logo-heading

"ผมว่าคุณรู้จักผมดีพอนะ รู้ว่าผมไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เดี๋ยวคุณก็จะได้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ การไปพักผ่อนช่วงหยุดยาวเพื่อชาร์จแบตเตอรี่น่ะหรอ? ไม่จำเป็นหรอก มันไม่จำเป็นต้องหยุดพักหรือชาร์จแบตเตอรี่ ผมอยู่กับวงการฟุตบอลอยู่เสมอ" 

มูรินโญ่: นี่คือวาจาที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้ลั่นเอาไว้หลังตกงานกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ใหม่ๆ เรียกได้ว่าเฮียแกทำได้อย่างที่พูดจริงๆ เพราะล่าสุดตอนนี้มีงานใหม่รออยู่แล้ว หลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือคนใหม่ของ โรม่า ในฤดูกาล 2021-22 และในเมื่อเป็นเรื่องราวของบุคคลดังทั้งที่มีวันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ว่า "ทำไม โชเซ่ มูรินโญ่ ถึงเลือก โรม่า ?" จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกัน !

สไตล์

สไตล์การทำทีมในแบบฉบับของ โชเซ่ มูรินโญ่ อาจไม่ได้เป็นที่ถูกใจเท่าไหร่สำหรับแฟนบอลยุคปัจจุบัน การตั้งรับในแนวลึก และอาศัยจังหวะสวนกลับ หรือไม่ก็เล่นเพื่อเน้นผลการแข่งขัน ซึ่งมันก็ดูผิดไปจากความเป็น อาแอส โรม่า อย่างที่เข้าเคยรู้จักซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องการเปิดเกมรุกโจมตีศัตรูเป็นหลัก อย่างไรก็ตามด้วยแท็คติกและหลักปรัชญาของเฮียแกมันก็ดูเข้าแก๊ปและเหมาะเหม็งดีกับสไตล์ฟุตบอลของอิตาลี บางทีมันอาจจะเวิร์คก็ได้นะ และเขาก็เคยทำมันสำเร็จมาแล้วที่นี่กับการพา อินเตอร์ มิลาน เถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์ เมื่อ 11 ปีก่อน บวกกับบอลบุกสไตล์โรม่า ที่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ทีมได้ประสบความสำเร็จมานานแล้วด้วย ลองของใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหาย

เจ๋งกว่า เปาโล ฟอนเซก้า

ชื่อชั้นและโปรไฟล์ของ เปาโล ฟอนเซก้า จริงๆ ก็ไม่ได้ดูแย่หรือขี้เหร่เลยสักนิด เพราะในอดีตที่ผ่านก็เคยผ่านการทำงานกับทีมดังๆ มาไม่น้อยไม่ว่าจะเป็น ปอร์โต้, บราก้า หรือแม้กระทั่ง ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค ส่วนเรื่องของความสำเร็จก็ถือว่ามีติดไม้ติดมือมาประมาณนึงเลยเหมือนกัน ถ้าจะถามถึงการย้ายมาบัญชาทัพ "หมาป่าแห่งกรุงโรม" มันก็ถือว่าโอเคอยู่นะ  ปีก่อนเขาพา โรม่า จบอันดับ 5 ในลีกและไปถึงรอบ 16 ทีมในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ส่วนซีซั่นนี้ โรม่า ของ ฟอนเซก้า อาจไม่ได้โควต้าอะไรเลยถ้าดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน อยู่ที่ 7 มีแต้มห่างจากพื้นที่ยุโรป 9 คะแนน และเหลือการแข่งขันอีก 4 นัด ส่วนในเวที ยูโรปา ลีก ถึงจะไปไกลถึงรอบตัดเชือกแล้วก็จริง แต่การโดน แมนฯ ยูไนเต็ด ถลุงมา 6-2 ดูแล้วยังไงก็รอดยาก นอกจากจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นจริงๆ  อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่าภาพรวมของ เปาโล ฟอนเซก้า ก็ไม่ได้ดูแย่เท่าไหร่หรอก แต่สำหรับ โรม่า แล้วพวกเขาก็ถือเป็นทีมระดับชั้นนำของ อิตาลี มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นการที่สโมสรจะหาคนที่หวังผลได้มากกว่า โปรไฟล์ดีกว่า หรือจับต้องได้มากกว่าในเรื่องฝีไม้ลายมือแบบ โชเซ่ มูรินโญ่ มันก็ใม่ใช่เรื่องแปลก ถึงช่วงหลังเขาจะเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นกุนซือระดับท็อปของโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน

ล่าความสำเร็จ

หนึ่งเหตุผลที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ตัดสินใจย้ายมาทำงานที่กรุงโรมก็น่าจะเป็นเพราะ โรม่า ก็ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มีศักยภาพและคุณสมบัติที่ดีพอจะล่าความสำเร็จได้อยู่เหมือนกัน เพราะที่ผ่านๆ มาปกติก็วนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่บนหัวตารางอยู่แล้ว แต่ถ้าจะถามถึงปีที่เฉียดการเข้าป้ายเป็นแชมป์มากที่สุดก็คงเป็นฤดูกาล 2016-17 หรือ 4 ปีก่อนซึ่งจบด้วยการเป็นรองแชมป์ มี 87 คะแนนจาก 38 เกม ตามหลังแชมป์อย่าง ยูเวนตุส แค่เพียง 4 คะแนนเท่านั้น ส่วนเรื่องของทรัพยากรนักเตะก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่โอเคเลย ไม่ว่าจะเป็นพวก บอร์ฆ่า มาร์ยอรัล, เฮนริค มคิห์ตาร์ยาน, ลอเรนโซ่ เปเยกรินี่, เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า, จอร์แดน แวร์ตูร์, จานลูก้า มันชินี่ หรือไม่ก็ คริส สมอลลิ่ง หลายคนผลงานดี หลายยังเป็นดาวรุ่ง แววดี สามารถพัฒนาและยกระดับตัวเองได้ขึ้นกว่านี้อีกเยอะ ส่วนในรายของ เอดิน เชโก้ ดาวยิงตัวเก๋านี่น่าจะต้องลุ้นหน่อยว่าซีซั่นหน้าจะยังอยู่กับทีมต่อไปไหม เพราะอายุก็ปาไป 35 แล้ว แต่ถ้าเกิดซัมเมอร์นี้เสริมทัพดีๆ ได้ตัวที่ตรงตามสเป็กเฮียมูก็ดูมีลุ้นก้าวขึ้นไปท้าทายกับทีมอื่นๆ ได้เหมือนกัน

การแข่งขันที่สูงขึ้น

เรื่องของความท้าทายจัดว่าเป็นสิ่งที่โปรดปรานมากๆ ของผู้ชายที่ชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ ยิ่งที่ไหนมีการแข่งขันสูงๆ ก็มักดึงดูดเฮียแกได้อยู่เสมอๆ และถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ที่ 2 ทีมจากเมือง มิลาน ได้ประกาศศักดาก้าวขึ้นมาท้าทายลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวก็ดูแล้วน่าสมเหตุสมผลดีที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ตัดสินใจย้ายมาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินเตอร์ มิลาน ของอริเก่าที่เคยบาดหมางกันมานานอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เพิ่งคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกได้ในรอบ 11 ปี มิหนำซ้ำยังเป็นการโค่นบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ของ ยูเวนตุส ที่กวาด สคูเด็ตโต้ มายาวๆ 9 ซีซั่นรวดอีกต่างหาก ดูแล้วซีซั่นหน้ามันส์แน่ นักข่าวที่อิตาลี คงเล่นข่าวและสร้างคอนเทนต์กันสนุกเลยเมื่อถึงคราวที่ โรม่า ต้องทำศึกใหญ่กับ อินเตอร์ มิลาน 

แรงดึงดูด

การมาของกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ แน่นอนว่าจะช่วยยกระดับวงการฟุตบอลลีกอิตาลีให้บูมไปยิ่งกว่าเก่าได้อย่างแน่นอน เหมือนกับที่มันเกิดขึ้นในทุกๆ ที่ๆ แกไป เช่นเดียวกับเรื่องการเสริมทัพก็ด้วย จริงอยู่ที่ โรม่า อาจไม่ใช่ทีมที่สร้างแรงดึงดูดให้กับผู้เล่นได้ดีเท่ากับพวก ยูเวนตุส, เอซี มิลาน หรือ อินเตอร์ มิลาน แต่คราวนี้พอถึงช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปี 2021 มั่นใจได้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะแตกต่างออกไปเพราะผู้ชายคนนี้แค่คนเดียวเท่านั้น และเราเองก็มั่นใจด้วยว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกันด้วยอิทธิพลที่มีทั้งหมดในตัวเขาเอง สำหรับตัวของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ถือเป็นโค้ชที่เน้นใช้เงินในการสร้างทีมเหมือนกัน อย่างน้อยทางสโมสรก็ต้องมีงบให้เขาในการช้อปได้ใช้เพื่อหาวัตถุดิบตามที่ต้องการ ซึ่งทางเจ้าของทีมของ โรม่า เองก็จัดว่ามีตังค์อยู่นะ ถ้าจะถามว่าเขาเป็นใครมาจากไหนน่ะเหรอ ? เขามีชื่อว่า แดน ฟรายด์กิ้น เป็นซีอีโอของ เดอะ ฟรายด์กิ้น กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของอเมริกา ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ลงทุนก็จะเกี่ยวกับเรื่องยานยนต์และสร้างภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องกำลังทรัพย์ถ้าหากคิดจะทุ่มก็ไม่ใช่เล่น ๆ เช่นเดียวกัน

HaMu Dos Santos

logoline