มีซูเปอร์ฮีโร่คนหนึ่งกล่าวไว้ว่า "พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง" เป็นคำคมที่ใช้ได้กับทุกวงการ ฟุตบอลก็ไม่เว้น การคว้ารางวลนักเตะยอดเยี่ยมในปีนี้ ย่อมมีภาระหนักอึ้งต้องแบกรับในปีหน้าด้วย
นาทีนี้ไม่มีใครกล้าเถียงหรอกครับว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไมเก่ง ไม่ดี ไม่เจ๋ง เพราะเขาไม่ได้แค่มีฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมอีกต่อไป แต่เป็นนักเตะที่มีรางวัลการันตีในการเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักเตะอาชีพ หรือ พีเอฟเอ แล้ว เป็นเครืองยืนยันว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทให้กับทีมมาตลอดทั้งซีซั่น เพื่อนนักเตะทั้งวงการต่างรับรู้และเห็นด้วยว่าเขาคือสุดยอดของปีนี้
แต่สิ่งที่ ซาลาห์ ต้องเผชิญต่อจากนี้ นอกจากการพาทีมเดินหน้าสู่ความสำเร็จต่อไปแล้ว คือสิ่งที่ใครๆ ก็รู้ดีนั่นคือ การเป็นนักเตะยอดเยี่ยมว่าไม่ง่ายแล้ว แต่การรักษาฟอร์มที่แจ่มว๊าวขนาดนี้จนได้รางวัลมาต่างหากเป็นสิ่งที่ยากกว่ากันหลายเท่า เพราะตัวอย่างนักเตะที่คว้ารางวัลนี้ในช่วงหลายปีหลังต่างมีชะตากรรมที่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น เราขอยกตัวอย่างนักเตะ 5 คนที่ได้รางวัลนี้ใน 5 ปีหลังสุดมาให้ดูกันว่าพวกเขาต้องเผชิญกับอะไรหลังคว้ารางวัล
1. แกเร็ธ เบล (2012-13)
ซีซั่นนี้เป็นซีซั่นที่เขาเปลี่ยนเบอร์เสื้อจาก 3 เป็น 11 และขึ้นไปเล่นปีกแบบเต็มตัว เล่นได้อย่างสุดโหด ยิงประตูได้แบบถล่มทลายต่างจากที่เคย เดิมที่ในลีกมากที่สุดก็ยิงได้แค่ 9 ลูก มาฤดูกาลนี้กดไปถึง 21 ลูกจาก 33 เกม พาทีมจบอันดับ 5 ได้ ขณะที่ในบอล ยูโรปา ก็ไปถึงรอบ 8 ทีม เบล โดดเด่นขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ จนคว้ารางวัลไปได้
ฤดูกาลต่อมา : ย้ายทีม เรอัล มาดริด พยายามอย่างยิ่งที่จะคว้าเขาไปร่วมทีม ในฐานะนักเตะที่ฟอร์มแรงที่สุดในเวลานั้น เช่นกันก็มีคู่แข่งเข้ามามากมาย เบล แน่นอนทุกคนจำได้อดีตค่าตัวสถิติโลก 100 ล้านยูโร ในฤดูกาล 2013-14 นักเตะคนแรกที่ค่าตัวมหาศาลขนาดนี้ และ เบล ไม่เพียงต้องแบกรับการรักษาฟอร์มของตัวเอง แต่ยังต้องแบกรับความกดดันจากค่าตัวด้วย แต่เขาก็ทำได้ดี
2. หลุยส์ ซัวเรซ (2013-14)
ฟอร์มของ ซัวเรซ ในปีนั้นน่าจะยังอยู่ในความทรงจำของเหล่า "เดอะ ค็อป" จนทุกวันนี้ ปีนั้นความสามารถในการทำประตูของ ซัวเรซ พุ่งติดเพดาน เป็นดาวซัลโวลีก 33 นัด ยิงไป 31 ลูก ทำสถิติสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก ที่เล่น 38 นัดในเวลานั้นไปเลย แถม "หงส์แดง" เกือบคว้าแชมป์ได้ แต่พลาดเพราะอะไรคงไม่ต้องบอก ไม่แปลกที่จะคว้ารางวัลไปครองได้
ฤดูกาลต่อมา : ย้านทีม ซัวเรซ ทำท่าจะย้ายมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ถูกกล่อมให้อยู่ต่อจนโขว์ฟอร์มเยี่ยมจนได้ แต่ครั้งนี้เหมือนผู้บริหารก็เอือมกับพฤติกรรมของเขา หลังไปก่อเหตุงามหน้า กัด จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ในฟุตบอลโลก จนโดนแบน ลงสนามไม่ได้หลายเดือน สุดท้ายก็ขายให้ บาร์เซโลน่า ไป ฤดูกาลต่อมาที่ คัมป์ นู ก็เหมือนปลดปล่อย แม้จะได้เล่นน้อยเพราะมัวแต่โดนแบนอยู่ แต่ก็ยิงได้ต่อเนื่องเหมือนเดิม แถมได้ทริปเปิลแชมป์อีกต่างหาก
3. เอแด็น อาซาร์ (2014-15)
อาร์ซาร์ เป็นนักเตะที่เด่นที่สุดในฤดูกาลนั้น ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ดึงความสามารถของ อาซาร์ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำสถิติลงเล่นในทุกเกม พรีเมียร์ลีก อีกต่างหาก ยิงได้ถึง 14 ประตู พร้อมทำไปอีก 9 แอสซิสต์ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความโหดของดาวเตะเบลเจี้ยนในซีซั่นนั้นได้เลยจริงๆ และแน่นอนฤดูกาลนั้น เชลซี เป็นแชมป์ลีก
ฤดูกาลต่อมา : ฟอร์มตก อาซาร์ เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ฟอร์มดิ่งลงเหวเรื่อย ว่ากันว่าเป็นเพราะขัดแย้งในการทำงานกับกุนซือที่เค้นฟอร์มเขาจนคว้ารางวัลได้นั่นแหละ ไม่เพียงแต่ต้องแบกรับเงาของตัวเองในฤดูกาลก่อน ยังเจอปัญหาภายในเล่นงาน อันดับตารางของทีมก็แทบจะเรียกว่ามีอันเป็นไปได้เลย สุดท้าย เมื่อ มูรินโญ่ ถูกปลด ฟอร์มถึงดีขึ้น
4. ริยาด มาห์เรซ (2015-16)
การคว้ารางวัลของ มาห์เรซ์ คือปรากฎการณ์ ไม่เพียงเขาเป็นนักเตะที่เล่นดี แต่ยังเล่นดีจนพาทีมที่ไม่มีใครคาดคิดอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อีกด้วย แม้ในทีมจะมี เจมี่ วาร์ดี้ ที่ทำประตูได้เยอะกว่า แต่ มาห์เรซ ก็ยิงได้เยอะไม่แพ้กัน ยิงไป 17 ประตู แถมยังแอสซิสต์ได้เยอะถึง 11 ลูกด้วย ทำให้เขาชนะใจกรรมการในฤดูกาลนี้
ฤดูกาลต่อมา : ฟอร์มตก มาห์เรซ กดดันพอสมควรกับการรักษาฟอร์ม แถมต้องรับมือกับสภาพจิตใจของตัวเอง ที่อยากย้ายไปทีมใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ย้าย สุดท้ายทำใจเล่นต่อได้ แม้จะดีแต่ไม่โดดเด่นเหมือนเดิม แค่ดีประมาณหนึ่งเท่านั้น และจากนักเตะที่น่าตื่นตากลายเป็นแค่นักเตะที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น
5. เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (2016-17)
ก็องเต้ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพา เชลซี คว้าแชมป์ เป็นนักเตะคนแรกในรอบหลายปีที่คว้าตำแหน่งนี้ทั้งที่เป็นนักเตะเชิงรับ เป็นนักเตะที่ขยัน โดดเด่นในการตัดเกม อ่านเกมเฉียบขาด เพื่อนร่วมอาชีพรวมตัวกันโหวตให้กับ ก็องเต้ เพราะรู้สึกดีว่าการเผชิญหน้ากับเขามันเป็นงานยากขนาดไหน เป็นนักเตะที่ใครๆ ก็อยากมีไว้ในทีม
ฤดูกาลต่อมา : ฟอร์มตก ที่จริงจะพูดว่าฟอร์มตก ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก ต้องบอกว่ามันตกลงไปตามผลงานของทีมมากกว่า เพราะผลงานของ เชลซี ฤดูกาลนี้ก็ถือว่าตกลงกว่าฤดูกาลที่แล้วพอสมควร เป็นคนที่ฟอร์มตกน้อยมากทีเดียว แต่ก็ใช่ว่าไม่ตก
จะเห็นได้ว่าทุกคนต้องแบกรับความกดดันบางอย่างไว้ตลอด บางคนรับมือได้มากบ้าง น้อยบ้างต่างๆ กันไป หลังจากรับรางวัล ไม่มีใครเล่นที่ยังเล่นดีได้เหมือนเดิม หรือต่อให้ดีเหมือนเดิม ก็จะมีชะตาต้องย้ายไปดีที่อื่นตลอด น่าสนใจว่า ซาลาห์ จะเป็นคนแรกหรือไม่ที่รักษาฟอร์มของตัวเองไว้ได้ในซีซั่นหน้า ถ้าหากว่า ลิเวอร์พูล สามารถรั้งตัวเขาเอาไว้ได้
- เทพเฟี๊ยต -
