logo-heading

เป็นอะไรที่โคตรดราม่า ถึงดราม่าที่สุด เพราะ ลิเวอร์พูล ที่นอนหายใจรวยริน เตรียมทิ้งความหวังไปลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเจาะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไม่เข้า กำลังจะเก็บได้เพียงแค่ 1 แต้ม แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย คนที่ไม่มีใครคาดคิดอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตู หงส์แดง กลายเป็นฮีโร่ ขึ้นมาโขกจากลูกเตะมุมให้ทีมพลิกแซงเอาชนะ 2-1 

จากทีมที่กำลังหมดลมหายใจ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาผงาดฟ้าอีกครั้ง แต่กระนั้น รายละเอียดของเกมนี้ นับว่าอึดอัดสำหรับ ลิเวอร์พูล พอสมควร และ พวกเขาเกือบจะเป็นฝ่ายแพ้พ่ายด้วยซ้ำ ถ้าไม่มี VAR มาช่วยเอาไว้ จะมีเหตุการณ์อะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง ไปติดตามกันได้เลยครับ

- เวสต์บรอมวิช เล่นได้ดีกว่า จนทำประตูขึ้นนำ

ช่วงต้นเกมแรก ต้องบอกว่า เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทำผลงานได้ดีกว่า และ ได้โอกาสเข้าทำใส่ ลิเวอร์พูล จนกระทั่งมาถึงนาที 15 แนวรับ หงส์แดง ก็เปิดปากแผลให้กับคู่แข่งได้มีช่องเล่นงาน เป็นช็อตที่บอลลอยโด่งกลางอากาศ โดย ซามี่ อาจายี่ โหม่งเสยมาให้กับ มาเตอุส เปเรยร่า กระดกต่อทอดเดียวให้กับ ฮัล ร็อบสัน-คานู หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก่อนจะเอี้ยวตัวยิงด้วยซ้าย ซัดเข้าไปให้ เวสต์บรอมวิช ทำเซอร์ไพรส์ ขึ้นนำ 1-0 แบบช็อคสาวก เดอะ ค็อป

- ซาลาห์ ยิงตีเสมออย่างคม

หลังจาก ลิเวอร์พูล โดนขึ้นนำ ก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ พวกเขาพยายามสร้างสรรค์โอกาสเพื่อยิงตีเสมอ จนมาถึงจังหวะที่น่าจะได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ เมื่อ ติอาโก้ ต่อบอลทำชิ่ง ฟาบินโญ่ ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวา และ บรรจงปาดมาให้กับ ซาดิโอ มาเน่ ที่หนีตัวประกบ ยืนยิงแบบเหน่งๆ แค่ให้ตรงกรอบ ก็น่าจะตีเสมอ แต่ดันซัดหลุดไปหน้าตาเฉยๆ ทิ้งโอกาสทองไปแบบหลุดลอย แต่ในเมื่อ มาเน่ ทำไม่ได้ ก็ต้องถึงมือของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยเป็นช็อตที่ผู้เล่น เวสต์บรอมวิช จ่ายคืนหลังพลาด ทำให้ มาเน่ ไปแก้ตัวตัดบอลกลับมาได้ ก่อนจะจิ้มจังหวะเดียวให้กับ บังโม ได้ซัดด้วยเท้าซ้ายแบบไม่ต้องจับ บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างเฉียบคม เป็นประตูตีเสมอ 1-1 เรียกความมั่นใจกลับคืนมา

- ฟีร์มิโน่ พลาดโอกาสส้มหล่น

ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ เรียกว่า ส้มหล่นมาใส่ให้ตรงหน้า โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เริ่มจากช็อตที่ ซาดิโอ มาเน่ พยายามตอกส้นไปให้กับ เคอร์ติส โจนส์ แต่บอลมันไปติดบล็อคผู้เล่น เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทว่ากลายเป็นดี เพราะมันกระเด้งมาในกรอบเขตโทษ เข้าทาง ฟีร์มิโน่ ที่ยืนโล่งๆกลางประตู แบบไม่มีใครมาประกบ ดาวเตะทีมชาติบราซิล กะยิงแบบปลิดชีพผู้รักษาประตูชนิดไม่ต้องเซฟ โดยซัดเต็มแรงไปทางซ้ายมือตัวเอง เรียกว่า แซม จอห์นสโตนส์ หมดสิทธิ์ป้องกันไปแล้ว แต่ทว่าบอลไปโดนเสาเต็มๆกระเด็นออกข้าง พลาดโอกาสทอง ที่จะขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย

- มาเน่ ส่งบอลเข้าซุกตาข่าย แต่ล้ำหน้า

เริ่มครึ่งหลังมา ลิเวอร์พูล เดินหน้าบุกแหลก เพื่อหวังยิงประตูให้ได้ ขณะที่ เวสต์บรอมวิช ก็ลงไปแพ็คเกมรับอย่างเหนียวแน่น เพื่อรอจังหวะโต้กลับเร็ว อย่างไรก็ตาม หงส์แดง มีจังหวะที่ได้ส่งบอลเข้าไปซุกตาข่าย จากช็อตที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดเร็วจากด้านขวานอกกรอบเขตโทษ ไปตรงเสาไกลให้กับ ซาดิโอ มาเน่ เข้ามาชาร์ตจ่อๆไม่พลาด แต่ไลน์ก็ยกธงเป็นลูกล้ำหน้า ซึ่งภาพช้าก็แสดงให้เห็นว่าออฟไซด์ชัดเจน

- ซาลาห์ หลุดเข้าไปยิงติดเซฟ

ลิเวอร์พูล ยังคงเร่งเครื่องจักรสีแดง เพื่อหวังยิงประตูคลายความกดดันให้เร็วที่สุด และ ก็มีช็อตโต้กลับเร็ว จาก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ได้บอลกลางสนาม กระชากรอจังหวะให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งตัดแนวรับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ก่อนผ่านบอลให้ตามนัด ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ด้วยความที่มุมมันไม่ได้เปิดมากนัก ทำให้ซัดไปตรงตัว แซม จอห์สโตนส์ ที่ป้องกันเอาไว้ ก่อนแสดงความสะใจ ที่ป้องกันลูกยิงของ บังโม ไว้ได้

- ลิเวอร์พูล รอดตัว เกือบโดนขึ้นนำ

เวลาบุกเพลินๆ แล้วทำเค้าไม่ได้ ลิเวอร์พูล มักจะต้องมาเสียประตูให้เจ็บช้ำใจอยู่ตลอด ซึ่งเกมนี้พวกเขาก็เกือบจะต้องนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่แล้ว เพราะในขณะที่สกอร์ยังเสมอ 1-1 ทาง เวสต์บรอมวิช ก็มีจังหวะสวนกลับได้ลุ้นทำประตูอยู่ตลอด จนกระทั่งมาถึงลูกเตะมุม เวสต์บรอมวิช ได้เปิดเข้ามา โดยเป็น ซามี่ อาจายี่ ขึ้นโหม่งเอาชนะ ฟาบินโญ่ ได้โขกกดลงพื้น ก่อนที่ ไคล์ บาร์ตลี่ย์ จะสกิดเปลี่ยนทางเข้าประตู สร้างเซอร์ไพรส์ให้ เดอะ แบ็กกี้ส์ ขึ้นนำอีกครั้ง ซึ่งจังหวะภาพช้า ก็เหมือนว่าไม่มีเหตุการณ์ล้ำหน้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากการดู VAR ของผู้ตัดสิน ปรากฏว่าลูกนี้ กรรมการให้เป็นล้ำหน้า เพราะมี แมตต์ ฟิลลิปส์ ไปยืนบังสายตาและขัดขวางการเล่นของ อลิสซอน ในกรอบเขตโทษ 6 หลา ต่อให้จะไม่เกี่ยวข้องกับการทำประตูก็ตาม เรียกว่า ลิเวอร์พูล เป่าปากด้วยความโล่งใจ เพราะ VAR ช่วยชีวิตเอาไว้

- หงส์แดง ทำใจ เจาะยังไงก็ไม่เข้า

หลังจากที่ ลิเวอร์พูล รอดตัว ไม่เสียประตูขึ้นนำ พวกเขาก็กลับมาครองบอลบุกใส่อีกครั้ง แต่ต้องบอกว่า "แบริเออร์" ที่ตั้งเป็นป้อมปราการของ เวสต์บรอมวิช แข็งแกร่งสุดๆ จนนักเตะ หงส์แดง ได้แต่ถ่ายบอลไป ถ่ายบอลมา แทบไม่เปิดโอกาสให้กับลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้เจาะเข้าไปเลย พอเกมรุกเจาะไม่เข้า เริ่มหมดไอเดียจากการเข้าทำ ลิเวอร์พูล เริ่มหงุดหงิด ก็ลองยิงไกลบ้าง แต่ไม่ตรงกรอบ ลูกครอสก็เปิดแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ได้ลุ้นอะไรทั้งนั้น จะมีก็จังหวะที่ ติอาโก้ อัลคันตาร่า ลองซัดไกล บอลถากเสา / มีช็อตที่ เทรนท์ อาร์โนลด์ ได้บอลด้านขวา หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะเลี้ยงตัดเข้าใน แต่ซัดด้วยซ้ายข้ามคาน อีกหนึ่งจังหวะที่ควรจะเป็นประตูสุดๆ จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บรรจงแปะตั้งให้กับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ตัวสำรอง ได้ยิงตรงบริเวณหัวกะโหลก แต่คงจะเน้นเกินไปหน่อย บอลออกกรอบไปแบบน่าเสียดาย ซึ่งพอจบการยิงช็อตนี้ แฟนบอล หงส์แดง คงทำใจรอรับกับผลเสมอไปแล้ว

- โคตรเหลือเชื่อ อลิสซอน ฮีโร่ โขกประตูชัย

เชื่อว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล กำลังนั่งหมดอะไรตายอยาก หลายๆคนตัดพ้อพร่ำเพ้อกันบน "เฟซบุ๊ค" กันแล้ว บ้างก็ว่าเล่นห่วย, บ้างก็บอกเกมรุกโคตรตื้อ และ ก็มีวลีที่ว่า "ปล้นแต้มทีมใหญ่ มาแจกทีมเล็ก" เพราะก่อนหน้านี้อุตส่าห์ไปบุกเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ถึง 4-2 ตอนทดเจ็บนาทีสุดท้าย 90+4 คุณหมอกำลังจะถอดเครื่องช่วยหายใจ ปล่อยให้ หงส์แดง จากไปอย่างสงบ จู่ๆสถานการณ์ ก็สร้างวีรบุรุษ เมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้ลูกเตะมุม เป็นโอกาสสุดท้ายของเกม โดย อลิสซอน ต้องวิ่งขึ้นมาลุ้นช่วยทำประตูอีกแรง เพราะ 3 แต้ม มันสำคัญกับทีมมากเหลือเกิน และ โคตรจะเหลือเชื่อ เมื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ บรรจงเปิดมาให้กับ อลิสซอน ที่ยืนโล่งๆแบบไม่มีตัวประกบ ก่อนที่ พ่อหมี จะขึ้นขวิดโหม่งเข้าประตูไปอย่างเฉียบคม ให้ทีมแซงนำ 2-1 ทำเอาสาวก "เดอะ ค็อป" กรี๊ดกันบ้านแตก ดั่งสนั่นไปถึงปากซอย เพราะ อลิสซอน เป็นคนปั๊มหัวใจให้ หงส์แดง ตัวนี้ ได้กลับมาผงาดฟ้าอีกครั้ง สุดท้ายจบเกม เป็น ลิเวอร์พูล ทำได้สำเร็จ คว้า 3 แต้มสำคัญ ไปแบบสะใจ ความหวังในการลุ้นจบพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มีโอกาสมากขึ้น นับเป็นชัยชนะที่เหลือเชื่อสุดๆ โดยเฉพาะคนทำประตูชัย ที่ไม่คิดว่าจะเป็น อลิสซอน ที่เรียกว่าขึ้นโขกคมกว่ากองหน้าเสียอีก

ฮาย ฮาวดี้-

logoline