ใครคือ ผู้แพ้ - ผู้ชนะ ? เมื่อ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ย้ายไปบัญชาทัพ บาเยิร์น มิวนิค !

สุดท้ายก็เป็นไปตามคาดเมื่อ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ได้ตอบตกลง เซย์  Yes ! เตรียมย้ายไปรับงานเป็นกุนซือใหญ่ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในซีซั่นหน้า แทนที่ ฮานซี่ ฟลิค งานนี้มีการประกาศ OFFICIAL แล้วด้วย

แน่นอนว่าการย้ายมาของ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ได้ส่งผลกระทบกับหลายๆ ฝ่ายแน่นอน ดังนั้นวันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอประเด็นก็คือ "ใครคือ ผู้แพ้ และ ผู้ชนะ เมื่อ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ย้ายมาบัญชาทัพ เสือใต้ ?"

ผู้แพ้

ไลป์ซิก และ แฟนบอล

อันดับ 1 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบในด้านลบแบบเต็มๆ เลยก็คือสโมสร ไลป์ซิก และแฟนบอล เพราะพวกเขาได้เสียกุนซือมือดีให้กับคู่แข่งที่เป็นทีมลุ้นแชมป์ด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นตัวของ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ เองยังได้รับการยกย่องว่าเป็นโค้ชหนุ่มไฟแรงที่ดีที่สุดในยุคนี้ด้วย โดยในวัย 33 ปีกับช่วงตลอด 2 ปีที่ เร้ดบูลส์ อารีน่า ทาง นาเกิลส์มันน์ เป็นคนที่ช่วยยกระดับทีมขึ้นได้เยอะมาก พร้อมกับสถาปนาให้ ไลป์ซิก กลายเป็นสโมสรบิ๊กเนมของยุโรปแบบเต็มตัว ปีก่อนสามารถไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และปีนี้ก็รั้งอยู่รองจ่าฝูง บุนเดสลีกา เยอรมัน เขาคือคนที่ทำให้ ไลป์ซิก ลดช่องว่างและระยะห่างซึ่งเข้าใกล้กับทีมเบอร์ 1 อย่าง บาเยิร์น มิวนิค มากกว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เสียอีก

โธมัส มุลเลอร์

เรื่องอิทธิพลและคุณค่าของ โธมัส มุลเลอร์ ที่มีต่อ บาเยิร์น มิวนิค เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ แต่คำถามก็คือในยุคของ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ และวัยที่ปาเข้าไป 31 ปีเขาจะยังมีบทบาทสำคัญเหมือนเดิมหรือไม่ จริงอยู่ที่ในระบบ 3-4-1-2 ที่ นาเกิลส์มันน์ ชอบใช้ โธมัส มุลเลอร์ สามารถยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่อยู่หลังกองหน้าได้ หรือจะยืนเป็นคู่หัวหอกกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็ได้เหมือนกัน แต่ตลอดช่วงที่ผ่านมามันก็มีสิ่งที่บ่งบอกอยู่ตลอดว่าพวกโค้ชคนใหม่หรือคนที่ไม่ใช่คนในของ บาเยิร์น มิวนิค ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมอง โธมัส มุลเลอร์ อยู่ในแผนการทำทีมสักเท่าไหร่ และขณะเดียวกัน จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ก็เป็นโค้ชที่ให้ความสำคัญกับนักเตะดาวรุ่งมากๆ ด้วย บางทีในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกเจ้าตัวอาจเลือกผลักดัน จามาล มูเซียล่า แบบเต็มตัวก็ได้ ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เราต้องจับตาดูกันในฤดูกาลหน้า

ผู้เล่นตำแหน่งปีก

อีกกลุ่มที่น่าจะได้รับผลกระทบกันเยอะก็คือผู้เล่นในตำแหน่งปีกที่ต้องแข่งกันเอาชนะใจ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น คิงสลี่ย์ โกมัน, เลรอย ซาเน่ หรือแม้กระทั้ง แซร์จ นาบรี้ นี่คือ 3 แนวรุกที่ได้รับโอกาสลงสนามพอๆ กันถ้าพูดถึงแค่ฤดูกาล 2020-21 ทว่าในระบบแผนของ 3-4-1-2 ของ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ดูเหมือนกับว่าถ้าทุกคนอยากได้โอกาสแบบต่อเนื่องน่าจะต้องปรับสไตล์จากการเป็นปีกจ๋าๆ ที่เน้นเติมเต็มศักยภาพเกมรุกมาเป็นบทบาทในตำแหน่งวิงแบ็กที่ต้องสอบผ่านทั้งความสามารถในการเติมเกมบุกและช่วยเหลือในเรื่องของเกมรับด้วย โดยส่วนตัวของ แซร์จ นาบรี้ ถึงจะเคยร่วมงานกับ นาเกิลส์มันน์ มาก่อนสมัยอยู่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ และก็มีฤดูกาลที่ดีด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่การันตีว่าเขาจะได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่นแต่อย่างใด เพราะบทบาทในครั้งนี้มันจะต่างกันออกไป  หรือบางทีทั้ง 3 คนนี้อาจจะต้องอกหักกันทั้งหมดเลยก็ได้ อย่างน้อยก็ทางกราบซ้าย เพราะไอ้หนู อัลฟอนโซ่ เดวิส ก็ดูเป็นตัวเลือกและมีคุณสมบัติที่ดีกว่าทุกคน ถึงจะเป็นแบ็กซ้าย แต่ก็มีทักษะการเติมเกมบุกที่ดีเยี่ยม แถมยังมีความสดที่ดีกว่าด้วย ส่วนทางฝั่งขวาบางทีตำแหน่งนี้อาจไม่มีใครเหมาะไปกว่า เบนจาแมง ปาวาร์ เลยเหมือนกัน ขอบอกเลยว่างานนี้ไม่ใช่ที่จะคอมพลีทง่ายๆ เลยสำหรับ 3 คนนี้

ผู้ชนะ 

บาเยิร์น มิวนิค

เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ บาเยิร์น มิวนิค สมหวังและฝันเป็นจริงในการคว้าสมบัติสำคัญของคู่แข่งเข้ามาเป็นกำลังรุกชั้นยอดให้กับทีมตัวเอง ก็อย่างที่เพิ่งบอกไปนั่นแหละว่า จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นโค้ชหนุ่มที่ไฟแรงที่สุดในยุคนี้ โปรไฟล์ที่สร้างมากับ ไลป์ซิก ตลอด 2 ปีจนก้าวขึ้นมาเป็นศัตรูเบอร์ 1 ของ บาเยิร์น มิวนิค แซงหน้า ดอร์ทมุนด์ ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ นาเกิลส์มันน์ เขามีความโดดเด่นในเรื่องของแท็คติก และให้ความสำคัญในเรื่องของการเก็บรายละเอียดแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งกับทีมตัวเองและคู่แข่ง ก่อนจะนำมาวิเคราะห์เจาะลึกอย่างละเอียดจนกลายมาเป็นคัดสรรวางหมากและแผนการเล่นที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละนัดซึ่งนั่นจึงทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น "มินิ มูรินโญ่" ดูแล้วจุดนี้แหละที่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ชื่นชอบและอยากได้ตัวกุนซือคนนี้มาอยู่ด้วยมากๆ 

จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์

ตัวของ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ เองก็ถือว่าเป็น ผู้ชนะ ในเรื่องนี้เหมือนกัน ถึงตอนนี้จะมีสถานะว่าเป็นศัตรูของ บาเยิร์น มิวนิค แต่เขาก็ไม่เคยปกปิดเป็นความลับเลยว่า เขานั้นมีความฝันอยากเป็นเฮดโค้ชให้ทีมอย่าง "เสือใต้" สักครั้งในชีวิต "บาเยิร์น มิวนิค คือความฝันของผม ผมเคยอาศัยอยู่ที่ มิวนิค เป็นเวลานานหลายปี ผมมาจาก แลนด์สเบิร์ก แอม เลช ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก มิวนิค ภรรยาและลูกของผมก็เคยย้ายตามมาอยู่ที่นี่ เหมือนกันในระยะสั้นๆ เราสร้างบ้านด้วยกันที่นั่น ถึงแม้ผมจะไม่เคยได้โอกาสคุม บาเยิร์น แต่ผมก็สามารถตายอย่างมีความสุขได้ ผมมีความสุขดีนะกับชีวิต ทว่ามันเป็นเรื่องจริงที่ บาเยิร์น มิวนิค จะทำให้ผมมีความสุขมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมจะขึ้นอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค" นี่คือสิ่งที่ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ เคยร่ายเอาไว้เมื่อ 4 ปีก่อน และสดๆ ร้อนๆ ตอนแถลงการณ์ขอบคุณและอำลา ไลป์ซิก และ แฟนบอล เจ้าตัวก็ย้ำไปชัดๆ อีกครั้งว่า "ผมไม่เคยปกปิดเรื่องที่ผมสนใจตำแหน่งเฮดโค้ช บาเยิร์น มิวนิค และผมเองก็อยากจะเข้ารับงานนี้ถ้าหากมีโอกาส ดังนั้นผมจึงขอขอบคุณ โอลิเวอร์ มินซ์ลาฟฟ์ และผู้บริหารคนอื่นๆของไลป์ซิก ที่หาทางออกร่วมกับ บาเยิร์น และทำให้เรื่องนี้เป็นไปได้สำหรับผม"

ดาโยต์ อูปาเมกาโน่

ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นเซ็นเตอร์แบ็กหน้าใหม่ที่ฉายแววได้ดีและมีความครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ และการที่ทีมใหญ่ๆ ต่างให้ความสนใจในตัวเขานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย โดยในยุคของ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ที่ ไลป์ซิก ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ก็มีวัฒนาการที่ดีขึ้นมากมาย และก็เป็นกำลังสำคัญของทีมตลอดช่วงที่ผ่านมา การย้ายมา บาเยิร์น มิวนิค ในครั้งนี้เท่ากับว่าทั้งคู่จะได้ร่วมงานกันอีกครั้งในฤดูกาลหน้า และแน่นอนว่าในเมื่อ จูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ มีคู่มือการใช้งานและรู้จักนักเตะคนนี้ดีอยู่แล้ว มั่นใจได้เลยวว่ายังไงไอ้หมอนี่ก็น่าจะได้โอกาสอย่างต่อเนื่องแน่นอน

HaMu Dos Santos