logo-heading

ถ้าจะพูดถึงหมายเลขเสื้อของนักฟุตบอลในแต่ละสโมสรต่างๆ แต่ละทีมก็มักจะมีตัวเลขที่เปรียบเสมือนซิกเนเจอร์ หรือหมายเลขเด่นที่จะถูกสวมใส่โดยซุปเปอร์สตาร์ประจำทีม

เฉกเช่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีเสื้อหมายเลข 7 คอยไว้ให้เหล่าซุปเปอร์สตาร์ หรือแข้งฟอร์มเด่น ฟอร์มแรงให้สวมใส่ โดยนับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ถ้าจะพูดถึงนักเตะที่แวะเวียนมาสมใส่เบอร์ดังกล่าวให้ "ปีศาจแดง" ต้องบอกว่าส่วนมากต่างถูกยกย่องให้เป็นตำนานของทีม ไล่ตั้งแต่ จอร์จ เบสต์ ตำนานแข้งของทีมที่เหมือนเป็นแข้งบุกเบิกสร้างตำนานหมายเลข 7 ให้ทีม โดย เบสต์ สวมเสื้อเบอร์ 7 ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงระหว่างฤดูกาล 1963-1972 ก่อนที่เบอร์ดังกล่าวจะผลัดเปลี่ยนไปหลายมือ ก่อนที่จะถูกยกกลับมาพูดถึงอีกครั้งเมื่อมันถูกมาบรรจุอยู่บนแผ่นหลังของ เอริค คันโตน่า ที่ย้ายมาสวมใส่เมื่อช่วงปี 1992 Cantona ซึ่งในห้วงเวลาดังกล่าว “ก้องโต” ก็แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งมีเอกลักษณ์ส่วนตัวที่บ่งบอกว่าเขานี่แหละเหมาะสมกับเสื้อหมายเลข 7  ซึ่งภายหลังหมดยุคของ คันโตน่า ไป ก็เป็น เดวิด เบ็คแฮม ที่มาเทคโอเวอร์ต่อ และสามารถต่อยอดความยอดเยี่ยมได้เป็นอย่างดีในช่วงระหว่างปี 1995-2003 ก่อนที่เจ้าตัวจะสละเบอร์ดังกล่าวเพื่อย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด  ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทั้ง คันโตน่า และ เบ็คแฮม ทั้งคู่ได้สร้างมาตรฐานให้กับเบอร์เสื้อดังกล่าวไว้มากพอสมควรทั้งเลยของฟอร์มการเล่น และโทรฟี่แชมป์ที่เป็นส่วนสำคัญในการโกยมายังโรงละครแห่งความฝันนี้ ฉะนั้นเมื่อคนต่อไปจะมาสืบทอดตำนานต้องเป็นแข้งระดับบารมี และคาดหวังได้กับผลงานในสนาม แต่ทว่าสิ่งที่เซอไพรส์มากพอควรคือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้มอบเสื้อหมายเลขดังกล่าวให้กับเด็กจากโปรตุเกสที่โลว์โปรไฟล์เป็นอย่างมากในตอนนั้นอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ronaldo - alex ferguson "เมื่อผมย้ายมาที่ ยูไนเต็ด ผมขอใส่เบอร์ 23 แต่เจ้านายกลับบอกว่า 'ไม่ นายจะต้องสวมเสื้อเบอร์ 7' ผมอึ้ง และตกใจเป็นอย่างมาก เพราะผมรู้ว่า เบ็คแฮม เคยใส่เสื้อเบอร์นี้มาก่อน แต่ผมพร้อมรับความท้าทาย และนับตั้งแต่นั้นมันก็เป็นเบอร์นำโชคของผมมาตลอด เพราะผมคว้าแชมป์ทุกอย่างของฟุตบอลกับเสื้อเบอร์นี้" โรนัลโด้ เคยย้อนความหลังกับการโดนยัดเยียดเสื้อหมายเลข 7 ให้กับตนเองโดยบรมกุนซืออย่าง ป๋าเฟอร์กี้ แต่ทว่าดูเหมือนการตัดสินใจในครั้งนั้นของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั้นจะถูกต้องเป็นอย่างมาก เพราะ CR7 ได้สถาปนาตัวเองกลายเป็นแข้งหมายเลข 1 ของทีมในช่วงเวลาไม่กี่ปี พร้อมทั้งซัดประตูเป็นกอบเป็นกำช่วยให้ทีมกวาดแชมป์อย่างมากมาย โดยหนึ่งในโทรฟี่ที่สุดพิเศษคือแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2008 เพราะนั้นคือแชมป์ยุโรปครั้งแรกของเจ้าตัว รวมแล้วตลอด 6 ปี ภายใต้หมายเลข 7 แห่ง แมนฯ ยูไนเต็ด โรนัลโด้ กระหน่ำไปทั้งสิ้น 118 ประตู จากการลงสนาม 292 นัด ก่อนที่จะโบกมืออำลาทีม เพื่อไปตามหาความฝันของตัวเอง แน่นอนว่าการจากไปของเขาในวันนั้นมันส่งผลต่อทีมมากพอสมควร เปรียบก็เหมือนเขาได้ขุดหลุมไว้ใหญ่เบ้อเร่อมันไม่ง่ายเลยที่จะหาคนมาสืบทอด โดยเฉพาะในตำแหน่งของเขา และหมายเลข 7 ในตำนาน ที่มันกลายเป็นเบอร์แห่งความกดดัน จากสิ่งที่เขาได้เคยทำไว้ Owen ตัวแทนคนแรกก็สร้างเสียงเซอไพร์สให้ทีมได้เลยเพราะทีมมอบเสื้อกมายเลข 7 ให้กับศูนย์หน้าอย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น ซึ่งจะว่าไปมันอาจไม่ถูกใจแฟนบอล "ปีศาจแดง" หลายคน ซึ่งตลอด 3 ปี "เบบี้โกล" ไม่อาจยึดเป็นตัวจริงของทีมได้ด้วยทั้งเรื่องของอายุ และความสม่ำเสมอ แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ขี้เหล่อะไรมากลงสนามไปทั้งสิ้น 52 นัด ซัด 17 ประตู และสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลกีมาเชยชมได้สำเร็จอีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นดูเหมือนเสื้อหมายเลข 7 ของ ยูไนเต็ด จะไม่มีแข้งคนไหนที่เข้ามาแล้วโชว์ผลงานได้คู่ควรอีกเลยไล่ตั้งแต่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมเมื่อครั้งสวมเสื้อหมายเลข 25 แต่ทว่าพลันที่โยกมาสวมเสื้อเบอร์ 7 ก็ทนแรงกดดันไม่ไหวต้องขอกลับไปสวมเสื้อหมายเลขเดิม "ผมรู้สึกกดดัน, มันทำให้ผมมีอาการบาดเจ็บจนไม่สามารถฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ผมกลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง และทำให้ผมทำผลงานในสนามออกมาได้ดี ผมคิดว่ามันเป็นเพราะการที่ผมเปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 25 นี่แหละ" นี่คือคำให้การถึงแรงกดดันภายใต้เสื้อหมาย 7 ของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ต่อจากนั้นทีมก็ไปคว้า อังเคล ดิ มาเรีย มาร่วมทัพ แต่สุดท้ายมันก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่สวยงามระหว่างทั้งคู่ ทำให้ต้องแยกทางกัน และกลายเป็นศัตรูกันนับตั้งแต่วันนั้นจวบจนทุกวันนี้ ซึ่งหลังจากนั้นทีมก็ไปคว้าดาวรุ่งเพชรเม็ดใหม่ในสไตล์ที่ใกล้เคียงกับ โรนัลโด้ มาร่วมทัพนั้นก็คือ เมมฟิส เดปาย แต่ทว่าสุดท้ายด้วยเจ้าตัวก็ไม่อาจก้าวขึ้นมาเฉิดฉายกับทีมได้ด้วยหลายปัจจัยทั้งการปรับตัว, ความกดดัน และ ความคาดหวัง เมื่อมากองรวมกันมันเลยกลายเป้นความล้มเหลว ก่อนที่แข้งหมายเลข 7 คนล่าสุดนั้นก็คือ อเล็กซิส ซานเชซ ซึ่งแข้งชาวชิลีถูกแฟนบอลตีตราว่าเป็นแข้งที่ล้มเหลวเหนืกว่าทุกชื่อที่กล่าวมาเลยก็ว่าได้ เพราะนับตั้งแต่ช่วงปี 2018 ที่เจ้าตัวย้ายมาร่วมทีม อเล็กซิส แทบจะยังไม่ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน หรือแสดงศักยภาพออกมาว่าคู่ควรกับเบอร์เสื้อดังกล่าวได้เลยจากตัวเลขที่ปรากฎออกมาว่าจำนวน 45 นัดที่เขาลงเล่น สามารถเบิกสกอร์ได้เพียง 5 ตุง กับ 9 แอสซิสต์  เท่านั้น อย่าว่าแต่หมายเลข 7 เลย ฟอร์มแบบนั้นอาจไม่คู่ควรกับการเป็นตัวจริงของทีมเลยก็ว่าได้  ... Alexis 7 สรุปแล้วนับตั้งแต่ โรนัลโด้ จากไปยังไม่มีแข้งคนไหนเลยที่แวะเวียนมาสวมเสื้อหมายเลข 7 และคู่ควรจะเป็นตัวแทนของเขาได้เลย ซึ่งสาเหตุมันเกิดจากอะไรกันหละ? เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนตั้งคำถามแบบนี้มาเสมอ เพราะจากชื่อที่กล่าวไปทั้งหมดดีกรีแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาเลยอย่าง ดิ มาเรีย ก็เป็นยอดแข้งทั้งระดับทีมชาติอาร์เจนติน่า และเป็นกำลังสำคัญของ เรอัล มาดริด หรือ อเล็กซิส ซานเชซ ที่โชว์ผลงาน และเคยพิสูจน์ตัวเองมาแล้วกับทีมระดับชั้นนำอย่าง บาร์เซโลน่า หรือ อาร์เซน่อล แต่ทว่าสุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ซึ่งถ้าจะบอกว่าสาเหตุที่ฟอร์มแข้งแต่ละคนนั้นดิ่งลงเหวเกิดจากการสวมเสื้อหมาย 7 มันอาจตอบไม่ได้เต็มปาก แต่อย่างน้อยมันน่าจะส่งผลต่อสภาพจิตใจ แรงคาดหวังที่ถาโมเข้ามา และ ความกดดันที่ต้องพบเจอ  จากสิ่งที่กล่าวมานั้นถ้านักฟุตบอลพบเจอเมื่อไหร่มันก็คล้ายกับอาการจิตตกเล็กๆ ถึงแม้คุณจะไม่ไปใส่ใจมัน แต่มันก็เหมือนชะงักติดหลังที่ต้องโชว์ผลงานออกมาให้ดีสถานเดียว ไม่เช่นนั้นคำด่าจากแฟนบอลก็พร้อมที่จะกระโจมเข้าหาตัวในทันที  ซึ่งเมื่อเวลามันดำเนินมาถึงตรงนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่จะมาหยุดอาถรรพ์หมายเลข 7 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นจะเป็นใคร และมันจะมีแรงสั่นสะเทือนต่อนักเตะคนต่อไปอีกนานแค่ไหน  แต่เชื่อว่าสักวันมันก็ต้องมีคนมาปราบไอ้อาถรรพ์นี้ลงไป ไม่แน่มันอาจเป็นเวลาอันใกล้นี้อย่างเช่นฤดูกาลหน้าก็เป็นได้

- เปา ขอบสนาม -

ติดตามไลน์ขอบสนามเพิ่มเติม เพิ่มเพื่อน
logoline