logo-heading

ลิเวอร์พูล ไม่ยอมน้อยหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี หลังดาหน้าบุกถล่ม นอริช ซิตี้ น้องใหม่แต่หน้าเก่า แบบขาดลอย 3-0 เก็บ 3 คะแนนไปตามคาด โดยแมตช์นี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้สร้างสถิติสำคัญเอาไว้ด้วย หลังเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูให้กับ หงส์แดง เกมนี้มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

- ต้นเกม ลิเวอร์พูล บุกยับ

ก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ครับ เพราะ ลิเวอร์พูล เหนือกว่า นอริช อยู่หลายขุม ดังนั้นจึงทำเกมรุกโหมเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม โดยมีช็อตที่ ทิม ครูล นายทวาร นกขมิ้น ต้องออกแรงเซฟ คือจังหวะที่ หงส์แดง ได้ครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ เป็น ดิโอโก โชต้า ได้ขึ้นโหม่งบอลย้อยๆ ยังดีลูกมันตรงตัว ทิม ครูล สปริงท์ข้อเท้าปัดออกหลังไปได้ ต่อมา เทรนท์ อาร์โนลด์ ได้ขึ้นเกมทางขวา เลี้ยงมาสุดเส้นหลัง ก่อนเปิดตัดย้อนกลับมาให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในกรอบเขตโทษ ก่อนแต่งบอลเข้าขวา เพื่อหนีตัวประกบ ซัดเต็มแรงบอลพุ่งตรงกรอบ แต่ ทิม ครูล ดักทางเสาแรกไว้อยู่แล้ว จึงป้องกันเอาไว้ได้ จากนั้นยังมีช็อตที่ คอสตาส ซิมิกาส ต่อบอลด้านซ้ายกับ ซาดิโอ มาเน่ โดยพี่ณเดชน์ โชว์พริ้วไปจนสุดเส้นหลัง เงยหน้ามองเพื่อนในกรอบเขตโทษ ก่อนจะบรรจงเปิดเข้าตีน โม ซาลาห์ แบบไม่ต้องจับ วอลเล่ย์ตามน้ำบอลพุ่งเฉี่ยวเสาไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

- นอริช สวนกลับ เกือบได้เหมือนกัน

เห็น ลิเวอร์พูล บุกเพลินๆแบบนี้ ก็เกือบเสียท่าให้กับ นอริช เหมือนกันนะครับ เนื่องด้วย นกขมิ้น ก็มีทีเด็ดในเรื่องเกมสวนกลับ โดยเป็นจังหวะที่ ท็อดด์ แคนท์เวลล์ แนวรุกของเจ้าบ้าน ยกบอลข้ามแนวรับ หงส์แดง ไปให้กับ ตีโม ปุกกี้ หลุดกับดักล้ำหน้า เข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ ถึงแม้ว่า ปุกกี้ จะจับบอลจังหวะแรกได้ดี แต่ด้วยความที่มุมมันไม่เปิดมากนัก บวกกับมีผู้เล่น ลิเวอร์พูล วิ่งเข้ามาบีบพื้นที่ ทำให้กองหน้าทีมชาติฟินแลนด์ ต้องยิงยัดเสาแรก ซึ่งตรงนั้น อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยืนปิดมุม ปัดทิ้งออกหลังไปได้อยู่แล้ว

- จับบอลพลาด แต่ยังเป็นโชคของ ลิเวอร์พูล

การขึ้นเกมของ ลิเวอร์พูล มาได้แบบงงๆ โดยเป็นจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลากกระชากขึ้นมาด้านขวา ก่อนจะจ่ายยัดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่ง บังโม จับบอลลั่นจังหวะแรก แต่กลับกลายเป็นดี เพราะมันเหมือนแต่งบอลไปข้างหน้า ลอดช่องคู่เซ็นเตอร์ นอริช แบบพอดีเด๊ะ ตั้งบอลให้กับ ดิโอโก้ โชต้า ที่โชว์ความจมูกไว วิ่งไปซัดด้วยขวาอัดเต็มแรง บอลสวนตัว ทิม ครูล เข้าไป เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของ ลิเวอร์พูล

- นอริช สกัดบอลออกจากเส้น เกือบเสียประตูที่ 2

หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ได้ประตูแรก ก็บุกโหมเป็นพายุ เพื่อจะทำประตูที่ 2 ให้ได้ เนื่องจากเห็น นอริช กำลังเมาหมัด ก็เลยต้องการยิงหมัดน็อค นกขมิ้น ให้ได้ตั้งแต่ครึ่งแรก และ ขุนพล เครื่องจักรสีแดง มีโอกาสซัดหนีห่างแบบสุดๆ จุดเริ่มจากคอร์เนอร์ฝั่งซ้าย เปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ผู้เล่น นอริช เคลียร์สกัดไม่ขาด ไปเข้าทาง โม ซาลาห์ สวนตูมเดียว ตรงหัวกะโหลก วิถีบอลกำลังพุ่งไปเสียบเสา แต่มี ปิแอร์ ลีส์-เมลู ยืนขวางอยู่ สกัดทิ้งมาได้ดอกแรก ทว่าเคลียร์ไปเข้าทาง โจเอล มาติป ที่ยังห้อยอยู่ในกรอบเขตโทษ ได้ซ้ำแบบโล่งๆ ชนิดที่ ทิม ครูล หมดสิทธิ์ป้องกันไปแล้ว เพราะเขาพุ่งลมไปตั้งแต่จังหวะแรกที่ ซาลาห์ ยิง ลุกขึ้นมาไม่ทัน แต่ ปิแอร์ ลีส์-เมลู คนดีคนเดิม ที่ยังเคลื่อนตัวไปดักลูกยิง มาติป ก่อนข้ามเส้น แบบหวุดหวิด ทำให้ นอริช ยังรอดตัวไม่เสียประตูที่ 2

- เปลี่ยนตัวปุ๊บ หงส์แดง ได้ลูก 2 ปั๊บ

ต้องบอกว่าครึ่งหลังเกมค่อนข้างเปิด และ เป็น นอริช ที่ดีกว่า ลิเวอร์พูล อยู่หน่อยๆด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเกมแดนกลาง ถึงแม้จะยังไม่มีจังหวะอันตรายอะไรมากมาย แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ มองว่าถ้าขืนปล่อยเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ จึงตัดสินใจถอด โชต้า คนทำประตูแรก กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่แทบไม่มีส่วนร่วม ออกจากสนาม และ ส่ง ฟาบินโญ่ กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงสนามมาแทน เพียงแค่ 4 นาที หลังการเปลี่ยนตัว เกมบุกของ ลิเวอร์พูล ก็ผลิดอกออกผลทันที โดยเป็นลูกที่ ฟีร์มิโน่ ได้บอลตรงกลางสนาม ลากเลื้อยขึ้นมาเอง ก่อนจะปาดเข้าตรงกลางให้กับ ซาดิโอ มาเน่ ที่ขอแหวกหนีกองหลัง นอริช ด้วยตัวเอง และ ยิงไปติดบล็อค แต่บอลยังเป็นใจ กระดอนอยู่ในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ซึ่งตรงนั้นมี โม ซาลาห์ ยืนอยู่ ก่อนที่ บังโม จะตัดสินใจ คิดเร็ว ทำเร็ว ด้วยการปาดคืนไปให้กับ ฟีร์มิโน่ ที่วิ่งมารอตรงเสาสอง โดยดาวเตะทีมชาติบราซิล วิ่งมาตามจุดนัดพบ ยิงโล่งๆผ่านมือ ทิม ครูล เข้าไป เป็นประตูพา ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-0 นับว่าลงมาเป็นตัวทีเด็ด ยิงประตูได้ทันที

- โม ซาลาห์ สร้างสถิติ ยิงลูก 3 ปิดบัญชี

มีช่วงที่ ลิเวอร์พูล ออกอาการเหมือนกัน เกือบโดน นอริช ยิงประตู เมื่อ คอสตาส ซิมิกาส แบ็กซ้าย หงส์แดง โชว์เหวอไปหลายดอก ทั้งจ่ายพลาด, เหม่อลอยจนโดนแย่งบอล ทำเอา เจมส์ มิลเนอร์ กัปตันทีม ต้องมาตบหน้าเรียกสติ 1 ที หลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นาน หงส์แดง ก็มาได้ลูกเตะมุมฝั่งซ้าย ซิมิกาส เป็นคนเปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษ ผู้เล่น นอริช พยายามโหม่งสกัด แต่ก็กดันทะลึ่งไปเข้าทาง โม ซาลาห์ ตรงเส้นกรอบเขตโทษ ก่อนจะแต่งบอลเข้าเท้าซ้ายข้างถนัด ปั่นโค้งๆแหวกอากาศผ่านด่านบล็อค นอริช โดย ทิม ครูล ปัดได้เพียงแค่ปลายนิ้ว แต่ก็เอาไม่อยู่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 3-0 และ ประตูนี้ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ได้สร้างสถิติให้เขากลายเป็นนักเตะฟุตบอลคนแรก ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ยิงประตูนัดเปิดซีซั่น ได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ที่สำคัญในเกมนี้ เจ้าตัวมีส่วนร่วมทุกประตู แบ่งเป็นยิงเอง 1 ลูก และ แอสซิสต์อีก 2 ลูก ด้วยกัน

- อลิสซอน ซูเปอร์เซฟ พา หงส์แดง เก็บคลีนชีต

ถึงแม้ว่าเกมมันจะขาดไปแล้ว เพราะ ลิเวอร์พูล นำห่างถึง 3-0 แต่กระนั้น นอริช ก็ยังไม่ยอมยกธงขาว พวกเขาพยายามจะทำประตูตีไข่แตกให้ได้ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับแฟนบอลกลับมาสู่สังเวียนอีกครั้ง และ นอริช ก็มีโอกาสทองที่จะยิงไล่ตีตื้นมา 1 เม็ด เมื่อ เบน กิ๊บสัน ได้จังหวะเก็บตก ยิงกลางประตูแบบเผาขน ระยะไม่น่าเกิน 5-6 หลา แต่เหลือเชื่อที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวาร ลิเวอร์พูล อ่านทางโชว์ซูเปอร์เซฟไว้ได้ ก่อนที่บอลจะคลุกคลิกลอยกลางอากาศ และ ก็เป็น พ่อหมี ที่ปัดทิ้งพ้นเขตอันตราย สุดท้ายจบเกมเป็น 3 แต้ม ของ ลิเวอร์พูล เก็บคลีนชีต บุกถล่ม นอริช ซิตี้ ได้สำเร็จ

ฮาย ฮาวดี้

logoline