logo-heading

บิ๊กแมตช์ หยุดโลกใน ลาลีกา สเปน เสาร์นี้ เป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง 2 ทีมยักษ์ใหญ่มากประวัติศาสตร์ระหว่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ที่เรารู้จักกันในนามว่าศึก “เอล กลาซิโก้” ซึ่งนี่เป็นยกที่ 2 ของฤดูกาลนี้ หลังจากที่นัดแรกของฤดูกาล เรอัล มาดริด บุกมาอัด บาร์เซโลน่า ถึง คัมป์นู 3-1

“เอล กลาซิโก้” คือคำถูกขนานนามแทนการพบกันระหว่างศัตรูตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า 2 ทีมตัวแทนจากแคว้น กาสตีย่า และ กาตาลุนย่า แน่นอนว่าเกมนี้ยิ่งใหญ่กว่าเกมดาร์บี้แมตช์ธรรมดาทั่วไป ด้วยเหตุที่ว่าเกมฟุตบอลคู่นี้มีเดิมพันที่ไม่ใช่เพียงแต่ตัวเงิน แต่เป็นการเดิมพันธุ์ที่มีค่ามากกว่าศักดิ์ศรี มันหมายถึงการเดิมพันด้วยชาติกำเนิด การเมือง วัฒนธรรม ประเพณี ภาษา ที่ล้วนแต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนลึกซึ้งและมีความหมายสำหรับชาวเมืองเป็นอย่างมาก เรื่องน่ารู้ก่อนศึก เอล กลาซิโก้ แมตช์หยุดโลก สงครามบนผืนหญ้า ในอดีตตามประวัติศาสตร์ แคว้นกาตาลุนย่า ซึ่งมี บาร์เซโลน่า เป็นเมืองหลวง ได้ถูกแปรสภาพให้เป็นแคว้นหนึ่งที่ขึ้นโดยตรงกับประเทศสเปน แต่เดิมนั้น แคว้นกาตาลุนย่า เป็นหนึ่งในเขตการปกครองที่มั่งคั่งอยู่แล้ว เป็นแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ ประชาชนมีความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์และภาษาถิ่นของตัวเอง บวกกับประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปได้ถึงยุคกลาง ทำให้ชาวกาตาลันจำนวนมาก มองว่าตนเองเป็นประเทศที่แยกออกจากส่วนอื่นของ สเปน และมีแนวคิดต้องการเป็นอิสระจากสเปนมากที่สุด จึงเกิดความคิดต้องการแบ่งแยกดินแดนขึ้นกระทั่งมาถึงในช่วงปี 1899 สโมสร บาร์เซโลน่า ได้ทำการก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของชาวกาตาลัน และหลังจากนั่นอีก 3 ปีให้หลัง สโมสร เรอัล มาดริด ได้ถูกก่อตั้งตามหลังมา เพื่อเป็นตัวแทนของชาวเมืองหลวง ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางเชื้อชาติ แต่มาในรูปแบบของเกมกีฬาการแข่งขัน จากประวัติศาสตร์ทำให้พอรู้ได้ว่าในอดีตทั้งสองแคว้นก็มีความเจริญรุ่งเรืองมานาน และเมื่อฟุตบอลถือกำเนิดขึ้น ทั้งสโมสร เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรือง และศักดิ์ศรีแทนแคว้นของตนเองสืบต่อกันมา สำหรับ ศึก เอล กลาซิโก้ ที่จะเกิดขึ้นในวันเสาร์นี้ก็เช่นกัน เป็นอีกแมตช์ที่มีศักดิ์ศรีของทั้ง 2 แคว้น รวมถึงการลุ้นแชมป์เป็นเดิมพันอีกครั้ง เพราะหากใครคว้าชัยชนะได้ ก็มีโอกาสที่จะขยับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงตารางคะแนน ลาลีกา อีกด้วย และนี่คือเรื่องราวน่าสนใจก่อนเกม เอล กลาซิโก้ ยกที่ 2 ประจำฤดูกาล 2020/21 1. เอล กลาซิโก้ ครั้งแรกในสนามที่แตกต่าง นี่เป็นครั้งแรกที่ศึก เอล กลาซิโก้ จะเกิดขึ้นในสนามที่แตกต่างจากเดิม เนื่องจาก เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า จะลงเล่นในสนาม เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ซึ่งเป็นสนามของทีมชุดสำรอง เรอัล มาดริด อย่าง มาดริด กาสตีย่า เนื่องจาก ซานติอาโก้ เบร์นาเบว รังเหย้าของ เรอัล มาดริด อยู่ในระหว่างการปรับปรุง นอกจากนี้เกมการแข่งขันยังคงไร้ผู้ชมในรอบ 119 ปี เช่นเดิมเนื่องจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 2. การลุ้นแชมป์ ลาลีกา ที่เข้มข้น การแข่งขันระหว่างทั้ง 2 ทีมในฤดูกาลนี้ ยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ที่เข้มข้น หากใครเก็บ 3 คะแนนได้ในค่ำคืนวันเสาร์นี้ มีโกาสที่จะขยับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงตารางคะแนน ลาลีกา ในสัปดาห์นี้ โดยจบเกมวันเสาร์หากทีมใดชนะก็จะแซง แอตเลติโก มาดริด ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงตารางคะแนนชั่วคราวก่อนที่ แอตเลติโก มาดริด จะลงแข่งขันในวันอาทิตย์ โดย ปัจจุบัน บาร์เซโลน่า มีคะแนนตามหลัง แอตเลติโก มาดริด เพียง 2 แต้ม ขณะที่ เรอัล มาดริด มีคะแนนตามหลัง ตราหมี 3 คะแนน แต่เฮดทูเฮดดีกว่า เรื่องน่ารู้ก่อนศึก เอล กลาซิโก้ แมตช์หยุดโลก สงครามบนผืนหญ้า 3. เมสซี่ กับการทำประตูใน เอล กลาซิโก้ เป็นเรื่องแปลกไม่น้อยที่ดาวซัลโวสูงสุดในศึก เอล กลาซิโก้ ที่ทำประตูไปได้ถึง 26 ประตูในการพบกับ ราชันชุดขาว ยิงประตูใน เอล กลาซิโก้ ไม่ได้ มาตั้งแต่ 6 พฤษภาคม 2018 ซึ่งในเกมวันนั้น เมสซี่ ทำ 1 ประตู ช่วย บาร์ซ่า เสมอ มาดริด 2-2 และนับตั้งแต่นั้น เมสซี่ ยังไม่สามารถส่งตัวเองขึ้นไปมีชื่อบนสกอร์บอร์ดในศึก เอล กลาซิโก้ ได้เลยเป็นเวลากว่า 3 ปี อย่างไรก็ตามหากเขาทำประตูได้ในเกมค่ำคืนนี้ จะทำให้เขาทำประตูรวมลงเล่นทุกรายการในฤดูกาลนี้ให้ บาร์เซโลน่า 30 ประตู ทำสถิติยิงอย่างน้อย 30 ประตู เป็นฤดูกาลที่ 13 ติดต่อกัน ก็ต้องมาดูกันว่าเขาจะสามารถยิงผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ได้หรือไม่ 4. ครั้งแรกที่ รามอส จะพลาด เอล กลาซิโก้ ใน ลาลีกา เซร์คิโอ รามอส กัปตัน เรอัล มาดริด เป็นนักเตะที่ลงเล่นในศึก เอล กลาซิโก้ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึง 45 เกม ต้องประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาจะพลาดในเกมสำคัญวันเสาร์นี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของ รามอส ที่จะพลาด เอล กลาซิโก้ ใน ลาลีกา อีกด้วย นอกจากนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะทำสถิติลงสนามในศึก เอล กลาซิโก้ เทียบเท่าเขา 45 เกม ในคืนวันเสาร์นี้
สนใจสั่งซื้อรองเท้า NIKE AIR JORDAN คลิกที่นี่
5. เอล กลาซิโก้ ที่ไม่มีใบแดง ส่วนใหญ่แล้วเกมที่เดือดอย่าง เอล กลาซิโก้ มักจะลงเอยด้วยการมีใบแดงเกิดขึ้นระหว่างเกม ครั้งสุดท้ายที่ เอล กลาซิโก้ มีใบแดงเกิดขึ้นต้องย้อนกลับไปเมื่อ 6 พฤษภาคม 2018 โดย เซร์จี้ โรเบร์โต้ ถูกไล่ออกจากสนามในเกมนั้น หลังจากนั้น ไม่เคยมี ใบแดง เกิดขึ้นเลย ซึ่ง 5 นัดหลังสุดที่ผ่านมาสถิติใบแดง 0 ใบ ขณะที่ใบเหลืองปลิวว่อน 16 ใบด้วยกัน ก็ไม่แน่ว่าในค่ำคืนวันเสาร์นี้ อาจจะเป็นอีกครั้งที่ผู้ตัดสินต้องชูใบแดงในสนามก็เป็นได้ Image 6. กิล มานซาโน่ จารย์ผู้เคยไล่ เมสซี่ ออกจากสนาม กิล มานซาโน่ ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ลงตัดสินเกม เอล กลาซิโก้ ในคืนวันเสาร์นี้ แทนที่ อันโตนิโอ มิเกล มาเตว ลาออซ หลังเชิ้ตดำวัย 44 ปีบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา กิล มานซาโน่ คือผู้ไล่ ลิโอเนล เมสซี่ ออกจากสนามในช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษเกมนัดชิงชนะเลิศ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ที่ บาร์ซ่า แพ้ แอธเลติก บิลเบา 2-3 เมื่อมกราคมที่ผ่านมา ในเกมนั้น เมสซี่ ถูกไล่ออกเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่รับใช้ บาร์เซโลน่า มาตั้งแต่ฤดูกาล 2004/05 หรือกว่า 15 ปี จากจังหวะที่ VAR ได้พิจารณาภาพ เมสซี่ เหวี่ยงแขนใส่ อาซิเยร์ บิญาลิเบร แข้ง บิลเบา แบบชัดเจน สำหรับสถิติลงตัดสินเกม ลาลีกา ฤดูกาลนี้ 13 เกม มานซาโน่ แจกไปแล้ว 58 ใบเหลือง กับอีก 1 ใบแดงด้วยกัน ดูจากสถิติแล้ว เกม เอล กลาซิโก้ น่าจะเหลืองปลิวว่อนไม่น้อยทีเดียว 7. การพบกันของ 2 กุนซือ ตำนานของทีม การพบกันของทั้ง 2 ทีมในครั้งนี้ จะเป็นการวัดฝีมือการคุมทีมของตำนานอดีตแข้งอย่าง ซีเนดีน ซีดาน และ โรนัลด์ คูมัน ซึ่ง ซีดาน เองได้รับการยกย่องในฐานะตำนานนักเตะและกุนซือของสโมสร ที่พาทีมกวาดแชมป์มามากมาย ส่วนทาง โรนัลด์ คูมัน คือตำนานแข้ง บาร์เซโลน่า ทว่าในบทบาทของกุนซือเขายังต้องพิสูจน์ฝีมือการคุมทีม บาร์เซโลน่า ต่อไป ในปัจจุบันผลงานการคุมทีมของทั้ง 2 คนจัดว่าดีไม่น้อย เรอัล มาดริด ของ ซีดาน ดูดีกว่านิดเนื่องจากยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ยุโรป และเพิ่งจะเอาชนะ ลิเวอร์พูล มา ขณะที่ บาร์เซโลน่า เอง ก็เก็บชัยชนะในเกมลีก มาติดต่อกัน 6 นัดหลังสุด ในสมัยที่พวกเขาค้าแข้งอาจจะไม่มีโอกาสได้ดวลฝีเท้ากันในสนามเนื่องจากอยู่กันคนละยุคสมัย แต่ในบทบาทของกุนซือพวกเขามีโอกาสที่จะวัดฝีมือการคุมทีมในปัจจุบัน โดยยกแรกในฤดูกาลนี้ คูมัน พ่ายไปก่อน ในวันเสาร์นี้ เป็นโอกาสที่เขาจะได้แก้ตัว แต่จะแก้แค้นหรือโดนย้ำแค้นคงต้องติดตามชม เรื่องน่ารู้ก่อนศึก เอล กลาซิโก้ แมตช์หยุดโลก สงครามบนผืนหญ้า 8. สถิติ เอล กลาซิโก้ ทั้งหมด สถิติในศึก เอล กลาซิโก้ ทั้งหมด ระหว่างทั้ง 2 ทีม รวมลงเล่นทุกรายการที่แข่งขันกันดุเดือดมาอย่างยาวนานนั้น มีประตูเกิดขึ้นในเกมสูงถึง 808 ประตูด้วยกัน แบ่งเป็น เรอัล มาดริด ทำไป 408 ประตู และ บาร์เซโลน่า ทำไป 400 ประตู ถือว่าสูสีและใกล้เคียงกันมาก ส่วนอัตราการชนะ เรอัล มาดริด เหนือกว่าเล็กน้อย เพราะเอาชนะ บาร์เซโลน่า ไปทั้งสิ้น 97 ครั้ง จาก 245 ครั้งที่พบกัน ลงเอยด้วยผลเสมอเพียง 52 ครั้ง ส่วนทางฝั่ง บาร์เซโลน่า เอาชนะไปได้ 96 ครั้ง ด้วยกัน ดังนั้นค่ำคืนนี้หาก บาร์ซ่า เอาชนะได้ จะทำสถิติอัตราชนะเทียบเท่า เรอัล มาดริด แต่หาก มาดริด ชนะได้ ก็จะขยับหนีห่าง บาร์ซ่า ออกไป เป็นเดิมพันที่น่าสนุกอีกอย่างหนึ่งซึ่งจะเกิดขึ้นในเกมคืนวันเสาร์นี้ ทั้งหมดคือเรื่องราวน่าสนใจก่อน ศึก เอล กลาซิโก้ จะลงทำการแข่งขันในคืนวันเสาร์นี้ โดยแม้ว่าจะผ่านกี่ยุคกี่สมัย ผู้เล่นจะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด เชื่อว่า เอล กลาซิโก้ ยังคงเป็นสงคราม การห้ำหั่นกันของทีมตัวแทนจาก 2 แคว้นที่มีมาอย่างยาวนาน เป็นมากกว่าแค่การแข่งขันฟุตบอล มีเรื่องราวของประวัติศาสตร์ การเมือง ภาษาวัฒนธรรม เครื่องมือในการต่อสู้ทางเชื้อชาติ ที่มาในรูปแบบของเกมกีฬาการแข่งขัน ความสนุกเร้าใจ ความดุเดือดของเกม มีให้ชมกันอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองทีมต่างก็ต้องแข่งกันเพื่อชิงความสำเร็จที่เปรียบดังศักดิ์ศรีความรุ่งเรื่องของแคว้นตัวเอง ยิ่งมีตำแหน่งจ่าฝูง การลุ้นแชมป์เป็นเดิมพันด้วยแล้วรับรองว่าสนุกและเดือดกว่าธรรมดาอีกเท่าตัว ส่วนใครจะคว้าชัยชนะไปคงต้องติดตามชมกันได้คืนวันเสาร์นี้พร้อมระเบิดความมันส์ในเวลา 02.00 น. หากคุณเป็นคอบอลตัวจริงห้ามพลาด !

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

logoline