อท้ายฤดูกาล แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจะไปอีกสเต็ปนึงผมว่ายังไม่ใช่โค้ชบอย
สิ่งที่บีจี ไม่มีตอนนี้ก็คือแนวทางการเล่นที่ชัดเจน แต่ละเกมแฟนบอลต้องมาลุ้นว่าใครจะได้ลงสนามบ้าง แล้ววันนี้ทีมจะเล่นเป็นยังไง
ผมว่าสิ่งที่ต้องทำเลยก็คือ ต้องหาแนวทางที่ชัดเจน ว่าบีจี จะเป็นทีมที่เล่นแบบไหนสไตล์ไหน ซึ่งแนวทางที่ว่าก็ต้องมาจากทีมบริหาร เมื่อได้แนวทางแล้ว ก็หาโค้ชที่ตอบโจทย์กับแนวทางนั้น แล้วให้โค้ชคนนั้นได้ทำงานอย่างเต็มที่ ถ้าคุณเลือกเขามาแล้ว
ถ้าทำได้ดี ตามแนวทางที่วางไว้ เราก็จะได้เห็นบีจี ที่น่าจะดีขึ้นกว่าตอนนี้แน่นอน แต่ถ้าทำไปแล้วมันยังไม่ดี และดูเหมือนไม่ตอบโจทย์ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนกันต่อไป เปลี่ยนจนกว่าจะหาเจอ
แต่ตอนนี้ที่ บีจี กำลังทำอยู่คือ มันมีคนที่ทำได้ ก็ให้ทำไปก่อน ผลงานไม่ได้แย่อะไร ทรงๆ ตัว ก็ทำไป แต่ปัญหามันคือ บีจี ไม่ได้ต้องการแค่นั้น บีจี ต้องการไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
จริงๆ ก็มีข่าวลืออยู่บ้าง ว่าจะมีการเปลี่ยนโค้ชในช่วงพักเบรกทีมชาติ ซึ่งคนในข่าวลือก็คือโค้ชที่มีชื่ออยู่ในบความนี้นี่แหละ แฟนบีจีรู้กันอยู่แล้ว แต่มันจะใช่ตามข่าวลือหรือเปล่า ก็ต้องมารอดูกัน
เชื่อว่าอย่างไรก็ตามเดี๋ยวเราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน สำหรับบีจี ปทุมฯ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ว่าจะทำให้เราได้เห็นแนวทางฟุตบอลของบีจี ที่ชัดขึ้นหรือเปล่า เดี๋ยวเราคงได้คำตอบ!!
#ชิชาริเต่า