"หากว่าเธอผ่านมาได้ยินเพลงนี้ คาดว่าเธอก็คงรู้ดีว่าเป็นฉัน" อยู่ดีๆ ในหัวก็ฮัมเพลงนี้ขึ้นมา และก็นึกขึ้นมาได้ว่า เห้ย!! ครั้งนึงเจ้าของบทเพลงนี้อย่าง "พี่เสก โลโซ" แกเคยก้าวเข้ามาสู่วงการฟุตบอลไทยด้วยนี่หว่า แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
พูดถึงชายที่ชื่อ "เสก โลโซ" เสกสรรค์ ศุขพิมาย ผมว่าคนไทยที่บรรลุนิติภาวะแล้วกว่า 99% ไม่มีใครไม่รู้จักร็อคเกอร์ระดับซุปตาร์ของเมืองไทยคนนี้แน่นอน เรื่องของผลงานเพลง หรือชีวิตส่วนตัวที่ผ่านมาเราก็คงได้ติดตามกันไปแล้วตามหน้าสื่อต่างๆ
แต่น้อยคนที่รู้หรือจำได้ว่า "ครั้งนึง "พี่เสก" เคยก้าวเข้ามาอยู่ในหน้าสื่อของวงการฟุตบอลไทยด้วย"
ใครที่เป็นแฟนบอลไทยลีกมายาวนาน โดยเฉพาะแฟนคลับเก่าๆ ของทีมโอสถสภา, ซุปเปอร์พาวเวอร์ ก็น่าจะพอจำเรื่องนี้กันได้ กับการเข้ามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และผู้สนับสนุนทีมเดอะพาวเวอร์ของ พี่เสก โลโซ
เรื่องของพี่เสก กับทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ ต้องย้อนกับไปเมื่อปี 2560 หรือฤดูกาล 2017 ซึ่งหลังจากที่โอสถสภาฯ ได้ถอนตัวจากการทำทีมฟุตบอล โอสถสภา เอ็ม 150 ไปตั้งแต่จบเลกแรกของฤดูกาล 2016 และเลกสองก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น ซุปเปอร์พาวเวอร์ จนจบฤดูกาล
พอจะเริ่มฤดูกาลใหม่ 2017 ปรากฏว่าทีมเดอะพาวเวอร์นั้นมีปัญหาเรื่องของงบประมาณการทำทีม พยายามหานายทุนใหญ่เข้ามาซัพพอร์ต จนใกล้จะเปิดฤดูกาลอยู่แล้ว ทีมก็ยังหานายทุนใหม่ไม่ได้
จนสุดท้ายแล้วนายสุรศักดิ์ ณ นคร ที่ตอนนั้นเข้ามารับหน้าที่เป็นประธานสโมสร ก็ใช้ความสนิทสนมชิดเชื้อกับ พี่เสก โลโซ ชักชวนกันมาร่วมทำทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ด้วยกัน
ซึ่งจริงๆ แล้ว ข่าวพี่เสก กับทีมไทยลีก นั้นเคยมีกระแสอยู่หลายครั้ง ว่าร็อคเกอร์หนุ่มอยากจะเข้ามาทำทีมไทยลีก เพราะตัวเองนั้นมีความชื่นชอบฟุตบอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และอยากเข้ามาช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย
และในปี 2016 ก็เกือบจะได้เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมเพื่อนตำรวจ อยู่แล้ว แต่ในปีนั้นทีมเพื่อนตำรวจมีปัญหาเสียก่อน สุดท้ายพี่เสกก็เลยไม่ได้เข้ามาทำตั้งแต่ตอนนั้น
กลับมาที่เรื่องของทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ หลังมีข่าวว่าพี่เสกจะเข้ามาสนับสนุนและร่วมบริหารทีม ก็กลายเป็นว่าจากทีมที่ไม่ค่อยมีกระแสข่าวในช่วงนั้น ก็มีคนหันมาสนใจทีมซุปเปอร์พาวเวอร์มากขึ้น
และก็มีการจัดงานแถลงข่าวกันอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 7 ก.พ.60 ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน ซึ่งในงานแถลงข่าววันนั้นสื่อทั้งสายกีฬา สายบันเทิง ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และทันทีที่พี่เสกปรากฏตัวในงานก็ได้รับความสนใจมีผู้คนรุมล้อมมากมาย
โดยจากการแถลงข่าวของผู้บริหารทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ ในวันนั้น รายละเอียดก็คือว่า พี่เสก ที่ตอนนั้นแกทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อว่า "โลโซ ดี" ก็จะเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนคาดหน้าอกเสื้อของทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ พร้อมทั้งจะมีการเปลี่ยนชื่อสนามเป็นโลโซ ดี สเตเดี้ยม
พร้อมกันนี้ในงานแถลงยังบอกอีกว่าพี่เสก จะเข้ามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของทีม และร่วมบริหารทีมด้วย
ขณะเดียวกันพี่เสกก็ได้ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าววันนั้นด้วยว่า "จริงๆ แล้วตนจ้องที่จะเข้ามาสนับสนุนทีมในศึกไทยลีกตั้งแต่ปี 2016 แต่ก็เกิดปัญหาเสียก่อนอย่างที่ทุกคนทราบกันดี ดังนั้นในปีนี้ถือว่าเหมาะเจาะมากที่เราได้ทำผลิตภัณฑ์ LOSO-D ขึ้นมา และผมกับ "พี่แดง" สุรศักดิ์ ณ นคร ประธานสโมสรฯ ก็รู้จักกันมาก่อนหน้านี้กว่า 20 ปีแล้ว
"เป็นเวลาที่เหมาะมาก ซึ่ง "พี่แดง" ก็เข้ามาคุยกับผมที่บ้าน 2-3 ครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของงานในวันนี้ เป็นการได้มาร่วมอย่างจริงจังของผม ได้มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสโมสร ซึ่งก็จะมีการจัดคอนเสิร์ต มีกิจกรรมต่างๆ มากมายที่สนามแข่งขัน เพื่อให้น้องๆ เยาวชนเข้ามาสนใจกีฬาสนใจฟุตบอลและห่างไกลยาเสพติด โดยกิจกรรมต่างๆ ก็จะมีขึ้นที่สนามโลโซ-ดี สเตเดี้ยม ในเกมที่ซุปเปอร์พาวเวอร์ลงแข่งขัน ผมเองก็พร้อมสนับสนุนและทำอย่างเต็มที่"
ส่วนเรื่องของจำนวนเงินงบประมาณในการสนับสนุนนั้น "พี่เสก" เผยว่า "เรื่องนี้ต้องบอกว่าตนนั้นเอาตัวเองลงไปมากกว่า ส่วนเรื่องการเงินอะไรต่างๆ หากธุรกิจเป็นไปได้ดีและค้าขายร่ำรวยก็คงจะการเข้ามาสนับสนุนเยอะขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ทีมซุปเปอร์พาวเวอร์มีอันดับที่ดีที่สุดในไทยลีกปีนี้ครับ" นั่นคือบทสัมภาษณ์ที่พี่เสกแถลงบนเวทีในงานวันนั้น
ซึ่งหลังจบงานแถลงข่าววันนั้นก็ดูเหมือนว่าทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ จะมีอนาคตที่ดี และมีโอกาสที่จะกลับมาสร้างผลงานที่ดีได้อีกครั้ง
แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นเช่นนั้น ทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ จบด้วยอันดับสุดท้ายของตารางและเป็นทีมที่แพ้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยลีกด้วย โดย 34 เกมที่ลงสนาม พวกเขาชนะได้แค่เกมเดียว แพ้ถึง 30 นัด เก็บได้ 6 คะแนน
ส่วนเรื่องพี่เสก กับทีมนั้น จริงๆ ก็มีข่าวตั้งแต่ช่วงเริ่มฤดูกาลแล้ว เหมือนจะไม่ได้ร่วมงานกันตามที่ได้แถลงข่าวเอาไว้ และสนามเดอพาวเวอร์ สเตเดี้ยม ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนชื่อ และถ้าผมจำไม่ผิดพี่เสก ก็ไม่น่าจะเคยไปดูเกมที่สนามเลยแม้แต่เกมเดียวด้วยซ้ำ
ในส่วนของเบื้องลึกเบื้องหลังนั้นเป็นอย่างไร ก็คงจะไม่ไปยุ่งเรื่องนั้นก็แล้วกัน ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรใหญ่โต เพียงแต่คงจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง จนทำให้การเข้ามาในวงการฟุตบอลไทยของพี่เสก จึงเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ และสุดท้ายมันก็จบไปอย่างเงียบๆ
พร้อมๆ กับทีมซุปเปอร์พาวเวอร์ ก็ปิดตำนานไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน หลังทีมตกชั้นไป
