logo-heading
เชื่อว่าในศึกบุนเดสลีกา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ บาเยิร์น มิวนิค บุกไปกะซวกไส้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ตายหาคาถิ่น 6-0 พูลสวัสดิ์ หลายคนคงสงสัยกับเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการวอล์คเอาต์ออกจากสนาม จนเกมต้องหยุดชะงักไปหลายนาทีจนแทบเกือบจะยกเลิกด้วยซ้ำ สาเหตุก็เพราะว่ากลุ่มแฟนบอลของ บาเยิร์น มิวนิค นั้นชูป้ายด่า ดีทมาร์ ฮอปป์ เจ้าของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยถ้อยคำรุ่นแรงว่าเป็น “ไอ้ลูกกะหรี่” ทางทีมงานของ บาเยิร์น ทั้ง ฮานซี่ ฟลิก กุนซือของทีม หรือว่านักเตะจะมาขอให้แฟน ๆ กลุ่มนั้นเอาป้ายลง แต่ว่าก็ไม่ได้รับความร่วมมือที่มากพอจนเกมต้องหยุดไป และเมื่อกลับมาลงสนาม นักเตะก็จัดการตอบโต้กลับใส่แฟนบอล ด้วยการเคาะบอลเล่นในช่วง 12 นาทีที่เหลือ จนหมดเวลา แน่นอนว่าเมื่อจบเกมมันเลยกลายเป็นประเด็นใหญ่โต หลายคนสงสัยแน่นอนว่า ทำไมเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้น และมีที่มายังไง ว่าแล้ว ขอบสนาม ขออาสา พาไปพบกับที่มาที่ไปของ เรื่องนี้กัน แฟนบอล vs นายทุน เบื้องหลังที่มากกว่าดราม่า รู้จักกับ ดีทมาร์​ ฮ็อปป์ ดีทมาร์ ฮ็อปป์ คือมหาเศรษฐีวัย 79 ปีชาวเยอรมัน เขาเป็นคนคลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอล มาตั้งแต่เด็ก โดยเขาร่ำรวยมาจากการเป็นเจ้าของบริษัทซอฟแวร์ที่ชื่อว่า SAP ที่ทำให้เขากลายเป็นโคตรมหาเศรษฐี โดย ฮ็อปป์ นั้นมีความตั้งใจที่จะสร้างสโมสรสักทีมนึงขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเองในกีฬาลูกหนัง เขาไม่ได้เก่งกาจขนาดจะเป็นนักบอลได้ในวัยหนุ่ม แต่ว่าเขาเก่งกาจในเชิงธุรกิจ และถ้าหากว่าจะมีส่วนกับกีฬาฟุตบอลมันก็ต้องมาจากการบริหารทีม สุดท้าย ฮอปป์ ก็เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินของ สโมสร ฮอฟเฟนไฮม์ ทีมในแถบบ้านเกิดของเขา ซึ่งตอนนั้นเป็นเหมือนทีมหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งถ้ายังจำกันได้ ทีมนี้ถูกตั้งฉายาน่ารัก ๆ ว่าเป็นทีม “หมู่บ้านแห่งความหวัง” ฮ็ฮปป์ เริ่มต้นจากการเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินของทีมไม่ได้ออกหน้าอะไรมาก เพราะว่าเขาทำอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากว่าในลีกของเยอรมันนั้นมีกฎที่เรียกว่า 50+1 อยู่ อะไรคือกฎ 50+1 สิ่งหนึ่งที่ฟุตบอลเยอรมันนั้นแตกต่างจากลีกหลักอื่น ๆ ก็คือกฏที่เรียกว่า 50+1 มันคือกฏที่มีข้อบังคับว่า แต่ละสโมสรนั้นแฟนบอลจะต้องมีหุ้นส่วนในสโมสร 50% เป็นอย่างน้อย และไม่อนุญาตให้พวกนายทุนรวย ๆ เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรแบบเต็มตัวเป็นอันขาด จึงต้องเอาหุ้น 50% ของแฟนบอลมาคานเอาไว้ สิ่งที่ลีกต้องการก็คือให้สโมสรฟุตบอลนั้นเป็นของแฟนบอล พวกเขาไม่ต้องการให้สโมสรในเยอรมันมีพวก โรมัน อบราโมวิช , ชีค มันซูร์ หรือ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ ที่อัดฉีดเม็ดเงินมหาศาลจนเกิดภาวะเงินเฟ้อ ตลาดนักเตะปั่นป่วน แต่มันก็จะมีข้อยกเว้นอยู่บ้างบางทีม อย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่มีบริษัทยาและเวชภัณฑ์เป็นเจ้าของ หรือ โวล์ฟบวร์ก ที่มีบริษัทรถ โฟล์คสวาเก้น เป็นเจ้าของ แต่ว่านี่ก็เป็นทีมที่อยู่คู่เป็นผู้สนับสนุนมาอย่างนน้อย 20 ปี แล้ว และเป็นบริษัทเอกชนของท้องถิ่น จึงถือว่าเข้าข่ายไม่ผิดกฎแต่อย่างใด จากตัวอย่างที่ยกไปนั้นจึงเห็นได้ว่า การเป็นเจ้าของทีมในเยอรมัน นั้นต่อให้คุณมีเงินมหาศาลขนาดไหน ก็ใช้ว่าคุณจะใช้มันได้อย่างเต็มที่ เพราะว่ามีกฎที่เรียกว่า 50+1 ค้ำคออยู่ พวกนายทุนโคตรรวยจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกคนต้องอยู่ในกฎข้อนี้ แต่ว่าทุกกฎมันก็มีคนที่อยากจะแหก และคนแรก ๆ ที่ตั้งใจจะทำมันเพื่อทางลัดสู่การยกระดับทีมของตัวเองขึ้นมาก็คือ ดีทมาร์ ฮ็อปป์ แห่ง ฮอฟเฟ่นไฮม์ นั่นเอง แฟนบอล vs นายทุน เบื้องหลังที่มากกว่าดราม่า ทุกกฎย่อมมีช่องโหว่ ฮ็อปป์ นั้นเข้ามาสนับสนุนทีมตั้งแต่ปี 2000 แบบไม่ออกหน้าอะไรมาก จนขึ้นมาเป็นหัวโขนของสโมสร และยังจำกฎข้อที่กล่าวไว้ก่อนหน้านั้นได้ไหมครับว่าถ้าครบ 20 ปี ก็สามารถจะทำได้แบบ เลเวอร์คูเซ่น กับ โวล์ฟบวร์ก พอสนับสนุนทีมครบ 20 ปี ฮ็อปป์ ก็ใช้ช่องโหว่ตรงนี้ ในการกว้านซื้อหุ้นจากฝั่งของแฟนบอล และนั่นล่ะทำให้ พวกแฟนบอลของแต่ละทีมไม่พอใจ เพราะว่า ฮ็อปป์ ก็เหมือนกับใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ผันตัวมาเป็นนายทุนแบบที่บอลลีกเยอรมันไม่อยากให้มี อันที่จริง ฮ็อปป์ ก็โดนต่อต้านมาตั้งนานแล้ว เพราะอย่างที่รู้กันว่าการที่ทีม “หมู่บ้านแห่งความหวัง”​อย่าง ฮอฟเฟ่นไฮม์ นั้นเติบโตขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว ใช้เวลาแค่ 7 ปี จากดิวิชั่น 5 มาสู่ลีกสูงสุด และระดับไปคว้าโควต้าไปลุยรอบเพลย์ออฟ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เคยมาแล้ว ส่วนหนึ่งก็มาจาก เม็ดเงินของ ฮ็อปป์ นั่นเอง สู่คนที่แฟนบอลรังเกียจ เรื่องของ ฮ็อปป์ นั้นโดนแอนตี้จากแฟนบอลทีมอื่นพอสมควร อย่างไม่กี่ปีก่อน เขาก็โดน แฟนบอล โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชูป้ายด่า จนสุดท้ายแฟนบอลกลุ่มนั้นก็โดนแบนห้ามเข้าสนามไปสามปี แต่เรื่องที่มาแรงสุด ๆ ก็เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเกมที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ พบกับ กลัดบัค ทีมระดับตำนานของลีก ทางแฟนบอลของ กลัดบัค ก็เอาแบนเนอร์หน้าเขาขึ้น แล้วทำรูปเป้า ให้คนมายิงหัว ซึ่งเป็นภาพที่ค่อนข้างรุนแรงมาก จนเกมต้องหยุดกันไปชั่วคราว และมาสัปดาห์นี้ ก็มาเจอเรื่องราวต่อต้านจากแฟนบอล บาเยิร์น อีก คือมันแสดงให้ชัดเจนว่า คนเยอรมัน รับไม่ได้รับสไตล์การสร้างทีมแบบนี้ เพราะเหมือนกับว่าได้สูญเสียรากเหง้าของทีมไป นอกจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ซิกแซกกฎจนโดนคนเยอรมันเกลียด ดีทมาร์ ฮ็อปป์ ของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ก็โดนไม่ต่างกัน ศึกผู้ใหญ่ปะทะแฟนบอล สิ่งหนึงที่แฟนบอลไม่โอเครับไม่ได้ก็คือการที่ เดเอฟเบ หรือสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน ปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น ไม่จัดการอย่างจริงจัง และเหมือนกับว่าพวกบอร์ดบริหารของแต่ละสโมสรก็ไม่ได้ดูต่อต้านกับสิ่งเหล่านี้เลย “สิ่งหน้าเศร้าก็คือวงการฟุตบอลชองพวกเราไปอุ้มชูไอ้พวกคนเอาเปรียบแบบนี้ แล้วแฟนบอลอย่างพวกเราล่ะ ไม่มีค่ากันเลยหรือ” หนึ่งในแฟนบอลของเยอรมันที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ กับกรณีที่ นักเตะก็เอาคืนแฟนบอลด้วยการเคาะบอลกันจบเกมในเกมของ บาเยิร์น กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ก็ไม่รู้นะครับว่าเรื่องนี้ใครผิดใครถูก เราไม่ขอออกความเห็นแล้วกัน พวกผู้บริหารเขาก็มีมุมของเขา ส่วนแฟนบอลก็ถูกปลูกฝังมาแบบนี้ สุดท้ายขอแค่ใช้วิธีสันติ อย่างสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ
logoline