ฟุตบอลไทยในอดีตก่อนจะพัฒนามาเป็นบอลลีกอาชีพ ใช้ระบบบอลน็อคเอาท์แพ้ตกรอบแข่งแบบทัวร์นาเมนต์ และถูกปรับแต่งให้มาเป็นระบบเหย้าเยือน วันเวลาเปลี่ยนผ่านจากการใช้นักเตะไทยเป็นแกนหลัก เปิดโอกาสให้แข้งต่างชาติ เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อยกระดับลีก เพียงแต่งบประมาณในการจ่ายเงินซื้อผู้เล่นนอก สโมสรลีกบ้านเราจ่ายแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ได้ วิธีการดั่งเดิมที่บ้านเราใช้คือการเปิดคัดตัวแบบโอเพ่น เพื่อพิสูจน์ฝีเท้าให้กุนซือแต่ละทีมได้เห็น ถ้าใครมีสไตล์การเล่นที่สามารถยกระดับทีมได้ ก็มักจะรับพิจารณาเซ็นสัญญา
มีแข้งนอกมากมายที่มุ่งหน้ามาโอกาสคัดตัวกับหลายสโมสรในไทยลีกมากมาย ขอบสนามได้คัดแข้งดังที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าพวกเขาเหล่านี้มาจากการทดสอบฝีเท้าจนในเวลาต่อมากลายเป็นซุปตาร์ชื่อดังฟุตบอลลีกสูงสุดแดนสยาม
1.เคลตัน ซิลวา
อดีตนักบอลโนเนมลีกระดับล่างในบราซิล ที่ได้รับการชักชวนจาก ฟาบิโอ บาร์โบซ่า กองหน้ารุ่นพี่เพื่อนร่วมชาติให้ย้ายมาลงเล่นบอลอาชีพในเมืองไทย ด้วยสภาพอากาศที่ไม่ต่างกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีกับเคลตัน เขาตีตั๋วเครื่องบินจากบ้านเกิดมายังแดนสยาม และมุ่งหน้าไปคัดตัวทันที ด้วยความที่เป็นนักบอลโนเนมความคาดหวังไม่มาก เคลตัน จึงถูกนำตัวไปยังสนามซ้อมหมู่บ้านธนารมย์ ย่านสายไหม ของโอสถสภา เขาสวมสตั๊ด แต่ไปโกหก"โค้ชเบ๊" ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ว่าตัวเองเล่นกองกลาง ทั้งที่ความจริงเป็นศูนย์หน้า ปรากฏว่า เกมทดสอบฝีเท้าเขาสอบผ่าน ยิง 1 ประตูในเกมพบกับทีมตำรวจ หลังจากนั้นเจ้าตัวฝึกซ้อมอีก 4 วัน ก่อนจะได้รับสัญญาอาชีพทีมแรกในเมืองไทย หลังจากนั้นตำนานไทยลีกก็เริ่มขึ้น จากโอสถสภา, บีอีซี เทโรศาสน, เมืองทอง ยูไนเต็ด, เชียงราย ยูไนเต็ด และสุพรรณบุรี เอฟซี จำนวน 141 ประตู ขึ้นแท่นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลแดนเมืองไทย
2.ดราแกน บอสโควิช
ดาวเตะมอนเตเนโกร ที่ติดทีมชาติชุดใหญ่ 1 นัดในปี 2012 ได้รับการชักชวนจากแข้งดังเพื่อนร่วมชาติ อิวาน บอสโควิช ที่เวลานั้นค้าแข้งกับชลบุรี ให้มาลองหาประสบการณ์ใหม่ในลีกไทย จากแข้งที่ไม่รู้จักฟุตบอลในทวีปเอเชีย เขาจึงไม่รอช้าเดินทางมาตามคำแนะนำแข้งเพื่อนร่วมชาติ ดราแกน มาพร้อมเอเยนต์ส่วนตัวเพื่อทดสอบฝีเท้ากับสุพรรณบุรี เอฟซี ในยุคที่มีกุนซือพยงค์ ขุนเณร ซึ่งต้องการแข้งนอกตำแหน่งเกมรุกมาช่วยทีม หลังผ่านการประเมิน2 สัปดาห์ บอสโก้ ได้รับสัญญา 2 ปี พร้อมยูนิฟอร์มเสื้อหมายเลข 10 ทำหน้าที่เพลย์เมกเกอร์ให้ทีม โดยที่ยิง 10 ประตูปีแรกในไทยลีก หลังจากนั้นเขาก็ย้ายตามมาโน่ โพลกิ้งไปอยู่ที่แบงค็อก ยูไนเต็ด ก่อนจะถูกปรับบทบาทจากจอมทัพมาเป็นศูนย์หน้า ยิงไป 71 ลูก คว้าดาวซัลโวไทยลีก 2017 ก่อนจะถูกขายไปให้การท่าเรือ เขาเป็นซุปตาร์ประจำทีมในปี 2018 หลังจากนั้นฟอร์มไม่สม่ำเสมอและถูกถอดออกจากทีม และมาอยู่กับชลบุรี เอฟซี ในปี 2020 โดยที่ยอมลดเงินเดือน ลดอีโก้ตัวเองลง ทว่าด้วยวิกฤติโควิด 19 ที่เจ้าตัวแข็งข้อไม่ยอมลดเงิน ทำให้โดนยกเลิกสัญญา
3.เฮแบร์ตี้ เฟอร์นันเดส
ก่อนจะมาเป็นตำนานแข้ง
ไทยลีก ในทีแรก
เฮแบร์ตี้ไม่มีความคิดที่จะมาลงเล่นบ้านอาชีพในบ้านเราด้วยซ้ำ เขาเหมือนแข้งแซมบ้าทั่วไปที่หาโอกาสลงเล่นบอลในลีกบ้านเกิดตัวเองไม่ได้ ก็มุ่งหน้าไปเจลีกญี่ปุ่น เวทีที่ผู้คนบราซิเลี่ยนอยากไปเล่นที่นั้น เฮแบร์ตี้ ผ่านการทดสอบฝีเท้ากับเดอะสปาคูซัตสึ กุมมะ ในระดับเจ2 ยิงไป 5 ประตู และทำ 1 แอสซิสต์ ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่กับเซเรโซ โอซาก้า ในเจลีก แต่เล่นไปได้แค่ 6 เดือนก็ต้องแยกย้าย และถูกดึงมาร่วมทีมเวกัลตะ เซนได แต่สไตล์การเล่นของนักเตะไม่สอดคล้องกับระบบฟุตบอลญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าผู้เล่นคนไหนก็ต้องลงมาช่วยเกมรับ เขาทำไม่ได้และก็ถูกปล่อยตัวออกมา หลังไม่มีสัญญาพร้อมจะเซ็นสัญญากับ เฮแบร์ตี้ เขาตัดสินใจมาเมืองไทย เพื่อหาสโมสรรองรับและเป็นราชบุรี มิตรผล ที่เซ็นสัญญากับแข้งอีซ้ายธรรมชาติ ไม่น่าเชื่อว่า แข้งไปไม่รุ่งในเจลีก กับค้นพบเวทีลูกหนังที่ทำให้เขาเปล่งปลั่ง แจ้งเกิดในฐานะสตาร์ดัง เขาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก ซัลโวถล่มทลาย และถูกขายไปเล่นในลีกซาอุดิอาระเบีย แต่หลังจากชีวิตในอาหรับไปไม่รุ่งไม่ได้เงินเดือน ชื่อเสียงเก่าๆเพียงพอจะดึงดูดให้เมืองทอง ยูไนเต็ด ดึงตัวเขามาทดแทน เคลตัน ซิลวา ในปี 2017 และกลายเป็นสตาร์คนสำคัญหมายเลข 7 ในถิ่นเอสซีจี สเตเดี้ยม แต่ด้วยความที่อายุมากขึ้นและค่าเหนื่อยที่สูง เขาจำใจต้องย้ายมาอยู่การท่าเรือ เอฟซี เพื่อช่วยเหลือทีมรักในปี 2020
อ่านข่าวต่อเนื่อง : ไร้ทีมสนใจ! เฮแบร์ตี้ลาเจลีกมุ่งหน้าซบราชบุรี
4.อันเดอร์สัน ดอสซานโต๊ส
ปราการหลังโนเนมหัวฟูจากบราซิล ที่มาทดสอบฝีเท้ากับบุรีรัมย์ พีเออีในปี 2010 หลังจากที่ไม่มีแววรุ่งในลีกบ้านเกิด ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ บอดีร่างกายกำยำ พร้อมปะทะพร้อมชนกับนักเตะมากมาย เขาจึงกลายเป็นคีย์แมนของทัพปราสาทสายฟ้าในยุคแรกที่มาปกป้องหลังบ้าน
ดอสซานโต๊ส อยู่กับทีม 2 ฤดูกาล ก่อนจะโดนปล่อยตัวไปให้ชลบุรี เอฟซี ในปี2012 ทั้งที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนแท้ๆ หลังจากฟิตเต็มถัง เขา ปักหลักยืนคุมเกมรับให้ทีมฉลามชล 4 ฤดูกาลเต็ม อยู่ในยุคทองและยุคผลัดใบของสโมสร ก่อนจะไปเล่นเจลีกกับชิมิสุ เอส พัลส์ และในเวลาต่อมาก็คัมแบ็คกลับเมืองไทยมาเล่นให้สุพรรณบุรี เอฟซี จนถึงกลางปี 2019
5.ไดกิ อิวามาสะ
กองหลังระดับตำนานของเจลีกในช่วงยุค2000 เขาคือคีย์แมนของคาชิม่า แอนท์เลอร์ส พูดน้อยแต่ทำงานหนักในสนาม สกัดกั้นเกมรุกคู่แข้งคือจ็อบหลักของ
ไดกิซัง หลังกวาดทุกแชมป์เมเจอร์ในแผ่นดินอาทิตย์อุทัย และชื่อเสียงที่โด่งดังของวงการลูกหนังไทยก็ดึงดูดให้เขามาทดสอบฝีเท้ากับเมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นทีมแรก ทว่าฝีเท้ากลับไม่ถูกใจสก็อตต์ คูเปอร์ ทำให้ ไดกิ เปลี่ยนเป้าหมายมายังบีอีซี เทโรศาสน เขาใช้เวลาไม่นานสร้างความประทับใจให้ โชเซ่ อัลเวส บอร์จีส ที่ไม่รอช้าแจ้งบอร์ดบริหารให้รีบเซ็นสัญญา ไดกิซัง
การเข้ามาคุมเกมรับของ
ไดกิ ช่วยทำให้หลังบ้านเทโรมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เสียประตูยาก โดยที่เขาเหมือนเป็นพ่อบ้านยืนเหมือนเป็นลีดเดอร์ เขามีส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับการเล่นให้ อดิศร พรหมรักษ์ แม้ว่าจะลงเล่นแค่ 1 ปี แต่เขาจากไปแบบตำนาน 35 เกม ยิง 5 ประตู พาเทโร จบที่ 3
ไทยลีก ได้แชมป์โตโยต้า ลีก คัพ 2014 ก่อนจะกลับบ้านเกิดไปอยู่กับฟาเจียโน โอคายามา และไปแขวนสตั๊ดกับโตเกียว ยูไนเต็ด
ติดตามข่าวสารเพิมเติมได้ที่ไลน์ขอบสนาม
