รวมเหล่านักเตะทีมชาติจากสุพรรณบุรี

ชื่อของสุพรรณบุรี นี่คือจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร เมืองที่เงียบสงบ มีวัดชื่อดัง ร้านอาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนย่อนใจเพียบ แถมของฝากก็ขึ้นชื่ออย่างสาลี่

ในแง่ของกีฬาสุพรรณบุรี ไม่เป็นสองรองใครในแดนสยาม ที่นั้นปลุกปั้นนักกีฬาหลากหลายประเภท ซึ่งมารากฐานมาจากโรงเรียนกีฬาสุพรรณ ศาสตร์อย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อของที่นี้คือทีมฟุตบอลที่มีนักเตะเลือดเนื้อเชื้อไขคุณภาพสูง และหลายๆคนก็ก้าวไปติดทีมชาติ ขอบสนามขอนำ11 นักเตะยอดเยี่ยมที่เป็นชาวสุพรรณบุรี ส่วนจะมีใครบ้างนั้นไปสำรวจกันเลยดีกว่าครับ ผู้รักษาประตู วัชรพงษ์ กล้าหาญ ผู้รักษาประตูร่างท้วมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ที่ผ่านการคัดตัวทีมชาติ17 ปี เซฟจนช่วยทีมคว้ารองแชมป์เอเชีย ปี 1996 และได้ไปเล่นเยาวชนชิงแชมป์โลกที่อียิปต์ หลังจากนั้นเขาได้รับสัญญาเป็นนักเตะกับธนาคารกสิกรไทย แต่เบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงไม่ได้ และพเนจรไปเล่นหลายสโมสรทั้งสุพรรณบุรี, ทีโอที, ธนาคารกรุงเทพ, จุฬา ยูไนเต็ด, ศรีสะเกษ, อาร์มี่ ยูไนเต็ด, อุบล ยูเอ็มที และผันตัวมาเป็นโค้ชประตูทั้งสระบุรี เอฟซี, โปลิศ เทโร, อุดรธานี, ราชบุรี และนครราชสีมา กองหลัง รุ่งโรจน์ สว่างศรี เจ้าของฉายา นที 2 ที่เล่นบอลด้วยมันสมอง อ่านเกมตัดเกมได้ฉลาด จนได้ขึ้นมาเล่นไทยลีกตั้งแต่ยังไม่จบมัธยมปลายกับธนาคารกรุงไทย แต่สาเหตุที่ทำให้เขาไปได้ไม่สุด คือเรื่องของอารมณ์ที่เดือดเล่นแรง ใส่หนักเกินเหตุ แถมเมื่อหนักมากเกิน มันก็มาพร้อมกับปัญหาเรื่องของอาการบาดเจ็บ จนเขาไม่สามารถขยับขึ้นมาเป็นตัวหลักทีมชาติไทยได้ ทั้งที่พรสวรรค์จากฝีเท้าของเขาทั้งข้าง มีดีกว่ากองหลังทีมชาติรุ่นราวคราวเดียวกัน สุพรรณ ทองสงค์ กองหลังจากอัสสัมชัญ ธนบุรี ที่ฝีเท้าดี จนโดนเมืองทอง ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาไปร่วมทีมตั้งแต่ยังไม่ม.ปลาย ทว่า “เชน” พบความจริงว่าเขาไม่ใช่นักเตะที่เป็นที่โปรดปรานของกุนซือภายในทีมกิเลนผยอง กระทั่งการสลับขั้วกันระหว่าง ชาริล ชัปปุยส์ กับ สุพรรณ ทำให้เราได้ค้นพบกองหลังทีมชาติไทยคนใหม่ การได้เล่นกับทีมบ้านเกิด ทำให้เขาพัฒนาฝีเท้าไปอีกระดับ เขาเป็นนักบอลที่เล่นไม่โฉ่งฉาง ฉลาดที่จะเล่นรู้จังหวะทำลายเกมคู่แข่ง และมาแจ้งเกิดในการแข่งขันเอเชียน คัพ 2019 ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ กองหลังผู้พิทักษ์หลังบ้านให้ทีมชาติไทยในช่วงปลายยุค 80 จนถึงกลางยุค 90 ทุกคนอาจรู้จักเขาในฐานะพ่อของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ แต่ในความจริงแล้วเขาเป็นนักเตะที่กองหน้าคู่แข่งหวาดกลัวไม่แพ้คู่หูในทีมทหารอากาศ อย่างสมศักดิ์ คำมณี “น้าเด่อ” นิ่งเยือกเย็น เป็นนักบอลที่เข้าสกัดลูกได้แม่นยำ รับมือคู่แข่งได้สบาย ถือเป็นนักเตะลูกหม้อระดับตำนานของกองทัพอากาศไม่แพ้ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่สำคัญเขาคือ 1 ใน 11 นักเตะทีมชาติที่ล้มญี่ปุ่น 3-1 g,njv ประดิษฐ์ สว่างศรี ดาวเตะสิงห์อีซ้ายที่เล่นได้ฟูลแบ็คและเซ็นเตอร์ เขาคือนักเตะที่ฝีเท้าครบเครื่องของวงการโชคไม่ดีที่ตำแหน่งที่เล่นเมื่อ20 ปีก่อน มีการแข่งขันกันสูงทำให้ ประดิษฐ์ มันหลุดโผการตัดตัวในรอบสุดท้ายอยู่เป็นประจำ ทั้งทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ 2001 หรือทีมนักเรียนไทย หลังจากนั้นเขากลับไปประสบความสำเร็จกับการได้ลงเล่นให้ทีมบ้านเกิดอย่างสุพรรณบุรี ในโปรลีก และโยกไปร่วมทัพการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และพเนจรไปเรื่อยกับธนาคารกรุงไทย, นครปฐม, เพื่อนตำรวจ, แบงค็อก ยูไนเต็ด และอ่างทอง ปัจจุบันเขาเปิดอะเคเดมี่ “สว่างศรีฟุตบอลคลับ” โดยลงทุนสร้างสนามบอลเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้เด็กๆเมืองขุนแผน กองกลาง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ อดีตนักเตะโออิตะ ตรินิตะ ที่ผันตัวเองจากเซ็นเตอร์แบ็คในโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ขยับมาเป็นแบ็คขวา ก่อนจะพัฒนาขึ้นมาเป็นกองกลางตัวหลักทีมชาติไทย จนครั้งหนึ่งได้รับฉายา “นิว เจอร์ราร์ด” มาแล้ว เขาเป็นนักเตะที่มีพลังงานมหาศาลในการวิ่งไล่บอลตัดเกม คุมจังหวะพื้นที่กลางสนาม และสามารถสร้างสรรค์เกมรุกสนับสนุนเพื่อนได้อยู่หลายครั้งหลายครา ปัจจุบัน ฐิติพันธ์ กลับมาลงเล่นในเมืองไทยกับบางกอกกล๊าส เพื่อหาโอกาสที่เหมาะสมคัมแบ็คสู่ทีมชาติไทย ประเสริฐ ช้างมูล ไฮไลท์สำคัญของแข้งรายนี้คือการซัลโวประตูทีมชาติจีน ในการแข่งขันบอลชายเอเชียน เกมส์ 1990 รอบ 8 ทีมสุดท้าย และยิงประตูช่วงท้ายเกมดับเกาหลีใต้ ในรอบคัดเลือกเอเชียน คัพปี 1992 แถมชีวิตการค้าแข้งก็ไปได้ดีถึงการสัมผัสบอลสมัครเล่นในลีกญี่ปุ่น กับคอสโม่ ออยส์ และหวนกลับมาเล่นให้สโมสรตำรวจ ก่อนจะผันตัวเองออกมาเป็นโค้ช ปัจจุบันเขารับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนลำปาง เอฟซี คัมภีร์ ปิ่นฑะกุล นี่คือแข้งที่เด็กมากมายในจังหวัดสุพรรณบุรี อยากเจริญรอยตาม เขาคือนักเตะจอมทัพเล่นตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ และสร้างชื่อกับทีมบ้านเกิดเมืองนอน ในการแข่งขันโปรลีก แน่นอนว่าฝีเท้า “พี่เสือ” สูงเกินกว่าจะเล่นโปรลีก เขาจึงเลือกไปเล่นให้ธนาคารกรุงเทพ นี่เป็นนักเตะที่วางบอล และยิงไกลได้แม่นยำ ซึ่งการเล่นบนลีกสูงสูดแดนสยามเมื่อปี 2001 เมื่อจบฤดูกาล เขาได้รับรางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล และถูกปีเตอร์ วิธ เรียกไปติดทีมชาติไทย ในการแข่งขันบอลถ้วยพระราขทานคัพ 2002 เทิดศักดิ์ ใจมั่น “หม่อมเยิน”, “เดอะ ป็อบ”, “น้าเทิด” นักบอลจากสามชุก ที่มาประสบความสำเร็จกับการเป็นนักบอลในเมืองกรุง จากพณิชยการราชดําเนิน มาสู่สโมสรตลาดหลักทรัพย์ , กรุงเทพมหานคร จนมาประสบความสำเร็จกับบีอีซี เทโรศาสน เทิดศักดิ์เป็นเพลย์เมกเกอร์ที่ครบเครื่องที่สุดในยุค 90 เลี้ยงบอลเชื่องเท้าทั้งซ้ายและขวา จ่ายบอลแม่น ยิงไกลมีประสิทธิภาพ น่าเสียดายที่เขามีโอกาสในนามทีมชาติน้อยเกินไป จนมาได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องช่วงรอยต่อปี 2000 เขาคือขุนพลหลักทีมชาติไทยชุดคัดบอลโลก 2002 ฟอร์มที่พีคของเทิดศักดิ์ ใจมั่น ทำให้เทโร เกือบได้แชมป์สโมสรเอเชีย เมื่อปี 2003 หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจโยกไปโกยเงินในช่วงบั้นปลายอาชีพการค้าแข้งในเวียดนามและสิงคโปร์ ก่อนจะกลับมาค้าแข้งที่ชลบุรี เอฟซี และผันตัวเองมาทำหน้าที่โค้ชในเวลาต่อมา กองหน้า ชนานันท์ ป้อมบุบผา เด็กหนุ่มจากปทุมธานีที่มีพื้นฐานครอบครัวมาจากเมืองขุนแผน อดีตกองหน้าจากอัสสัมชัญ ธนบุรี ผู้เป็นเด็กเยาวชนยุคแรกๆของเมืองทอง และถูกปล่อยไปอยู่กับเพื่อนตำรวจ แต่กลับมาแจ้งเกิดกับการทำทีมของ”โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ที่สโมสรโอสถสภา และมีโอกาสติดทีมชาติไทย ในยุคเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จนได้เหรียญทองซีเกมส์ 2 สมัย “ทู” อาจจะไม่ใช่กองหน้าที่จบสกอร์แม่นยำมีประสิทธิภาพ แต่สถิติค่าเฉลี่ยในการง้างเท้ายิงประตูค่อนข้างดี หลังกลับมาเล่นให้สุพรรณบุรี เขาก็ถูกขายต่อไปให้กับแบงค็อก ยูไนเต็ด  ทีมต้นสังกัดปัจจุบัน มานิตย์ น้อยเวช กองหน้าที่เติบโตอำเภอด่านช้าง เขาคือกองหน้าเนื้อหอมตั้งแต่เป็นเยาวชนโรงเรียนบรรหารแจ่มใส เพราะมาแจ้งเกิดในบอลรายการโอวินตัน พาวเวอร์ คัพ ที่สนามศุภชลาสัย ปี 1998 จนได้รับการชักชวนให้ไปคัดตัวทีมนักเรียนไทยที่มีอ.พยงค์ ขุนเณร เป็นสต๊าฟฟ์โค้ช จากนั้นเขาถูกองอาจ ก่อสินค้า ดึงตัวมาร่วมทีมบีอีซี เทโรศาสน ทันที หลังเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมเทโร ไม่ได้ “กั๊ก” ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมบ้านเกิดสุพรรณบุรี เขายิงประตูถล่มถลายในโปรลีก จนในที่สุดก็ได้รับโอกาสติดทีมชาติไทยในยุคของปีเตอร์ วิธ ทั้งการแข่งขันเอเชียน เกมส์ 2002 และอาเซียน คัพ น่าเสียดายที่เวลานั้นเขาแจ้งเกิดในการรับใช้ชาติ แต่ไทยลีก ไม่ได้มีค่าตอบแทนที่สูง “ริวัลโด้ เมืองไทย” จึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปล่าเงินในต่างแดนที่เวียดนามและอินโดนีเซีย และชื่อของ มานิตย์ ก็ค่อยๆหายไปจากสารบบทีมชาติ

ขอบคุณภาพประกอบ นิตยสารฟุตบอลสยาม, มนต์ชัย พรหมพิราม, หนังสือพิมพ์สยามกีฬา