ช่วงกักตัวเองอยู่ในบ้านทำให้มีโอกาสได้ดูหนังไทยที่ตกสำรวจไม่ได้ดูตลอดระยะเวลา 20 ปีหลังสุด หลังจากที่ได้ดูการแสดงของพอลล่า เทเลอร์ ในบ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ผมเลยจิ้มผลงานของเธออีกเรื่อง แต่คราวนี้ขอวกไปที่ค่ายอาร์เอสบ้าง ปี 2003 หรือเมื่อ 17 ปีที่แล้ว เธอได้แสดงนำร่วมกับบีม D2b มันกลายเป็นหนังรักวัยรุ่นของคนแอบเหงาเพื่อนบ้านที่ไม่ถูกชะตาอย่างรุนแรงเจอกันเมื่อไหร่ทะเลาะกันเมื่อนั้น แต่กลับมาเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจเพราะต่างระบายปัญหาชีวิตให้อีกฝ่ายจนเป็นความรู้สึกผูกพันธ์ อีกคนหนึ่งรู้แล้วว่าเป็นใครแต่อีกคนนั้นไม่รู้ มันเป็นหนังกุ๊กกิ๊กโรแมนติกที่มีอารมณ์แบบละครไทย
ข้อดี
เหตุผลที่มาดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะว่าคิดถึงบรรยากาศการฟังเพลงแบบคลื่นวิทยุ ในตัวหนังเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2546 ปี 2003 เชื่อว่าใครก็ตามมีความทรงจำที่ได้ฟังเพลง ถ้าไม่ซื้อเทปคลาสเซ็ต ก็คงต้องรอคลื่นวิทยุที่ตัวเองอยากฟัง แม้ว่าบางทีจะรำคาญเสียงดีเจที่ชอบมาพูดขัดจังหวะตอนใกล้เพลงจบก็เถอะ ผมชอบค้างวิทยุไว้อยู่ 2 คลื่นคือ Hotwave และ Fat Radio ที่ฟังประจำ
แม้ว่าตัวเราเองจะดู Sex Phone คลื่นเหงาสาวข้างบ้าน ช้าไปเกือบ 17 ปี แต่การได้สัมผัสห้วงอารมณ์คลื่นวิทยุแบบยุคนั้นมีความสุขมากแล้ว
บทหนังใช้คลื่นวิทยุช่วงดึกๆดื่น เป็นสื่อกลางเพื่อนำพาชายหญิงคน 2 คนข้างบ้าน ที่ไม่ถูกกันตามประสาเพื่อนบ้าน แต่มารู้จักชีวิตอีกฝ่ายผ่านทางการสนทนาทางโทรศัพท์หลังคลื่น ลึกๆแล้วมนุษย์เราย่อมมีเพื่อนแปลกหน้าที่ไม่สนิทใจ แต่สามารถเปิดบทสนทนาคุยเพื่อนินทากันได้ และต่างฝ่ายก็มีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบในชีวิตประจำวันอยู่ที่เปิดอกคุยกันได้แบบไม่เกรงใจเพียงเพราะเราไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย และความผูกพันธ์ที่พูดคุยกันแทบทุกคลื่นหลังไมค์ ทั้ง 2 ฝ่ายกลับรู้สึกดีต่อใจ สนิทกันจนเกิดเป็นความรักแบบไม่รู้ตัวและรอคอยที่จะเจอกัน
มีอยู่ 1 ประโยคที่ผมชอบมากในตัวหนัง “ความรักก็เหมือนคลื่นวิทยุ ต้องหา ต้องปรับ ต้องจูนหากันอยู่เสมอ” ซึ่งพระนางก็ยังต้องปรับเข้าหากันเพื่อได้รับข้อเสียอีกฝ่ายเพื่อเปิดโอกาสให้อีกคนเข้ามาในชีวิต
นักแสดง
ในเวลานั้นพี่บีม ดีทูบีดังมาก อาร์เอสก็ไม่เอารอช้าที่จะส่งเด็กในสังกัดมาแสดงนำในหนังรักร่วมกับพอลล่า เทเลอร์ ที่ลุคลูกครึ่งใสๆพูดไม่ชัด กลายเป็นเคมีการแสดงที่ลงตัว ไม่ซิเล่นเป็นพระนางได้กลมกลืน จากบทพนักงานเบื้องหลังเปิดในคลื่นวิทยุ กับสาวออฟฟิศขี้เหวี่ยง
ข้อเสีย
ตัวหนัง Sexphone มีบทที่อ่อเกินไป โชคดีที่ความน่ารักของนักแสดงนำทั้ง บีม กวี และพอลล่า มาช่วยกลบเอาไว้ ส่วนท้ายเรื่องบทหนังก็เยิ่นเย้อเกินไป ในช่วงท้ายที่ตัวหนังดันไปต่อความยาวสาวความยืด แถมพวกนักแสดงสมทบแทบไม่ได้มีบทบาทหรือช่วยให้หนังดีขึ้นมากเท่าไหร่
สรุป
แม้บทจะไม่มีอะไรมาก ใช้ความเหงาและคลื่นวิทยุมาเป็นสื่อกลาง ที่ได้เคมีการแสดงที่ลงตัวของบีม กวี และพอลล่า หนังเลยออกมาน่ารักโรแมนติก
หนังรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่านทาง Youtube ช่อง 8