ฟุตบอลไทยลีก 2020 กำลังจะกลับมาแข่งขันตามปกติอีกครั้ง หลังเว้นวรรคไปยาวนานพอควรจากวิกฤติโควิด 19 และหลายๆสโมสรก็มีการขยับรับมือเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ทั้งการเรียกรวมตัวนักเตะมาทำการฝึกซ้อม การเสริมผู้เล่นใหม่ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่การแข่งขันในปี 2020 ยังคงมีความเข้มข้นอยู่
ยิ่งสโมสรไหนทำระบบเยาวชนอย่างจริงจังทีมนั้นย่อมได้เปรียบเฟ้นหาตัวเลือกใช้แข้งอายุน้อยเอามาปลุกปั้นใช้งานได้ ขอบสนามคัดสรร 5 ดาวรุ่งอายุไม่ต่ำกว่า 23 ปีที่มีแววดีและปี 2020 ก็น่าจะถึงเวลาที่พวกเขาจะได้โอกาสแจ้งเกิดจริงๆจังเสียที
1.เจษฎากร ขาวงาม
เด็กหนุ่มจากประโคนชัย ในบุรีรัมย์ที่ครอบครัวมีฐานปานกลาง พ่อทำอาชีพตำรวจและแม่เป็นครู แน่นอนว่าทุกคนที่บ้านอยากให้เขาเจริญรอยตาม ประกอบอาชีพข้าราชการที่มีเกียรติ ชีวิตเขาเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง แต่มันไม่ใช่ฝันที่ ฟิว อยากจะเป็นเลยสักนิด เขาหลงรักฟุตบอล และแอบไปคัดฟุตบอล ตามคำแนะนำของ ศศลักษณ์ ไหประโคน จนมีชื่อติดที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี จนเข้ามาผจญภัยในเมืองหลวงแดนสยาม ได้รับการขัดเกลาฝีเท้าจากสกล เกลี้ยงประเสริฐ ลงเล่นทั้งฟุตบอลสนามใหญ่และฟุตซอล จนได้โอกาสครั้งสำคัญได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะแบงค็อก ยูไนเต็ด
ทว่า เจษฎากร ก็เหมือนเยาวชนทั่วไปที่ได้แต่ลงเล่นไทยลีก 4 ให้ทีมสำรอง ได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ แต่ไม่มีโอกาส จนกระทั่งปี 2018 อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ยืมตัวไปร่วมทีม ฟิวส์ แจ้งเกิดในสีเสื้อเทพอินทรี ลงเล่นไป 10 เกมยิงไป 1 ประตูในเกมบุกชนะชัยนาท ฮอร์นบิล 5-4
และปีถัดมาก็ถูกอาร์มี่ ยูไนเต็ด ดึงตัวไปใช้งาน พร้อมกับได้โอกาสติดทีมชาติไทยชุด 23 ปี ไปแข่งที่กัมพูชา
แม้ฝันจะยังไปไม่สุด โอกาสไม่เคยเป็นใจเลยสักนิดในการลงเล่นไทยลีก สุดท้ายเป็นทาง "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม
กุนซือผู้ชอบปั้นดาวรุ่งโนเนมมาประดับวงการลูกหนังไทยมากมาย ที่ดึงตัวมาร่วมทีมหนองบัวพิชญ ในระดับไทยลีก และนี่น่าจะเป็นช่วงที่ ฟิวส์ จะได้พิสูจน์ตัวเองก่อนที่ชีวิตจะล่วงเลยคำว่าดาวรุ่งผลัดใบ
2.วีระเทพ ป้อมพันธ์
นักข่าวมากมายชอบเรียกเด็กหนุ่มจากนนทบุรี ว่า "เทพฟุตซอล" เนื่องจากเขาฝึกฝนทักษะฝีเท้าลูกหนังมาตั้งแต่เล็กๆ เก็บเกี่ยวศาสตร์ลูกหนังบนสังเวียนไม้ปาเก้มายาวนาน จากโรงเรียนปทุมคงคา จนได้รับการทาบทามให้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตซอลมากมาย กระทั่งจุดเปลี่ยนในช่วงการเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยที่จุฬาลงกรณ์ฯ ทำให้ "เตอร์" มีโอกาสได้สัมผัสฟุตบอลสนามหญ้าอย่างจริงจัง และแปรเปลี่ยนให้เขาเปลี่ยนเป้าหมายทันที จากนักเตะซ้ายธรรมชาติ เขากลายเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกลงเล่นให้ทีมจามจุรี ยูไนเต็ด และรับใช้ในระดับไทยลีก 3 และบอลอุดมศึกษามาตลอด 3-4 ปี
แบงค็อก ยูไนเต็ด เห็นฟอร์มการเล่นอย่างต่อเนื่องจึงทาบทามให้ วีรเทพ เป็นทดสอบฝีเท้า แต่ด้วยอุปสรรคการเดินทางที่ไกล และในเวลานั้นแข้งเทพ ทำให้เขาตัดสินใจรับข้อเสนอกับเมืองทอง ยูไนเต็ด ในปี 2019 และรับสัมปทานเสื้อหมายเลข 18 ต่อจาก"เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ และเมื่อกิเลนผยอง เข้าสู่ยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น "เตอร์" คือคีย์แมน ที่อเล็กซานเดร กาม่า ไว้วางใจ ด้วยความที่เขาเป็นนักเตะอเนกประสงค์ เล่นได้หลากหลายตำแหน่งทั้งตัวริมเส้น, เพลย์เมกเกอร์ และห้องเครื่องตัวคุมเกม ทำให้ปี 2020
3.ชยธร เทพสุวรรณวร
เด็กหนุ่มจากคณะบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่โปรไฟล์ตลอดชีวิตได้เล่าเรื่องสถาบันที่ดีตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพคริสเตียน, สวนกุหลาบวิทยาลัย, เตรียมอุดมศึกษา และเขาก็แบ่งชีวิตอีกส่วนหนึ่งไว้กับการเล่นฟุตบอล โดยที่ไม่กระทบกับการศึกษาได้น่ามหัศจรรย์ จากเด็กที่เป็นภูมิแพ้ไม่มีวันหายที่พ่อพาไปฝึกซ้อมฟุตบอลรอบๆศูนย์ฝึกในละแวกฝั่งธนบุรี ปัจจุบัน "ไมเคิล" กลายเป็นนักบอลอาชีพในระดับไทยลีก กับแบงค็อก ยูไนเต็ด
แม้ฝันในการไปเล่นบอลอาชีพที่ญี่ปุ่นจะต้องมีอันยุติลง หลังจากที่เอฟซี โตเกียวชุด 23 ปี ไม่ส่งทีมลงแข่งเจลีก 3 ทำให้ ชยธร ต้องซมซานกลับแดนสยามก่อนเวลาอันควร แต่ถึงกระนั้นเขาน่าจะพร้อมสำหรับการต่อสู้ในตำแหน่งแดนกลางทีมแข้งเทพแล้ว เพราะฝีไม้ลายมือแกร่งขึ้นมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสกัดบอลที่ชาญฉลาด ร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกที่มาโน่ โพลกิ้ง พึ่งพอใจมากแน่ๆ ในการไล่ล่าความสำเร็จแชมป์ไทยลีกและโควต้าเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก
4.เทพพิทักษ์ พูลจวง
เมสซี่ระยอง ที่ผู้คนพูดกันปากต่อปาก หลังได้เห็นลีลายามครอบครองบอลของไอ้หนุ่มรายนี้บนสังเวียนสนามกีฬากลางมายาวนาน 5 ปี
จากเด็กหนุ่มที่แค่ขี่มอเตอร์ไซต์มาส่งผู้ชายมาฝึกซ้อมฟุตบอลให้ระยอง เอฟซี ก่อนที่ชูศักดิ์ ศรีภูมิ กุนซือในเวลานั้นให้โอกาสเอิร์ธ มาทดสอบฝีเท้าในปี 2015 ด้วยความที่เป็นเด็กหนุ่มที่เบสิคลูกหนังดีกว่านักบอลอาวุโสหลายๆคน เทพพิทักษ์ จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมมาตั้งแต่อายุ 17 ปี เขาอยู่กับทีมมายาวนาน 5-6 ฤดูกาล จากแข้งโนเนมในระดับลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 พัฒนาการของเขาค่อยๆก้าวกระโดดจนกลายเป็นดาวรุ่งไทยที่น่าจับตามองในปี 2020
"เอิร์ธ" ได้ลงเล่นฟุตบอลอย่างสม่ำเสมอแทบทุกสัปดาห์ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ลูกหนังแทบทุกลูก เขาซึมซับความเขี้ยวหลากดิน จนเอาตัวรอดในไทยลีกได้อย่างสบาย แค่น่าเสียดายตรงที่ว่ากุนซือคู่บุญอย่างโค้ชชูศักดิ์ ไม่ได้กุมบังเหียนสอนเขาแล้ว ไม่งั้นพัฒนาการลูกหนังจะแกร่งและก้าวไปไกลกว่านี้อีกหลายเท่า
5.ทักษ์ดนัย ใจหาญ
เด็กหนุ่มจากดินแดนล้านนา ดาวรุ่งที่ใครต่อใครต่างพากันเรียกว่า ศิวกรณ์ เตรียตระกูล 2 "บาส" ก้าวสู่ทีมสิงห์ เชียงราย ตั้งแต่อายุ 14 ปี และฝึกซ้อมฟุตบอลกับทีมมายาวนาน จนกระทั่งไปคัดตัวติดในโครงการฟ็อกซ์ ฮันส์ ในรุ่นที่ 3 ทำให้ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปใช้ชีวิตในเมืองผู้ดีฝึกฟุตบอลและเรียนภาษาอังกฤษ 2 ปีเต็ม ลงสนามในทีมฟ็อกซ์ ฮันส์ไปทั้งสิ้น 74 นัด ยิง 20 ประตู แอสซิสต์ 12 ลูก
และเมื่อหมดสัญญาเขาจึงเดินทางกลับมาเมืองไทย เพื่อมารับใช้อู๋ข้าวอู่น้ำเดิมอย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ผู้บริหารทีมกว่างโซ้งตั้งความหวัง ทักษ์ดนัย ไว้สูงมาก จึงไว้วางใจมอบสัญญาค้าแข้งให้เจ้าหนูรายนี้ เพื่อเป็นกำลังสำคัญระยะยาวของสโมสร ส่วนจะเก่งจริงสมคำร่ำลือหรือไม่นั้นไทยลีก 2020 เราคงได้เห็นกัน
