ไทยลีกเดินทางมาถึงเกือบครึ่งทางของเลกแรก สถานการณ์เมื่อผ่าน 12 เกม เราเริ่มเห็นเค้าลางความชัดเจนที่มากขึ้น ทีมไหนลุ้นแชมป์ สโมสรไหนลุ้นโควตาฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมกลางตาราง หรือแม้กระทั่งหนีตาย
แวดล้อมที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน บ่งบอกคุณภาพความแตกต่างของตัวผู้เล่นรวมไปถึงแท็คติกของแต่ละสโมสรได้เป็นอย่างดี หลายสโมสรมักเน้นนิยมใช้ผู้เล่นมีชื่อเสียงมากกว่าจะมารอคอยผลักดันดาวรุ่งที่มีอยู่ในทีม ซึ่งเรื่องดังกล่าวคือความเสี่ยง คลับลูกหนังที่มีทุนเยอะจึงมองข้ามเรื่องดังกล่าวไป
ขอบสนามสัปดาห์นี้ สอดส่องและคัดกรอง 5 ยังบลัดดาวรุ่งฝีเท้าโคตรเจ๋ง แต่แทบไร้บทบาทกับสโมสรในซีซั่นปัจจุบัน จนมีสถานะซ้อมกับทีมชุดใหญ่แล้วก็ไปลับแข้งในเวทีระดับไทยลีก 4 มีใครกันบ้างนั้น เชิญรับชมเนื้อหาด้านล่างได้เลยจ้า
1.มีโชค มหาศรานุกูล (การท่าเรือ เอฟซี)
ผลผลิตจากรั้ว”ชงโคสีม่วง” กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ผู้ที่ครอบครัวมีพร้อมแทบทุกอย่าง แต่ด้วยความหลงใหลในกีฬาลูกหนัง ทำให้เขาเลือกจะดำเนินชีวิตไปกับฟุตบอล “เชน” เคยลงเล่นฟุตบอลอาชีพขณะที่กำลังอายุ 15 ปี 86 วัน พร้อมกับทำประตูได้ในสีเสื้อของเกร็กคู ลูกทัพฟ้า ในระดับดิวิชั่น 2 เมื่อปี2013
ก่อนจะถูกสมชาย ทรัพย์เพิ่ม ดึงตัวมาร่วมทีมทีโอที เมื่อปี 2015 พร้อมปรับเปลี่ยนบทบาทจากกองกลางไปเล่นแบ็คขวาและประจำการตำแหน่งดังกล่าวเรื่อยมา เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2016 ทีมฮัลโหล ตกชั้น “เชน” ได้ข้อเสนอจากทางเมืองทอง และการท่าเรือ แต่สุดท้ายเขาเลือกไปร่วมชายคาทีมดังย่านคลองเตย
ช่วงแรก “เชน” ได้ลงสนามเกมรับฝั่งขวาต่อเนื่อง เพราะสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งฟิตจัดขึ้นลงได้ตลอดทั้ง90 นาที แต่พอเซอร์เด็จ จเด็จ มีลาภ เข้ามาทำทีมปลายฤดูกาล 2017 เขาเสียตำแหน่งตัวจริงไปให้ นิติพงษ์ เสลานนท์ ที่เก๋าประสบการณ์มากกว่า ไม่แน่ว่า เลก 2 ดาวรุ่งวัย20ปี อาจต้องย้ายทีมชั่วคราวเพื่อไปเคาะสนิทเรียกความมั่นใจกลับมาไม่งั้นแรงจูงใจอาจขาดหายไป
2.ภูฟ้า ชื่นกรมรักษ์ (ชัยนาท ฮอร์นบิล)
เด็กหนุ่มจากจังหวัดน่าน คือผู้เล่นชื่อดังในแถวล้านนา เนื่องจากเป็นเยาวชนฝีเท้าเยี่ยม และเป็นนักเรียนจากโรงเรียนวชิราลัยจังหวัดเชียงใหม่ ที่ว่ากันว่ามีชื่อเสียงอย่างมากในเชิงลูกหนังทางภาคเหนือ จนถูกชักชวนให้มาร่วมทัพเยาวชนเชียงราย ยูไนเต็ด ทันที
“ฟ้า” จึงไม่ปิดโอกาสในครั้งนี้ เนื่องจากมันคือโอกาสที่จะเข้าใกล้การลงเล่นในไทยลีก แต่ฟุตบอลอาชีพทีมแรกของเขาที่ได้สัมผัสคือน่าน เอฟซี ทีมบ้านเกิด ทว่าเมื่อจบฤดูกาล 2016 เขาบาดเจ็บหัวเข่าจนต้องพักยาวไปนาน 3 เดือน ทำให้หัวหอกดาวรุ่งต้องขอยกเลิกสัญญากับทัพกว่างโซ้ง ช่วงที่เจ็บหนักท้อแท้อยู่บ้าง
แต่ด้วยความรักในเกมลูกหนังกลางปี 2017 เขาหอบหิ้วสตั๊ดไปคัดตัวกับชัยนาท ฮอร์นบิล แรกเริ่มเขาคิดว่าตัวเองคงไม่ติดทัพนกใหญ่ ทว่าเดนนิส อมาโต้ โค้ชชาวเยอรมันกลับ ดึงเข้าร่วมทีม มันคือการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมเมื่อ ภูฟ้า ฉายแสงตะบัน 4 ประตูจากการลงสนาม 5 เกมพา ช่วงท้ายซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้”นกใหญ่” เข้าป้ายด้วยแชมป์ไทยลีก 2
อย่างไรก็ดีจากสถานการณ์ปัจจุบัน ชัยนาท เกาะกลุ่มในโซนท้ายตารางหนีตกชั้นเต็มตัว ทำให้ “ฟ้า” กลายเป็นตัวเลือกรองในตำแหน่งกองหน้า ทั้งฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์, ดิยุฟ บิรัม และอองรี เบอร์นาร์ด บางทีการย้ายทีมคือทางเลือกที่ดีสำหรับเขาในเลก2
3.อภิโชติ เวกอรุณ (อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด)
ดาวเตะร่างเล็กจอมเทคนิคจากจังหวัดยโสธร ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับฉายา “เงาชนาธิป” เมื่อครั้งสวมยูนิฟอร์มบางกอก เอฟซี เมื่อฤดูกาล 2016 โดยใช้ฝีเกือกที่ไม่ธรรมดา เลี้ยงบอลจี้ใส่แนวรับพีทีที ระยอง พร้อมกับซัลโวประตูทำให้ทีมชนะไป3-1
สก็อตต์ คูเปอร์ อดีตกุนซืออุบล ยูเอ็มที จึงคว้าเพชรเม็ดงามรายนี้มาร่วมทีม “จวบ” มี ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาฝีเท้า แต่เอาเข้าจริงชีวิตในไทยลีก เมื่อปีกลาย กลับไม่สวยหรูอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อไร้บทบาทกับเทพอินทรี จนเลก 2 ต้องย้ายไปร่วมทีมสงขลา ยูไนเต็ด ในระดับไทยลีก2
เมื่อกลับสู่ต้นสังกัดแม่ฤดูกาลใหม่ “เงาชนาธิป” ยังคงมีสถานะเช่นเดิม ลงเล่นไทยลีก 4 ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ เห็นที “จวบ” คงต้องหาทีมใหม่เพื่อแสดงศักยภาพที่ซ้อนเร้นจากเท้าทั้ง2 ข้าง เพื่อพิสูจน์คุณภาพที่ท่องแท้ในยุทธจักรลูกหนังไทยเสียที
4.เจษฎากร ขาวงาม (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)
นี่คือแข้งที่ว่ากันว่า เมื่อ2-3 ปีก่อน เขาคือสิงห์ฟุตซอล ของโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี “ฟิวส์” จัดว่าเป็นดาวรุ่งที่มีกึ๋นและชั้นเชิงลูกหนังที่ยอดเยี่ยมหาตัวจับยากมากคนหนึ่ง เพราะเขาสามารถเล่นได้ทั้งฟุตบอลสนามใหญ่และสนามเล็ก จนถูกเรียกติดทีมชาติไทยในระดับเยาวชนทั้งโต๊ะใหญ่และเล็กมาแล้ว
เด็กหนุ่มจากจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้มีสรรวัชญ์ เดชมิตร เป็นไอดอล จึงตัดสินใจเลือกเซ็นสัญญากับทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เมื่อปี 2015 ซึ่งในเวลานั้นเขายังเรียนไม่จบมัธยมปลาย พร้อมกับโควต้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แต่วันเวลาผ่านไปเร็ว 2-3 ฤดูกาล “ฟิวส์” ยังคงเหมือนเดิม ซ้อมกับทีมชุดใหญ่แข้งเทพ วนเวียนกับฟุตบอลระดับไทยลีก 4 แม้ผลงานกับต้นสังกัดจะออกมาดี แต่ชีวิตลูกหนังอาชีพการลงสนามระดับสูงคือสิ่งสำคัญที่สุด ประกอบกับการที่ได้เห็นรุ่นพี่ที่เคยเคารพกันมาอย่างศศลักษณ์ ไหประโคน ไปได้ดีกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อาจทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิดเพื่อหาสโมสรชั่วคราวที่พร้อมจะให้ได้โชว์ของในตัวออกมาเสียที
5.ประสิทธิ์ จันทุม (สุพรรณบุรี เอฟซี)
ดาวเตะหมายเลข 8 ของทัพช้างศึกยุทธหัตถี อาจจะอยู่ในเกณฑ์ที่ว่าเป็นนักเตะในทีมชุดใหญ่ของทีมมายาวนาน 4 ฤดูกาล แต่ “โก้” ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าผู้เล่นคนสำคัญเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เด็กหนุ่มเมืองเลย ผู้มีทักษะเบสิคจากการเล่นกีฬาตะกร้อ ทำให้เขาเก่งในการครอบครองบอลเชื่องเท้า และมีทีเด็ดการผ่านบอลยอดเยี่ยม จนมีชื่อติดทีมนักเรียนไทยและถูกชักชวนให้มาร่วมทีมสุพรรณบุรี เอฟซี ในเวลาต่อมา
จากมาโน่ โพลกิ้ง โค้ชรายแรกผู้ให้โอกาสซ้อมทีมชุดใหญ่ จนมาถึง อาเดบาโย่ กาเดโบ้ เขาผ่านการฝึกซ้อมกับโค้ชมากมายถึง 7 ราย แต่บทบาทก็คือลงสนามสำรองท้ายเกม
อาจโชคดีหน่อยตรงที่ ประสิทธิ์ ได้คัมแบ็คกลับมาทำงานร่วมกับ อาเดบาโย่ โค้ชคนปัจจุบันของสุพรรณบุรี ที่เคยเป็นกุนซือสีหมอก เอฟซี เมื่อ2 ปีก่อน ทำให้รู้ศักยภาพของโก้ แต่กลับไม่สามารถสร้างความไว้วางใจให้แก่ทีมได้เลย จนบางทีกลายเปลี่ยนสังกัดใหม่อาจเป็นทางออกที่ดีสุดสำหรับเขา เหมือนที่เคยเปรี้ยงปร้างกับลำปาง เอฟซี เมื่อ2ฤดูกาลก่อน
เอ็มเร่
