logo-heading

จบลงไปแล้วกับการเล่น ACL ครั้งแรกของ เจ้าท่า โดยบทสรุปตกรอบแบ่งกลุ่ม วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันว่าเห็นอะไรบ้างกับฟอร์มของพวกเขา

โดย การท่าเรือ เอฟซี จบรอบกลุ่มด้วยการเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม พร้อมกับสถิติลงเล่น 6 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 และแพ้ 2 เกม เก็บได้ 8 คะแนน ส่วนประตูได้เสียยิงได้ 10 ประตู และเสียไป 2 ลูก แม้จะเก็บได้ถึง 8 คะแนน แต่ภาพรวมของฟอร์มการเล่นถือว่าไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?? ขอบสนามบอลไทย ขอมาวิเคราะห์กันหน่อยครับ ...

ต้องลงเล่นแบบไม่มีหน้าเป้า

จากที่มีหน้าเป้าให้เลือกเยอะ พอบทจะไม่มีก็ไม่มีเลยสักคน ซึ่งชัดเลยว่าปัญหานี้คือเรื่องใหญ่ของ ท่าเรือ เพราะสุดท้ายบอลแดนหน้าที่ไม่มีตัวจบสกอร์ ส่งผลให้การทำประตูมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย อย่าไปดูสกอร์ 10 ตุงที่พวกเขายิงได้ เพราะ 2 เกมที่เล่นกับเด็กกว่างโจวกดไป 8 ลูก เท่ากับว่ามีอีกแค่ 2 ลูกที่ยิงได้จาก 4 เกมที่เหลือ ดังนั้นทุกคนคงเห็นว่ามันคือปัญหาที่ทำให้ท่าเรือไม่คลายพิษสงใน ACL

บาจโจ้ หรือ โรลเลอร์ ไม่เหมาะ False 9

ชัดเลยว่าการพยายามลองให้ บาจโจ้ ไปเป็นหน้าเป้าหรือขยับไปเป็น False 9 ไม่ใกล้เคียงกับไอเดียที่ดีเลยเพราะฟุตบอลเอเชียไม่ใช่ระดับที่โยนไปแล้วเขาจะทำอะไรก็ได้สุดท้ายก็อย่างที่เห็นบาจโจ้ไม่มีพิษสงเลยยามถูกดันไปเล่นหน้าไม่แค่นั้นโรลเลอร์ก็เคยขึ้นไปลองแต่สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม

บอลโยนมันคือ DNA ของท่าเรือ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่าเรือ กับการเล่นบอลโยนคือของที่คู่กัน เหมือนมันเป็นสไตล์ของทีมไปแล้ว ไม่ว่าใครจะไปใครจะมาก็มักจะเล่นลูกแบบนี้ตลอด และในรายการยิ่งชัดว่าต่อให้มีคนตัวเล็กอยู่ข้างหน้าก็จะโยนเข้าไปลุ้น ซึ่งถ้าใครตามดูทั้ง 6 เกมที่เล่นมีแค่ 2 เกมกับเด็กกว่างโจวที่พวกเขาพยายามครองเกมและเข้าทำหลากหลายมากกว่าการโยน ดังนั้นถ้าโยนจากด้านข้างแบบนี้ ย้อนกลับไปข้อ 1 ถ้ามีหน้าเป้าดีๆก็ใช่เลย

ปกรณ์คือ ของดีได้กลับมา

นอกจากการลดน้ำหนักที่ทำให้ปกรณ์เปรภักดิ์ดีขึ้นแล้วทั้งความฟิตและความคล่องตัวแล้วที่สำคัญยังทำให้เขากลับมายึดตัวจริงท่าเรือได้อีกครั้งซึ่งการมีปกรณ์ในรายการถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆเพราะบอลโยนจากเท้าของเขาจัดว่าเด็ดดวงใช้ได้บอลโค้งๆได้เสียตลอดมันแสดงให้เห็นตามข้อข้างบนว่าบอลโยนคือท่าเรือสไตล์ที่ใช่และไม่ต้องตามหาและเมื่อไหร่ก็ตามที่มีตัวโยนชั้นดีเกมรุกของท่าเรือก็จะยิ่งเล่นได้น่ากลัวขึ้น

ได้เห็นหลายคนได้รับโอกาสลงเล่น 

นี่คือข้อดีที่เราได้เห็นการลงเล่นที่หลากหลายของนักเตะท่าเรือทั้ง 6 เกมที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น ทิตาธร, ทิตาวีร์, วัชระ, จตุรพัช, ชัปปุยส์, ณัฐวุฒิเรียกว่าแต่ละคนได้รับโอกาสและได้พิสูจน์ตัวเองกันพอสมควรซึ่งไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นแนวทางการตัดหรือการเลือกตัวผู้เล่นที่มีอยู่ล้นทีมของท่าเรือเพื่อหาทีมชุดเล่นไทยลีกที่จะมาถึงก็เป็นได้

ได้เห็นปัญหาก่อนเล่นไทยลีก

ข้อดีจากปัญหาที่ว่ามาทั้งหมดคือ มีเวลาให้เตรียมทีมให้แก้ไขกันอีกยกก่อนที่ไทยลีกจะดลับมาเตะกันในอีก 1 เดือนข้างหน้าทั้ง ตัวหน้าเป้าที่ต้องมี, ต่างชาติจะตัดใคร, สไตล์การเล่นที่ไม่ชัดเจน หรือแม้แต่ตัว 11 ตัวจริงที่ต้องหาให้เจอขนาดเราไม่ได้เป็นโค้ชยังพอมองออกว่าท่าเรือต้องแก้อะไรบ้างดังนั้นคนเป็นโค้ชอย่างโค้ชอู๊ดหรือคนเป็นเจ้าของทีมอย่างแม่แป้งคงจะดูออกว่าต้องทำยังไงเพื่อให้ทีมดีขึ้นกว่านี้

ถือว่าผิดหวังพอสมควรกับผลงานในเวทีเอเชียครั้งแรกของ ท่าเรือ คาดหวังลึกๆ ว่าหลังจากแก้ไขจะได้เห็นความเด็ดดวงที่มากขึ้นมนไทยลีก 2021/2022 

  ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ไลน์ขอบสนาม  

ผ่าฟอร์ม!!! ครั้งแรกของ "เจ้าท่า" ในเวที "ACL"

logoline