เรนเจอร์ส ทีมดังลีกสกอตแลนด์ ต้องผ่านการปรับตกชั้น ถูกฟ้องล้มละลาย ต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากหลายปี แต่ท้ายที่สุดก็สามารถขึ้นมาโลดแล่นบนลีกสูงสุด สกอตแลนด์ อีกครั้ง
และไม่เพียงเท่านั้น ภายใต้การนำทีมของ เจอร์ราร์ด ทีม เรนเจอร์ส ยังคงเป็นทีมที่ไร้เทียมทานในปัจจุบัน เพราะยังคงไร้พ่ายในลีก และจากเพิ่งเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เซลติก 1-0 ในเกมลีก โอลด์ เฟิร์ม ดาร์บี้ เก็บเพิ่ม 3 คะแนน นำโด่งจ่าฝูงตารางคะแนนห่าง เซลติก อันดับ 2 ถึง 19 แต้ม
ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของทีม นอกเหนือจากการบริหารทีมของ เจอร์ราร์ด แล้ว อีกปัจจัยคือการมีนักเตะที่ยอดเยี่ยมอยู่ในทีมนั่นเอง วันนี้ขอบสนามจึงจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักเหล่านักเตะอาวุธสำคัญของ เรนเจอร์ส ในฤดูกาลนี้ มีใครกันบ้างมาติดตามได้เลย
1. ยานิส ฮาจี้
หากเอ่ยชื่อของ จอร์จี้ ฮาจี้ ขึ้นมา เชื่อว่าคอลูกหนังที่ผ่านการเชียร์บอลมาตั้งแต่ยุค 90 ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะชายคนนี้คือสุดยอดกัปตันในตำนานของทีมชาติโรมาเนีย พร้อมฉายาว่า "มาราโดน่า แห่งคาบสมุทรบอลข่าน" และแม้ยุคของเขาจะผ่านเลยไป แต่นามสกุล ฮาจี้ ยังคงเป็นที่ถูกพูดถึงจากผลงานบนผืนหญ้าของ ยานิส ฮาจี้ ลูกชายคนเดียวของเขานั่นเอง ยานิส ได้อบรมกับอะคาเดมี่ฟุตบอลขนาดใหญ่ที่พ่อของเขาสร้างขึ้นมาตั้งแต่เด็ก เขามีพรสวรรค์ และพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วภายใต้การสนับสนุนของพ่อเขา จนได้รับเลือกติดทีมชาติโรมาเนียตั้งแต่อายุ 13 ปี หลังจากนั้นเขาก็ได้โอกาสลงเล่นนัดแรกให้กับ วิโตรุล คอนสแตนต้า สโมสรที่พ่อของเขาเป็นเจ้าของร่วมกับเพื่อน และควบตำแหน่งผู้จัดการทีม ทีมในลีก โรมาเนีย ตอนอายุเพียง 16 ปี
จากฟอร์มที่ดีมีแวว ฟิออเรนติน่า ดึงเข้าไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเขาไม่สามารถปรับตัวได้ และไม่สามารถทำผลงานให้ต้นสังกัดประทับใจ จึงต้องโบกมือลากลับมาค้าแข้งกับ วิโตรุล อีกครั้ง จากนั้นในปี 2019 ทีมแชมป์ลีกเบลเยี่ยมอย่าง เกงค์ ตัดสินใจดึงเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์ ก่อนที่เส้นอนาคตของเขาจะสดใสได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองเมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไปค้นพบเพชรเม็ดงามรายนี้ โดยยืมตัวเขามาร่วมทีมด้วยสัญญา 6 เดือน พร้อมกับออปชั่นซื้อขาดเมื่อเดือนมกราคม 2020
ยานิส ในวัย 22 ปี กลายเป็นอาวุธสำคัญของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กุนซือทีม เรนเจอร์ส ในการทำประตู ตลอดปี 2020 และฤดูกาลปัจจุบันซึ่ง เรนเจอร์ส ยังคงไร้เทียมทานนำโด่งจ่าฝูงตารางอยู่ในขณะนี้ แน่นอนว่าการแบกนามสกุล ฮาจี้ บนหลังเสื้อมันทำให้เขากดดัน แต่เขาไม่เคยหวั่นและกล่าวว่า “ผมเกิดมาพร้อมกับความกดดันอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สิ่งที่สร้างปัญหาให้กับผมเลยแม้แต่น้อย” สำหรับ ฤดูกาลนี้ ยานิส ทำไปแล้วถึง 4 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ จากการลงสนามให้ เรนเจอร์ส 26 เกมด้วยกัน
2. เจมส์ ทาเวอร์เนียร์
เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ กลายเป็นนักเตะที่ถูกจับตามองจากหลายทีมขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากโชว์ฟอร์มสุดสะเด่ากับ เรนเจอร์ส ทำสถิติทั้งการยิงประตูและแอสซิสต์ถล่มทลาย ทาเวอร์เนี่ยร์ แบ็คขวากัปตันทีม เรนเจอร์ส วัย 29 ปี ทำไปแล้วถึง 17 ประตู กับอีก 14 แอสซิสต์ จากการลงสนามให้ เรนเจอร์ส 33 เกม และแน่นอนคุณฟังไม่ผิด เขาคือ “แบ็คขวา” แม้ว่าสถิติการทำประตูส่วนหนึ่งจะมาจากการที่เขาเป็นคนรับหน้าที่สังหารจุดโทษ และเข้า 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มาจากการทำประตูจากจุดโทษเพียง 9 ประตูจาก 17 ประตู เท่านั้น นอกจากนี้สถิติการแอสซิสต์ก็เข้าขั้นโหดจัด จึงทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ถูกพูดถึงมากในช่วงที่ผ่านมา และมีข่าวกับหลายทีมในพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตามกว่าชีวิตจะมาพีคกับ เรนเจอร์ส เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ต้องพเนจรอยู่ไม่น้อย และเริ่มต้นด้วยการเล่นเซ็นเตอร์แบ็คก่อนขยับมาเล่นแบ็คขวา เขาเริ่มต้นกับอะคาเดมี่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อนย้ายมา นิวคาสเซิ่ล เขามีโอกาสถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ของ นิวคาสเซิ่ล แต่ด้วยความที่ตอนนั้นยังคงเป็นดาวรุ่ง เลยถูกส่งออกไปเล่นแบบยืมตัวหลายทีมในลีกล่างของอังกฤษด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, เอ็มเค ดอนส์, ชรูว์สบิวรี่ ทาวน์ และ ร็อตเธอร์แฮม ยูไนเต็ด จากนั้น นิวคาสเซิ่ล ก็ขายเขาให้ วีแกน แต่ก็ไม่วายโดนปล่อยเล่นยืมตัวกับ บริสตอล ซิตี้ จนกระทั่ง เรนเจอร์ส ไปดึงตัวเขามาร่วมทีมในปี 2015 ในช่วงแรกที่ย้ายมายังไม่โดดเด่นในเรื่องการทำประตูมากนัก แต่เมื่อ เจอร์ราร์ด เข้ามาคุมทีมปรับเปลี่ยนวิธีระบบการเล่น ดึงศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมา จนทำให้เขากลายเป็นแบ็คจอมบุก จอมถล่มประตู เจ้าพ่อลูกนิ่งในปัจจุบัน เป็นกัปตันคนสำคัญของทีมที่ขาดไม่ได้ การันตีด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของลีกวิสกี้ เดือนกันยายน และ พฤศจิกายน ในฤดูกาลนี้ และยังรั้งดาวซัลโวสูงสุดสโมสรอีกด้วย
นี่คงเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในชีวิตของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นฝันอันสูงสุดของเขาคงหนีไม่พ้นการติดธงรับใช้ทีมชาติ ซึ่งจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขามีสิทธิ์ที่จะติดทัพสิงโตคำราม ไปลุยฟุตบอล ยูโร 2020 ภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้แต่อวยพรให้เขาต้องโชว์ฟอร์มให้ได้อย่างต่อเนื่องเพื่อเบียดแย่งตำแหน่งจากบรรดาแบ็คขวาอังกฤษที่ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก และเฉิดฉายในยูโรตามฝัน
3. ไรอัน เคนท์
หนึ่งในผลผลิตอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ 7 ขวบ และเลื่อนชั้นผ่านชุดต่าง ๆ จนได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ในเกม เอฟเอ คัพ กับ เอ็กเซเตอร์ ในเดือนมกราคม 2016 ในช่วงแรกดูเหมือนจะมีแววเบียดขึ้นทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ได้ แต่ทว่าด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทำให้ เคนท์ ไม่สามารถแสดงศักยภาพที่มากพอว่าเหมาะสมกับ ลิเวอร์พูล ชุดใหญ่ ทำได้แค่ถูกส่งออกไปเล่นแบบยืมตัวเท่านั้น เขาผ่านการสะสมประสบการณ์ในสัญญายืมตัวกับ โคเวนทรี, บาร์นสลีย์, ไฟรบวร์ก และ บริสตอล ซิตี้ ก่อนแจ้งเกิดกับ เรนเจอร์ส ภายใต้การคุมทีมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในฤดูกาล 2018/19
เจอร์ราร์ด กลายเป็นเจ้านายของเขา และอดีตรุ่นพี่ในทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งช่วยให้เขาสามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้มากที่สุด และทำให้เขาสนุกกับการวาดลวดลายบนสนาม โดยในฤดูกาลที่เขาแจ้งเกิดกับ เรนเจอร์ส เขาทำผลงานยอดเยี่ยมลงสนามไป 40 นัด ยิงได้ 6 ประตู และได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกสกอตแลนด์ ซึ่งหลังจากหมดสัญญายืมตัวในปี 2019 เรนเจอร์ส ภายใต้การนำทีมของ เจอร์ราร์ด ก็แสดงความต้องการดึง เคนท์ ไปร่วมทีมแบบถาวรในทันที แม้ว่าในช่วงนั้น เคนท์ จะตกเป็นข่าวกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการตัว แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะไปร่วมงานกับไอดอลของเขาที่ สกอตแลนด์
เคนท์ กลายเป็นตัวหลักของทีม เรนเจอร์ส ในชุดปัจจุบัน ด้วยทักษะความเร็วและความแข็งแกร่งที่เขามี ลงสนามช่วยทีมในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 31 เกม ทำไป 6 ประตู กับอีก 9 แอสซิสต์ พร้อมกับคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมของ สกอตติช พรีเมียร์ชิพ ไปครอง
4. เคมาร์ รูฟ
เคมาร์ รูฟ แข้งสัญชาติจาเมกา ที่เกิดในอังกฤษ เป็นอดีตเด็กปั้นของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่ผ่านประสบการณ์การค้าแข้งแบบยืมตัวรวมถึงค้าแข้งถาวรกับสโมสรในลีกรองและลีกล่างของอังกฤษมาหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น นอร์ธแฮมป์ตัน ทาวน์, โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ อันเดอร์เลชท์ ซึ่งในช่วงที่ค้าแข้งนานที่สุดเป็นช่วงที่อยู่กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด โดยลงเล่นให้กับ ยูงทอง 122 เกม ทำไป 33 ประตู กับอีก 14 แอสซิสต์ ก่อนที่จะย้ายไปเล่นกับ อันเดอร์เลชท์ ในปี 2019 จากนั้น เรนเจอร์ส ตัดสินใจดึงเขามาร่วมทีมเมื่อ สิงหาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา
การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแนวรุกของ เรนเจอร์ส ทำให้ เจอร์ราร์ด มีอาวุธให้เลือกใช้งานหลากหลายมากขึ้น ซึ่ง เคมาร์ รูฟ เล่นได้ทั้ง ปีกซ้าย-ขวา, หน้าต่ำ และ หน้าเป้า เป็นแนวรุกอเนกประสงค์อีกหนึ่งคน รูฟ มีความเร็ว และความแข็งแกร่ง สามารถวิ่งสอดหาช่องทำประตูได้ดี แม้ว่าฤดูกาลนี้เขาต้องพบกับปัญหาอาการบาดเจ็บพลาดลงสนามไปหลายเกมในช่วง เดือนตุลาคม แต่ทว่าหลังจากกลับมาลงสนามได้ ก็เดินหน้าทำประตูสำคัญช่วยทีมหลายเกม หนึ่งในนั้นคือเกมที่ เรนเจอร์ บุกไป บุกไปเอาชนะ สตองดาร์ด ลีแอช ในเกมยูโรป้า ลีก เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จน สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยกย่องลูกยิงไกลของ เคมาร์ รูฟ ให้เป็นช่วงเวลาแห่งอัจฉริยะและเป็นประตูที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นเลยทีเดียว
ความยอดเยี่ยมของเขา ตอบได้ด้วยผลงานการผลิตสกอร์ในฤดูกาลนี้ โดน รูฟ ทำไป ทั้งสิ้น 12 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ จากการลงสนามรวมทุกรายการ 21 เกม และหากนับเฉพาะในเกมลีก เขาทำไปทั้งสิ้น 10 ประตู รั้งรองดาวซัลโวลีกสกอตติช และเป็นรองดาวซัลโวทีมในปัจจุบัน ซึ่งดาวซัลโวทีมและลีกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ นั่นเอง ซึ่ง รูฟ ทำประตูได้เป็นรองเพียง 1 ประตูเท่านั้น
และนี่คือ 4 แข้งดาวเด่นของ เรนเจอร์ส ชุดนี้ ที่ช่วยกันสร้างทีมที่ไร้เทียมทานในฤดูกาลปัจจุบัน ถึงตรงนี้มีความเป็นไปได้สูงที่แฟนบอลจะได้เห็นการเปลี่ยนมือของแชมป์ลีกวิสกี้ หลังจากที่ เซลติก ครองความยิ่งใหญ่มานานหลายปี แต่ทว่าฤดูกาลยังไม่จบ แม้จะนำห่างแต่ตราบใดที่แต้มยังไม่ขาดก็ต้องสู้ต่อไป เรนเจอร์ส ของ เจอร์ราร์ด และเหล่านักเตะของทีมจะสามารถยืนระยะ และคงความแข็งแกร่งนำจ่าฝูงตารางคะแนนแบบม้วนเดียวจนจบได้จนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาลพร้อมคว้าแชมป์ที่รอคอยหรือไม่ แฟนบอลคงต้องติดตามและให้กำลังใจกันต่อไป
- เปี๊ยกบางใหญ่ -
