บีจี ปทุม กลายเป็นทีมเดียวจาก 4 ทีมตัวแทนของไทยที่ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ACL 2021 ด้วยการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 1 ใน 3 ทีม
ซึ่งที่ผ่านมา ทีมงานขอบสนามบอลไทย ได้ชำแหละผลงานของ 3 ทีมจากไทยอย่าง เชียงราย ยูไนเต็ด , การท่าเรือ เอฟซี และ ราชบุรี เอฟซี ไปแล้วว่าทีมไหนดีหรือทีมไหนแย่กับการเล่นฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021 ในรอบแบ่งกลุ่มนี้
วันนี้ถึงคราวทีมสุดท้ายอย่างพลพรรค "เดอะ แรบบิท" ที่ผลงานดีที่สุดในฐานะทีมตัวแทนจากไทย แต่เพราะอะไรทำให้ บีจี ผลงานดี และไม่ดีไปกว่าที่คาดๆ กันไว้ด้วย
อย่างแรกเพราะ วิดมาร์ เลือกไม่เปลี่ยน บีจี
ข้อนี้เป็นสิ่งที่แฟนๆ บีจี หลายคนน่าจะกังวลเหมือนกันกับการเข้ามาสานต่องานจาก โค้ชโอ่ง กับการเล่นฟุตบอลเอเชียครั้งแรก ซึ่งภาพในหัวของ วิดมาร์ นั้นเขาไม่เคยทำในรูปแบบการเล่นหลัง 3 คนเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เขาคุมบีจี แต่พอมาทำทีมในครั้งนี้เขาสานต่อแผนการเล่นที่ดีของ บีจี ที่ทำมาตลอด 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา เท่ากับว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของทีม แต่เป็นเขาที่เลือกเปลี่ยนรูปแบบของตัวเองให้เข้ากับทีม และมันก็เห็นผล เพราะการเล่นหลัง 3 ทำให้ฟอร์มของ บีจี ไม่ต่างไปจากตอนที่เป็นแชมป์ลีกเท่าไหร่นัก ...
เพราะผู้เล่นหลายคนมีประสบการณ์
บอกเลยว่าข้อนี้ บีจี ได้อานิสงค์จากการซื้อผู้เล่นดังๆ เข้าทีมมาหลายคนตั้งแต่ซีซั่นที่แล้วทั้ง สารัช อยู่เย็น, อันเดรส ตูเนซ, ดิโอโก้ หลยส์ ซานโต, ธีรศิลป์ แดงดา ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาล้วนแต่มีประสบการณ์การเล่นฟุตบอลในระดับเอเชียมาแล้วทั้งนั้น และเมื่อนำมารวมกับ ชาตรี ฉิมทะเล, ฉัตรชัย บุตรพรม และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ทำให้ บีจี ทีมนี้เหมือนเป็นทีมที่มีความพร้อมสรรพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งที่การเล่นฟุตบอล ACL ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของสโมสร
ไม่พลาดกับชัยชนะที่ต้องเก็บให้ได้
ข้อนี้ถือเป็นข้อสำคัญมากๆ เพราะการไม่พลาดในเกมที่ไม่ควรพลาดถือเป็นสิ่งจำเป็นในฟุตบอลเอเชีย เนื่องจากเมื่อฤดูกาลนี้การเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยากขึ้น แม้จะมีการเพิ่มทีม แต่ด้วยปัจจัยการเอาแค่ "แชมป์กลุ่ม" กับ "อันดับ 2 ที่ดีที่สุด 3 จาก 5 ทีม" ทำให้เกมทุกเกมต้องละเอียดและต้องวางแผนการเล่นให้ดีๆ โดย บีจี ถือว่าศักยภาพดีกว่าทั้ง เวียทเทล ทีมแชมป์ของเวียดนาม และ คาย่า อิโลอิโล ทีมจากลีกฟิลิปปินส์ ดังนั้น 4 เกมที่เจอกันพวกเขาไม่มีข้อแม้อื่นคือต้องเก็บ 12 คะแนนเต็มให้ได้ และ บีจี ก็ทำได้ ส่วนอีก 2 เกมก็ตามสภาพที่เห็นว่าสู้กับ อุลซาน ฮุนได ยาก แต่อย่างน้อยๆ 4 เกมที่บอกว่าไม่ควรพลาด พวกเขาก็ไม่พลาดเลยก็ทำให้เข้ารอบมาในฐานะอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 1 ใน 3 ทีม
โชคดีที่รอบนี้ได้เล่นในบ้านตัวเอง
แน่นอนว่าข้อนี้ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าความพร้อมของไทยในตอนนั้น ประกอบกับความพร้อมที่ ปทุมธานี สเตเดี้ยม (ลีโอ สเตเดี้ยม) ส่งผลให้ บีจี ค่อนข้างโชคดีกับการได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลรายการนี้ในรอบแบ่งกลุ่มของตัวเอง และทำให้ทุกเกมที่ลงสนามแม้จะเล่นในฐานะทีมเยือน แต่ก็เหมือนเป็นเจ้าบ้านทุกนัด ได้เปรียบในหลายๆ เรื่องทั้งความคุ้นชิน, สภาพอากาศ , สนาม และที่สำคัญไม่ต้องเดินไปไหนเลย ทำให้พวกเขาวางแผนและจัดการอะไรได้ง่ายกว่าหลายๆ ทีมที่เข้าร่วมกลุ่ม
ได้แต้มจาก 3 ทีมตัวแทนจากไทยช่วย
แม้หลายคนจะบอกว่าทีมตัวแทนจากไทยที่เหลือทั้ง ราชบุรี, ท่าเรือ หรือ เชียงราย ที่ตกรอบไปนั้นผลงานไม่เป็นไปตามเป้า แต่อย่างน้อยๆ การมีทีมตัวแทนจากไทยถึง 4 ทีม มันส่งผลต่อคะแนนที่ช่วยส่งให้กันและกันได้ไปต่อ เหมือนอย่างที่ เชียงราย ช่วยให้ กัมบะ ได้แค่ 2 แต้มจาก 2 เกมที่เจอกัน ทำให้หยุด กัมบะ ไว้ที่ 9 คะแนนเท่านั้น หรืออย่าง ท่าเรือ ที่หยุด คิตฉี ไว้ด้วยการเสมอในนัดที่ 2 ที่เจอกันทำให้ทีมตัวแทนจากฮ่องกงเก็บได้ 11 แต้มเท่านั้น ซึ่งไม่พอกับการเข้าไปลุ้นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด หรือแม้แต่ ราชบุรี ที่สามารถยันเสมอ โปฮังฯ ไว้ได้ในนัดที่ 2 ที่เจอกัน และทำให้ทีมจากเกาหลีมี 11 แต้ม แม้จะเพียงพอต่อการผ่านเข้ารอบ แต่ต้องยอมรับว่า 1 แต้มจาก ราชบุรี ในวันนั้นทำให้ บีจี เล่นได้ง่ายขึ้นในช่วงเวลานั้น
ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ไลน์ขอบสนาม
