ตั้งแต่การมาของกุนซือมากฝีมืออย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ดูเหมือนสโมสรอย่าง เชลซี จะกลับมามีชีวีตชีวาอีกครั้ง กับเรื่องของฟอร์มการเล่นที่ชนะมารัวๆ 5 เกมรวดและก็ยังไม่แพ้ใครแม้แต่นัดเดียว รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ภายในทีมด้วย

ถึงอะไรๆ จะดูดีขึ้นก็จริงแต่ในส่วนของตัวผู้เล่นยังไงก็ต้องแข่งขันแย่งชิงผลงานและความดีความชอบกันต่อไปเพื่อโอกาสการลงสนามของตัวเอง และวันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ รายชื่อของเหล่าบรรดาขุนพล "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ไปดูกันว่าใครที่อยู่กลุ่มที่ น่าจะไปได้สวย กับ น่าเป็นห่วง ภายใต้บัลลังก์ของ โธมัส ทูเคิ่ล

กลุ่มไปได้สวย

มาร์กอส อลอนโซ่

จากแข้งส่วนเกินและไม่เป็นที่ต้องการในยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็เล่นได้ไม่โดนใจสักทีสำหรับ มาร์กอส อลอนโซ่ จนมีชื่อติดอยู่ในลิสต์ของนักเตะที่เตรียมโดนเฉดหัวทิ้ง นี่คือคนที่เหมาะสมที่สุดถ้าจะพูดถึงคำว่า "การกลับมาเกิดใหม่" เพราะการมาของ โธมัส ทูเคิ่ล กับระบบการเล่นหลัง 3 ตัวมันทำให้ มาร์กอส อลอนโซ่ เบียด เบน ชิลเวลล์ กระเด็นและกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งกับการงัดประสิทธิภาพการเติมเกมบุกที่มันส์สะใจในแบบฉบับวิงแบ็กจอมบุกเหมือนกับที่เราได้เห็นในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ และไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมีชื่อขึ้นบนสกอร์บอร์ดด้วยในเกมที่ เชลซี เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทุบ เบิร์นลี่ย์ ไป 2-0

อันโตนิโอ รูดิเกอร์

อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นเซ็นเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดของ เชลซี ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านๆ มา พี่แกก็มีฟอร์มที่ค่อนข้างดีและรักษามาตรฐานได้ดีมาตลอด แต่พอมาเจอปัญหาอาการบาดเจ็บและหายหน้าหายตาไปพักใหญ่ๆ พอกลับมาก็ทวงตำแหน่งคืนมาไม่ได้ในยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด และดูเหมือนจะมีเรื่องปัญหาทางด้านความสัมพันธ์และความไม่ลงรอยกับ "ป๋าแลมพ์ส" ด้วย ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ได้กลับมาเป็นกำลังสำคัญของทีมอีกครั้ง ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงตลอด 5 เกมใน พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามากุมบังเหียน พร้อมกับช่วยพาทีมเก็บได้ 4 คลีนชีทด้วยกัน 

จอร์จินโญ่

ที่ จอร์จินโญ่ ได้โอกาสลงเล่นบ่อยๆ ในยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มันก็เป็นเพราะคนสำคัญอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มีปัญหาอาการบาดเจ็บนั่นเอง แต่ถ้าเกิดพูดถึงเรื่องของผลงานขอบอกเลยว่าโดนวิพากษ์วิจารณ์เยอะเหมือนกันกับการโฮลด์บอลและคุมจังหวะเกมในแดนกลาง ต่อให้จะวิ่งเยอะขึ้นหรือมีส่วนกับเกมรับมากขึ้นก็โดนพูดถึงเยอะอยู่ดี เอาง่ายๆ ก็คือแทบจะไม่มีอะไรที่ดูดีเป็นชิ้นเป็นอันเลย แต่ด้วยแท็คติกและระบบแผนของ โธมัส ทูเคิ่ล มันทำให้ จอร์จินโญ่ กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งเหมือนสมัยอยู่ นาโปลี โดยหน้าที่หลักๆ ก็คือการเชื่อมเกมและเคลื่อนบอลอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพะวงด้านข้างและด้านหลังอีกต่อไปซึ่งมันส่งผลให้รูปเกมของทีมดูดีและไหลลื่นขึ้นกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด และเมื่อ จอร์จินโญ่ สามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้เขาก็ได้กลับมาเป็นมือสังหารจุดโทษเบอร์ 1 ของทีมอีกครั้ง

ติโม แวร์เนอร์

โธมัส ทูเคิ่ล ปฏิญาณตนเอาไว้ชัดเจนว่าเขานี่แหละคือคนที่จะงัดศักยภาพที่ดีที่สุดของ ติโม แวร์เนอร์ ออกมาให้จงได้ และมันก็เกิดจริงๆ โดยใช้เวลาเพียงแค่แปปเดียวเท่านั้น สังเกตได้จากความมั่นใจเวลามีบอลอยู่กับเท้า  มีส่วนร่วมมากขึ้นกับประตูที่ เชลซี ยิงได้มากขึ้น เขาทำแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงได้หลายลูก ไหนจะอาศัยความรวดเร็วคล่องตัวเฉพาะตัวซึ่งสามารถเรียกจุดโทษให้ทีมได้อีก จนท้ายที่สุดก็มาเปิดซิงประตูแรกให้กับตัวเองได้สักทีหลังตีนบอดมาแล้วถึง 1,000 นาทีในเกมที่เจอกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะ ติโม แวร์เนอร์ ได้ยืนในที่ๆ เขาถนัดและสามารถทำอะไรได้หลากหลาย ไม่เหมือนกับยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ชอบขยันจับไอ้หมอนี่ไปยืนเป็นตัวรุกทางริมเส้น เพื่อทดแทนคนอื่นๆ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ มันส่งผลให้นักเตะนั้นสูญเสียความมั่นใจ ทำอะไรขาดๆ เกินๆ แต่จากนี้เชื่อว่าเราจะได้เห็นอะไรจากชายที่ชื่อ ติโม แวร์เนอร์ มากขึ้น นี่คือคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของวงการฟุตบอลเยอรมัน ในยุคนี้ เราจะได้สัมผัสกับมันเหมือนสมัยอยู่กับ ไลป์ซิก ไหม ? ต้องติดตามกันต่อไป

คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

นี่ก็เป็นเด็กที่ถูกตั้งความหวังเอาไว้สูงกับการเป็นอนาคตที่ดีของ เชลซี ในภายภาคหน้าสำหรับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็โดนวิจารณ์อยู่เยอะเหมือนกันกับผลงานรวมไปถึงวินัยยามอยู่นอกสนาม ถึงแม้ โอดอย จะได้รับโอกาสอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่ยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่บทบาทส่วนใหญ่จะหนักไปทางตัวสำรองมากกว่า แต่ในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล ดูเหมือนไอ้หนู คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย จะดูมีความยืดหยุ่นและทำประโยชน์ให้ทีมได้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมาจากการโดนโยกไปเล่นในตำแหน่งวิงแบ็ก ด้วยความสด ความรวดเร็วและความคล่องตัวในระดับสูงยามไปกับบอลซึ่งจัดว่าเป็นสกิลเด่นของไอ้หมอนี่มันช่วยให้การเติมเกมบุกและการสร้างสรรค์โอกาสของ เชลซี ทางกราบขวาดูมีความอันตรายมากขึ้นแบบเห็นได้ชัด

กลุ่มน่าเป็นห่วง

ไค ฮาแวร์ตซ์

ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มา เชลซี ด้วยค่าตัวที่แพงกระฉูดถึง 72 ล้านปอนด์ แต่กลับหวังผลอะไรแทบไม่ได้เลยสมัยเป็นลูกมือของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เรื่องของการปรับตัวแน่นอนว่าเป็นปัญหาแน่อันนี้ไม่ใช่ข้ออ้าง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาอีกข้อของ ไค ฮาแวร์ตซ์ คือการโดนจับไปยืนในตำแหน่งที่สับกันมั่วไปหมด มันก็เลยทำให้นักเตะไม่สามารถทำความเคยชินและหาจุดที่ลงตัวกับบทบาทใดๆได้เลย แต่พอมาถึงมือ โธมัส ทูเคิ่ล อะไรๆ ในตัวของ ไค ฮาแวร์ตซ์ มันกลับดูดีมีธรรมชาติขึ้นจริง ได้บอลมากขึ้น มีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น มีการสร้างสรรค์เกมดีๆ ให้เห็น แต่มันน่าเสียดายที่ตอนนี้ดันมาเจอปัญหาโรคเดี้ยงถามหาซะงั้น และที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ถูกจัดว่าเป็นนักเตะที่อยู่หมวดหมู่ที่น่าเป็นห่วงก็เพราะอีกหนึ่งนักเตะในบทบาทเดียวกันอย่าง เมสัน เมาท์ กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่องเนี่ยแหละ

เอ็นโกโล่ ก็องเต้

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกมที่ดีที่สุดในโลก อันนี้ไม่มีใครสามารถตั้งข้อกังกาในเรื่องนี้ได้ แต่จากนี้กับ เชลซี ขอบอกเลยว่าชะตาชีวิตของพี่แกน่าจะตกที่นั่งลำบากแล้วล่ะ เพราะในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล การใช้ จอร์จินโญ่ กับ มาเตโอ โควาวิช ยืนคู่กันดูเหมือนทุกอย่างกำลังลงตัวมากๆ ดูแล้วสไตล์ของเขายังไม่แมตช์กับแทคติกของโค้ชชาวเยอรมันเท่าไหร่ ไหนจะมีปัญหาอาการบาดเจ็บวนเวียนมาเคาะประตูบ้านอยู่บ่อยๆ อีกต่างหาก มันก็ยิ่งทำให้เขาถูกจัดอยู่กลุ่มเสี่ยงมากในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล

เคิร์ท ซูม่า

จริงอยู่ที่ เคิร์ท ซูม่า มีบทบาทสำคัญและทำผลงานได้ค่อนข้างดีภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มีความคล่องตัวที่ดีแถมยังมีสถิติการพังประตูที่ดีด้วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาหลุดโผและต้องไปนั่งอยูบนพื้่นที่ม้านั่งสำรองก็คงเป็นเพราะเรื่องของปัญหาทางด้านความฟิต รวมถึงความนิ่ง การตัดสินใจ การอ่านเกม และการสร้างความบาลานซ์ในไลน์แผงหลังที่สู้พวก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ไม่ได้

คริสเตียน พูลิซิช - ฮาคิม ซิเย็ค

คริสเตียน พูลซิช ที่เคยเป็นลูกรักของ โธมัส ทูเคิ่ล มาก่อนสมัยร่วมงานกันที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ยังไม่ได้รับการการันตีว่าเขาจะได้เป็นตัวจริง เหตุผลหลักๆ ก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องปัญหาความฟิตที่ยังไม่สมบูรณ์นี่แหละ รวมไปถึงนักเตะคนอื่นๆ ที่เล่นได้ตามระบบแบบแผนตามที่โค้ชวางไว้ได้ดีกว่า เช่นเดียวกับตัวของ ฮาคิม ซิเย็ค ที่ต้องเจอกับชะตากรรมเดียวกัน โอเคแหละเรื่องของศักยภาพฝีเท้าและพรสวรรค์รอบด้านเขาไม่ได้เป็นสองรองใครเลยถ้าเทียบกับทุกคนในทีม แต่ด้วยความที่พี่แกเจ็บก็บ่อยเกิ๊น มันก็ยังสร้างความเชื่อมั่นให้โค้ชไม่ได้ว่าคุณจะสามารถแสดงประสิทธิภาพได้เต็มร้อยรึเปล่าถ้าได้โอกาสลงสนาม ขอบอกเลยว่า 2 คนนี้น่าจะเหนื่อยหน่อยกับการกลับมาเป็นตัวจริงให้ เพราะนอกจากเรื่องสมรรถภาพทางกายแล้ว ก็ต้องทำใจด้วยที่ เชลซี เองก็เป็นทีมที่มีผู้เล่นในตำแหน่งแนวรุกอยู่หลายคน 

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม