logo-heading

ถ้าจะพูดถึงคู่แค้นที่เปรียบเสมือนอริของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่าแฟนบอลหลายท่านคงยึกภาพถึงคู่แข่งอย่าง ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซน่อล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ทว่าแท้จริงแล้วศัตรูคู่อาฆาตหมายเลข 1 ของทัพ "ปีศาจแดง" คือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่กลายเป็นคู่แค้นมานานหลายปี หรือราวๆ 500 ปีที่แล้วเลยทีเดียว

ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม เราขอย้อนกลับไปให้ทุกท่านไปรู้ถึงจุดเริ่มต้นของศึกครั้งนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร และในโลกของฟุตบอลเมื่อทั้งคู่โคจรมาพบกันมันเป็นอย่างไรบ้าง

ประวัติพอสังเขปของศึกครั้งนี้

เรื่องราวนี้ต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นเมื่อช่วงปี 1455 ซึ่งในขณะนั้นประเทศอังกฤษได้เกิดสงครามกลางเมืองจากความขัดแย้งกันของสองฝ่ายนั้นก็คือฝ่ายแลงคาสเตอร์ และ ยอร์ก ที่ต่างก็มีสิทธิในการสืบราชสมบัติจากการเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ในราชวงศ์แพลนแทเจเน็ต  โดยการแกร่งแย่งเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าเฮนรี่ ที่ 6 ซึ่งมีสัญลักษณ์ประจำตระกูลเป็นกุหลาบแดง ได้เกิดการฟาดฟันกับ ริชาร์ด แห่งยอร์ค โดยมีกุหลาบขาวเป็นสัญลักษณ์ของตระกูล ซึ่งนั้นเลยเกิดเป็นชื่อเรียกของ "สงครามดอกกุหลาบ" ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้มีตัวแทนเข้าของแต่ละฝ่ายที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำเมืองของตัวเองนั้นก็คือฟุตบอล โดยฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมฝั่งสีแดง เพราะด้วยการที่ทีมตั้งอยู่ในแคว้นแลงคาเชียร์ เป็นเหมือนฝ่าย แลงคาสเตอร์ ส่วนฝั่ง ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นตัวแทนฝ่ายสีขาวจากการที่พวกเขาอยู่ทางฝั่งยอร์คเชียร์  ซึ่งเรื่องราวตั้งแต่ยุคราว 500 ปีก่อน สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันที่แปรเปลี่ยนจากสนามรบทั้งเรื่องของขุมกำลัง, ศรษฐกิจ ศาสนา และ ดินแดน เปลี่ยนแปลงเป็นการมาต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีโดยมีกีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลางแทน War of the Rose : สงครามดอกกุหลาบระหว่างแดง กับ ขาว

เจอกันครั้งแรกในฐานะ แมนยูฯ กับ ลีดส์

ย้อนกลับไปการเจอกันครั้งแรกในนาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ต้องย้อนไปเมื่อปี 1923 หรือเมื่อ 97 ปีที่แล้ว โดยเกิดขึ้นในศึกดิวิชั่น 2 ซึ่งเกมในวันนั้นจากสถิติที่ระบุบอกว่ามีผู้ชมการเข้าสนามชมสดๆ มากถึง 20,000 คน ก่อนที่ผลจะจบลงด้วยการเสมอกันไป 0-0  ซึ่งหลังจากเจอกันครั้งแรกในเกมอย่างเป็นทางการ ผ่านไปอีกเพียง 7 วันทั้งคู่ก็ลงสนามพบกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้เปลี่ยนมาเล่นที่บ้านของ "ปีศาจแดง" กันบ้าง ผลปรากฎว่าเป็นฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 3-1 จากการทำประตูของ โจเซฟ สเปนซ์ และการเหมาคนเดียว 2 ตุงของ อาร์เธอร์ ลอชด์ 

สถิติการพบกันของทั้ง 2 ทีม

สถิติที่อ้างอิงเว็บไซต์ Soccerway ระบุว่าทั้ง 2 สโมสรเจอกันมาแล้วทั้งสิ้น 89 นัด โดยแบ่งเป็นชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด 36 ครั้ง ลีดส์ ชนะ 23 ครั้ง และที่เหบือ 30 นัดคือการจบลงด้วยผลเสมอ  ส่วนถ้าในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่ทั้งคู่โคจรมาพบกันต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2004 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 พอล สโคลส์ ยิงให้ "ปีศาจแดง" ขึ้นนำไปก่อน 1-0 แต่ทว่าอีก 3 นาทีมให้หลังจะเป็น อัลน สมิธ มายิงแบ่งแต้มให้กับทัพ "ยูงทอง" นอกจากนั้นอีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจคือ  แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้คาบ้านให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในเกมลีกมาแล้ว 39 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1981 เลยทีเดียว ซึ่งระหว่างนั้นทั้งคู่พบกันทั้งหมด 15 นัด แบ่งเป็น ชนะ 9 นัด และเสมอ 6 นัด ด้วยกัน War of the Rose : สงครามดอกกุหลาบระหว่างแดง กับ ขาว

เจอกันครั้งล่าสุด

ถ้าเจอกันในเกมอย่างเป็นทางการต้องย้อนไปเมื่อปี 2011 ในเกมลีก คัพ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปเอาชนะ ลีดส์ ได้ 0-3 จากการเหมาคนเดียว 2 ประตูของ ไมเคิ่ล โอเว่น และอีก 1 ตุงจาก ไรอัน กิ๊กส์  ส่วนถ้าเกมแบบไม่เป็นทางการทั้งคู่พึ่งมีโอกาสลงสนามดวลแข่งกันในช่วงปรี-ซีซั่น เดือนกรกฏาคม 2019 ที่ผ่านมานี้เอง โดยลงสนามกันที่ประเทศออสเตรเลีย ผลปรากฎว่าเป็นฝั่ง "ปีศาจแดง" ถล่มเอาชนะไปได้ 4-0 จากการทำประตูของ เมสัน กรีนวู้ด, มาร์คัส แรชฟอร์ด, ฟิล โจนส์ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

ชัยชนะนัดล่าสุดของ ลีดส์ เหนือ แมนยูฯ

ชัยชนะครั้งล่าสุดของ ลีดส์ ที่มีเหนือคู่ปรับอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เชื่อว่าในยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 ฤดูกาล 2009-10 ซึ่งทัพ "ยูงทอง" ที่สถานะในวันนั้นคือทีมในศึกลีก วัน เท่านั้น แต่ทว่าพวกเขาสามารถสร้างเซอไพร์สด้วยการบุกโค่นยอดทีมของพรีเมียร์ลีกในช่วงนั้นได้ด้วยสกอร์ 0-1 ซึ่งประตูชัยมาจาก เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด ที่ประตูดังกล่าวพลิกชีวิตเขาพอควร ทำให้กลายเป็นแข้งชื่อดังเพียงชั่วข้ามคืน แต่อย่างไรก็ตาม ลีดส์ ก็ไปได้ไกลสุดเพียงรอบ 4 เพราะต้องพลาดท่าพ่านให้ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในเกมนัดรีเพลย์ 1-3 ทั้งที่เกมแรกสามารถบุกไปยันเสมอมาได้ 2-2

- เปา ขอบสนาม -

logoline