6 นักเตะดัง ฟอร์มปังกับทีมชาติ แต่บทบาทต่างกับสโมสร

ในศึก ยูโร 2020 หนนี้ เราได้เห็นนักเตะหลายๆคน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นคนสำคัญให้กับทีมชาติตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันช่างสวนทางกับฟอร์มการเล่นของสโมสร บางคนถูกดรอปเป็นสำรอง จนโอกาสลงสนามเพียงน้อยนิด หรือ บางคนกับทีมชาติ ช่างดูแข็งแกร่ง ทว่ากับต้นสังกัดดันอ่อนปวกเปียก

ดังนั้นทีมงานขอบสนาม จึงร่ายชื่อนักเตะมา 6 คน ที่มีบทบาทระหว่างสโมสร กับ ทีมชาติ ช่างแตกต่างเหมือนคนละคน ยิ่งผลงานบนเวที ยูโร ยิ่งเห็นได้ชัด จะมีใครบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

1. เซอร์ดาน ชากิรี่ 

เซอร์ดาน ชากิรี่ ปีกร่างมะขามป้อม เป็นคนสำคัญของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ แต่ในนามสโมสร ลิเวอร์พูล เขามีสถานะเป็นแค่อะไหล่สำรองเท่านั้น และ ไม่ใช่สำรอง ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ มักจะเลือกใช้งานเป็นคนแรกๆด้วยซ้ำ ถ้าหากมีการเปลี่ยนแท็คติคระหว่างเกม แค่โอกาสลงสนามก็น้อยนิดอยู่แล้ว ยิ่งมีอาการบาดเจ็บ ยิ่งหายไปในกลีบเมฆ ถึงแม้เขาจะมีผลงานให้น่าจดจำอยู่บ้าง จากเกมถล่ม เอฟเวอร์ตัน และ คืนพลิกนรกเหนือ บาร์เซโลน่า แต่ความสำคัญของเขากับ หงส์แดง ก็ไม่ได้มากอยู่ดี โดยซีซั่นนี้บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลงสนามไปแค่ 14 นัด เท่านั้น แบ่งเป็นตัวจริงแค่ 5 เกม อย่างไรก็ตาม ผลงานของ ชากิรี่ กับ สวิตเซอร์แลนด์ ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เพราะกับขุนพลแดน "นาฬิกา" เขาคือคีย์แมนมานานหลายปี ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆทำประตูได้เสมอ โดยในศึก ยูโร 2020 ก็เป็นอีกครั้ง ที่เขาแสดงให้เห็นถึงผลงานอันยอดเยี่ยม ล่าสุดเพิ่งทำ 2 ประตู ซัดใส่ ตุรกี เรียกว่าถ้าฟอร์มในทีมชาติ พี่แกยืนหนึ่ง ทำเอาแฟนบอล หงส์แดง อยากให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เก็บไว้ใช้งานอีกปี

2. วิคตอร์ ลินเดเลิฟ

วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ปราการหลัง ที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักส่ายหน้า เวลาเห็นเขาลงสนาม เนื่องจาก ไม่มีความสม่ำเสมอ และ สร้างความผิดพลาดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากวันไหน ปีศาจแดง ต้องขาด แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ไปนั้น ยิ่งเป็นบ่อน้ำมัน เพราะ ลินเดเลิฟ ไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้เลย แต่ทว่าต้องไม่ลืมเด็ดขาด สาเหตุที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาคว้าตัว ลินเดเลิฟ เมื่อปี 2017 หนึ่งในนั้นก็มาจากผลงานที่เขาสร้างไว้กับทีมชาติสวีเดน โดยเฉพาะเมื่อครั้ง ยูโร 2016 และ เคยสร้างเกียรติยศเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสวีเดน ด้วยซ้ำ ต่อให้ ลินเดเลิฟ ฟอร์มจะเละเทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มากแค่ไหน แต่ถ้าเขาได้สวมเสื้อทัพ "ไวกิ้ง" มันเหมือนมีพลังบวกงัดฟอร์มเก่งออกมา ซึ่งในศึก ยูโร 2020 หนนี้ ลินเดเลิฟ ก็ทำให้เห็นอีกครั้ง ถึงร่างเทพกับ สวีเดน โดยเกมประเดิมสนามที่เสมอกับ สเปน 0-0 ก็เป็นเขานี่แหละครับ ที่คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง ซึ่งหากโชว์ฟอร์มเทพแบบนี้ให้กับ ปีศาจแดง เชื่อเถอะว่าไม่มีแฟนบอลคนไหนอยากขายทิ้งจากทีมแน่ๆ

3. ปอล ป็อกบา

จำกันได้ไหมครับว่า ปอล ป็อกบา มีข่าวอยากย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อไปไล่ตามความฝันกับ เรอัล มาดริด มาตลอด พร้อมกับมีเหตุผล ต่างๆ นานา มาอ้างอิงว่าเขาไม่มีความสุขในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มากเท่าไหร่ ซึ่งมันเคยแสดงออกทางภาษากาย เรื่องการไม่ค่อยทุ่มเทมากนัก กระนั้นเมื่อไหร่ที่ ป็อกบา ไปเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศส จะได้เห็นฟอร์มซูเปอร์สตาร์จากฝีเท้าของเขาเป็นประจำ ถึงขั้นที่ รอย คีน ตำนานมิดฟิลด์ฮาร์ดแมนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังให้ความเห็นว่า ตอนที่ ป็อกบา เล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศส มักทำผลงานได้ดีกว่าตอนอยู่กับ "ปีศาจแดง" จนเหมือนเป็นคนละคนกัน ซึ่งครั้งหนึ่ง มิดฟิลด์ตัวตัดผม ก็ยอมรับเองกับปากว่า การเล่นให้กับทัพ "ตราไก่" มีความสุขมากกว่า เพราะได้เล่นเกมรุกอย่างอิสระ อีกทั้งไม่ต้องเจอกับความกดดัน ที่ต้องแบกรับภาระมากเหมือนกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงแม้ช่วงหลัง ป็อกบา จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด แต่กระนั้นมันก็ยังดูชัดเจนในสายตา ว่า เทพป็อก มักโชว์ฟอร์มในทีมชาติ ได้ดีกว่าที่ทำไว้กับสโมสร

4. อังเดร ยาร์โมเลนโก้

อังเดร ยาร์โมเลนโก้ อาจจะเป็นนักเตะที่คุณอาจลืมชื่อไปแล้วก็ได้ ถ้าไม่เห็นว่ากำลังเฉิดฉายบนเวที ยูโร 2020 กับทีมชาติยูเครน เผลอๆจำกันไม่ได้แล้วด้วยว่าเขาสังกัดอยู่กับสโมสรไหน ? เนื่องจาก ยาร์โมเลนโก้ แทบจะถูกดองยาวบนม้านั่งสำรองของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีม เดวิด มอยส์ ซึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ลงเล่นในเกมลีกไปแค่ 15 นัด เท่านั้น รวมแล้วแค่ 362 นาที เพราะได้เล่นเป็นตัวจริง 1 เกม ที่เหลือคือสำรองทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน ยาร์โมเลนโก้ ยังเป็นคนสำคัญของ ยูเครน ที่จะขาดไปไม่ได้ ในวัย 31 กะรัต เขายังคงช่วยทีมผ่านเข้ามาเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ยูโร ได้เหมือนเดิม โดย 2 ครั้งก่อน เขาอาจช่วยทีมได้ไม่มากนัก แต่พอมาถึง ยูโร 2020 เหมือนสั่งสมประสบการณ์ เขาซัดไปแล้ว 2 ประตู ยังอยู่ในเส้นทางพาทีมผ่านเข้ารอบ เชื่อว่าฟอร์มแบบนี้ อย่างน้อยๆ เวสต์แฮม ก็น่าจะเห็นค่ามากกว่าเดิม หรือไม่ ก็คงมีสโมสรพร้อมอ้าแขนไปชุบเลี้ยงต่อไป

5. กรานิต ชาก้า

เห็นชื่อนี้ แล้วแฟนบอล อาร์เซน่อล คงปวดหัว เพราะเขาสร้างวีรกรรมไว้มากมาย ในสีเสื้อ "ไอ้ปืนใหญ่" ทั้งเรื่องยั่งยุแฟนบอล หรือ ฟอร์มการเล่นที่ไม่เอาอ่าว โดยเฉพาะการเสียใบแดงโง่ๆ และ เข้าสกัดทำให้ทีมเสียจุดโทษอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าเอา กรานิต ชาก้า ไปเล่นในให้กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เหมือนเขาเปลี่ยนร่างเป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์ เพราะเขามีสถานะเป็นกัปตันทีม และ เป็นปัจจัยสำคัญในแผงมิดฟิลด์ให้กับทัพ "นาฬิกา" โดยตลอด 4 ปี ลงเล่นให้กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ แทบครบทุกนัด ไม่ขาด ไม่ลา ไม่ป่วย ไม่สาย  ยิ่งเกมนัดพบกับ ตุรกี ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของ ชาก้า กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งแท็คเกิ้ลชนะคู่แข่ง 4 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 2 ครั้ง และ ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 4 ครั้ง ที่สำคัญยังขึ้นไปช่วยเกมรุกได้หลายต่อครั้ง ใครดูฟอร์มแล้ว ต้องเปลี่ยนจากนิ้วอื่น มาชูนิ้วโป้งให้กับความยอดเยี่ยมของ ชาก้า เลยจริงๆ

6. จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม

  ปิดท้ายกันที่ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กองกลางตัวเก่งทีมชาติเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงมีชื่ออยู่ในลิสต์ ทั้งๆที่ตลอด 5 ปี กับ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างคงเส้นคงวา และ เป็นคีย์แมน หงส์แดง ในการสร้างความสำเร็จ ทั้งแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทว่า สิ่งที่มันแตกต่างของ จีนี่ ระหว่าง สโมสร กับ ทีมชาติ ก็คือสถิติการทำประตู โดยตลอด 5 ปีที่อยู่กับ หงส์แดง เขายิงในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปแค่ 16 ประตู โดยซีซั่นที่ผ่านมา ทำไปได้แค่ 2 ตุง เท่านั้น อาจจะด้วยตำแหน่ง ที่ต้องเล่นเป็นตัวเชื่อมเกมให้กับ หงส์แดง ทำให้มีสถิติยิงไม่เยอะ แต่กระนั้นในเกมๆนึงเขาก็มีโอกาสเยอะเหมือนกัน เพียงแค่ไม่ค่อยเฉียบคมมากเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไปดูผลงานของ ไวจ์นัลดุม ในสีเสื้อ อัศวินสีส้ม เขาขึ้นมาเป็นจอมทัพ เหมือนนักเตะเบอร์ 10 เล่นเกมรุกแบบเต็มสูบ และ มักมีลูกยิงสวยๆให้เห็นบ่อยครั้ง จนสาวก เดอะ ค็อป หวังอยากเห็นให้เขายิงแบบนี้กับ หงส์แดง บ้าง โดยแค่ปี 2021 ซีดุม ก็ยิงให้ เนเธอร์แลนด์ ไปแล้ว 2 ประตู เท่ากับ 1 ฤดูกาลที่ทำไว้กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเรื่องฟอร์มการเล่นของ จีนี่ กับสโมสร ไม่เคยเถียงว่าเขาสำคัญ แต่ถ้าเขามีสถิติยิงประตูได้เหมือนกับทีมชาติ มันจะเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ ฮาย ฮาวดี้