logo-heading

ได้เห็นข่าว นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ณ ตอนนี้ เหมือนราวกับว่า "สาลิกาดง" ถูกแช่แข็งความสำเร็จไว้อีกซีกหนึ่งของโลก พวกเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับการคว้าแชมป์อะไรทั้งสิ้น นับตั้งแต่ผ่านเข้าสู่ยุค 2000 แต่บัดนี้ได้ถูกปลดแอกจากพันธนาการ พร้อมกลับมาสร้างความสั่นสะเทือนบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง

หลังจาก กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของ ซาอุดิ อาระเบีย (Public Investment Fund) หรือชื่อย่อเรียกง่ายๆว่า PIF ได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร นิวคาสเซิ่ล ด้วยงบ 300 ล้านปอนด์ พร้อมกับถือหุ้นสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า PIF มีเงินมหาศาล มากกว่าเจ้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 15 เท่า

นี่คือการเทคโอเวอร์ ที่สาวก สาลิกาดง ต้องปิดซอยฉลอง 7 วัน 7 คืน เพราะปี 2020 พวกเขาเคยผิดหวังไปแล้ว เพราะการซื้อกิจการได้ล่มลงไป แต่ทำไมครั้งนี้ถึงสำเร็จลุล่วง และ ต่อจากนี้ นิวคาสเซิ่ล จะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน ทีมงานขอบสนาม จะพาไปเกาะติดเล่าให้กับทุกคนได้รับทราบกันครับ

- ย้อนรอย ดีลแรกเริ่ม

หลังจากแฟนบอล สาลิกาดง ต้องทุกข์ทรมานกับการบริหารของ ไมค์ แอชลี่ย์ มาถึง 14 ปี ทั้งการไม่เสริมทัพ, ไม่ใส่ใจสโมสร เน้นแต่เอาฟุตบอลไปทำธุรกิจ เคยมีคนมาติดต่อขอเทคโอเวอร์สโมสร ก็ปฏิเสธไปแบบไม่ใยดี จนกระทั่ง อแมนด้า สเตฟลีย์ นักธุรกิจสาววัย 48 ปี ซึ่งเคยผิดหวังจากการเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิ่ล ก็ไปหากลุ่มทุนมาใหม่ เพราะเธอเห็นความตกต่ำของ สาลิกาดง ไม่ไหว เนื่องจากมีทั้งหล่นไปเล่น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และ มีสถานะต้องหนีตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อยู่ตลอด เธอจึงไปติดต่อให้ "ซาอุ พับลิค อินเวสท์เมนต์ ฟันด์" เข้ามาลงทุน กลุ่มทุน "ซาอุ พับลิค อินเวสท์เมนต์ ฟันด์" เป็นองค์กรที่รวยล้นฟ้า นำโดย เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่ง ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพระองค์ทรงมีทรัพย์สินรวมมากถึง 260,000 ล้านปอนด์ (10 ล้านล้านบาท) ฉะนั้นเม็ดเงินเทคโอเวอร์ ที่ ไมค์ แอชลี่ย์ ได้ตั้งเอาไว้ 300 ล้านปอนด์ เป็นอะไรที่จิ๊บจ๋อยสำหรับเจ้าชายมาก  หากนึกไม่ออกว่าเจ้าชายมีเงินมหาศาลขนาดไหน ให้เปิดเพลง "มันนี่" ของ ลิซ่า แบล็คพิ๊งค์ ควบคู่ไปด้วย เพราะเนื้อเพลงแสดงให้เห็นถึงความร่ำรวย ที่ใช้ไม่มีวันหมด อารมณ์เหมือนมาจ่ายเงินขำๆ แบบชาตินี้คงใช้ไม่หมดเปล่า ณ ตอนนั้น สื่อจากเกาะอังกฤษ ตีข่าวไว้หมดแล้วว่า การเทคโอเวอร์น่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ไม่มีอะไรพลิกโผ พร้อมกับคาดการณ์ด้วยว่า จะมีนักเตะระดับโลกคนไหน หรือ กุนซือมากฝีมือคนใด ที่เตรียมมารับงานในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ได้แต่ฝันลมๆแล้งๆ

- ดีลล่ม เพราะเจ้าชาย และ ประเทศซาอุดิ อาระเบีย มีคดีติดตัว

นิวคาสเซิ่ล กำลังจะกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร เพราะถ้าหากซื้อกิจการสำเร็จ พวกเขาจะร่ำรวยสุดบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ทว่าสุดท้ายต้องมาล่มปากอ่าว เมื่อการเทคโอเวอร์ครั้งนี้เกิดปัญหาใหญ่ ซึ่งปัญหามาจาก เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน และ ประเทศซาอุดิ อาระเบีย ทำให้ถูกต่อต้านอย่างหนัก
  1. เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังฆ่าปิดปาก จามาล คาช็อกกี นักข่าวชื่อดังชาวซาอุฯ อย่างโหดเหี้ยม ขณะไปทำงานในประเทศตุรกี เมื่อปี 2018 เนื่องด้วยนักข่าวรายนี้ ลุกขึ้นมาเปิดโปงความลับของรัฐบาล และ ราชวงศ์ ซาอุฯ แบบไม่เกรงกลัวหน้าไหน ถึงแม้เรื่องราวจะยังไม่สามารถสืบได้แน่ชัด แต่กระนั้น ฮาทิซ เซนกิซ คู่หมั้นสาวของ คาช็อกกี ก็ได้ส่งคำร้องมาถึง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ผู้บริหาร นิวคาสเซิ่ล ว่าไม่ให้ดีลการเทคโอเวอร์นี้เกิดขึ้น เพราะเป็นการส่งเสริมอาชญากร
  2. การละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งปัญหานี้เริ่มจาก "บีอิน สปอร์ต" สถานีกีฬาประเทศกาตาร์ ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ถ่ายทอด พรีเมียร์ลีก ในแถบตะวันออกกลาง เป็นเวลา 3 ปี ทุ่มเงินไป 400 ล้านปอนด์ ได้ร้องเรียนว่า ซาอุฯ คือโจร !! เนื่องจาก ถูกดูดสัญญาณถ่ายทอดสด ไปออกอากาศเถื่อน แบบฟรีๆ ในช่อง "บีเอ้าท์ คิว" (beoutQ) เพราะ ซาอุฯ กับ กาตาร์ ตัดความสัมพันธ์กันแบบไร้เยื่อใย เพราะปัญหาทางการเมือง ถึงขั้นห้ามประชาชนไปเหยียบ กาตาร์ โดยเด็ดขาด การออกอากาศของช่อง "บีเอ้าท์ คิว" เหมือนกับ "บีอิน" เป๊ะๆ แต่สปอนเซอร์กลับเป็นของในประเทศซาอุดิอาระเบีย ทั้งหมด ทำให้ บีอิน สูญเสียรายได้มหาศาล โดยฟ้องร้องไปถึง ฟีฟ่า เรื่องก็เงียบ ฉะนั้นเมื่อ "ซาอุ พับลิค อินเวสท์เมนต์ ฟันด์" จะเข้ามาเทคโอเวอร์ เรื่องนี้ก็ถูกหยิบยกประเด็น เพราะ กาตาร์ กล่าวหาว่า รัฐบาลเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
ดังนั้นเมื่อ 2 เหตุผลรวมกัน ถือว่าเป็นข้อครหาที่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับไม่ได้ ทำให้การเทคโอเวอร์ครั้งนี้ ถูกระงับ ทุกอย่างสำหรับ นิวคาสเซิ่ล เหมือนฝันสลายไปแล้ว แต่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะกลายเป็นว่า PIF ยังคงเฝ้ารอให้ดีลนี้เกิดขึ้น 

- การเทคโอเวอร์ซื้อ นิวคาสเซิ่ล ลุล่วง 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปัญหาทุกเคลียร์

หลังจากที่ นิวคาสเซิ่ล ต้องพบกับความผิดหวัง ในการได้เจ้าของใหม่ มาแทนที่ ไมค์ แอชลี่ย์ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปีกว่าๆ เหล่าแฟนบอลก็หูผึ่ง และ หัวใจสูบฉีดอีกครั้ง เพราะกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย พร้อมกลับมาเทคโอเวอร์ ด้วยการเคลียร์มลทินต่างๆให้หมดสิ้น เริ่มจากปัญหาลิขสิทธิ์ ทางรัฐบาลซาอุฯ ยอมยกเลิกการแบน บีอิน สปอร์ต ในประเทศ พร้อมกับการไล่ปิดช่องเถื่อนอย่าง บีเอาท์ คิว ให้สิ้นซาก นอกจากนั้นยังจ่ายค่าชดเชยให้กับ บีอิน สูงถึง 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ  ส่วนคดีของ เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ก็เหมือนว่าพระองค์ถอยตัวเองมาเป็นเบื้องหลัง เพราะเมื่อการซื้อกิจการเสร็จสิ้น คนที่จะเข้ามารับงานเป็นเจ้าของสโมสร นิวคาสเซิ่ล ก็คือ ยาเซียร์ อัล-รูมายยาน ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับเจ้าชาย ดังนั้นเมื่อ 2 ปัญหาหลักๆ ถูกเคลียร์จนไร้มลทินเรียบร้อย การเดินหน้าซื้อกิจการจึงเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี และ ปิดดีลเทคโอเวอร์กันที่ 300 ล้านปอนด์ โดย PIF ถือหุ้น 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ แบ่งขายให้กับ อแมนด้า สเตฟลีย์ ผู้อยู่เบื้องหลังการซื้อกิจการ 10 เปอร์เซ็นต์ และ มหาเศรษฐีจากพี่น้องตระกูลรูเบน อีก 10 เปอร์เซ็นต์

- หลังจากเทคโอเวอร์ลุล่วง จะมีเอฟเฟกต์อะไรตามมา

  1. เปลี่ยนสถานะมาเป็นทีมลุ้นแชมป์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เจ้าของใหม่ นิวคาสเซิ่ล สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วอังกฤษ เพราะ PIF ได้ประกาศเป้าหมายว่าพร้อมขึ้นมายิ่งใหญ่ในเวทียุโรปภายใน 5 ปี ฉะนั้นความสำเร็จต้องเริ่มจากบนเวที พรีเมียร์ลีก เสียก่อน ตอนนี้ สาลิกาดง มีสถานะเป็นเพียงแค่ทีมต้องหนีตกชั้น กุนซือ สตีฟ บรูซ ก็มีข่าวโดนปลดไม่เว้นวัน ปัจจุบันรั้งรองบ๊วย แข่ง 7 นัด ชนะใครไม่ได้เลย มีเพียงแค่ 3 แต้ม เท่านั้น แต่จากวันนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เพราะในช่วงตลาดเดือนมกราคม นี้ พวกเขาจะมีเงินช็อปนักเตะแบบไม่อั้น อย่างที่บอกครับ เจ้าของใหม่ รวยกว่าใครเพื่อนในลีก และ มีเงินมากกว่า ชีค มานซูร์ เจ้าของ แมนฯ ซิตี้ ถึง 15 เท่า ฉะนั้นเชื่อว่าภายในระยะเวลา 2-3 ปี ต่อจากนี้ สถานะของ นิวคาสเซิ่ล อาจจะพลิกจากหลังเท้า กลับมาเป็น หน้ามือ จากทีมหนีตกชั้น กลายมาเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว และ สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นท็อป 8 ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล และ เลสเตอร์ ซิตี้ 
  1. นักเตะดัง ไหลมา เทมา

เมื่อคุณมีเงินมหาศาล การจะไปซื้อนักเตะระดับท็อปของโลก มาร่วมทีม ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกแล้ว หากพูดกันแบบเหนือจินตนาการ นิวคาสเซิ่ล ยังสามารถซื้อตัว และ แบกค่าเหนื่อย ลิโอเนล เมสซี่ ได้แบบสบายๆ และ ไม่ต้องกลัวเรื่องที่ นิวคาสเซิ่ล ไม่ได้แชมป์ลีก มาตั้งแต่ปี 1927 หรือ 94 ปีมาแล้ว จะเป็นปัญหาว่าจะได้ตัวดังๆหรือเปล่า ให้ย้อนกลับไปดู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่ง 10 กว่าปีก่อนหน้านี้ แทบไม่มีความสำเร็จอะไรให้เชยชม และ มีสถานะหนีตกชั้นคล้ายๆ นิวคาสเซิ่ล เลยด้วยซ้ำ ฉะนั้น การจะได้ตัวนักเตะดังๆเข้ามา ต้องเริ่มจากการแต่งตั้งกุนซือชื่อดัง เพื่อประดับบารมี พาทีมขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ โดยตอนนี้แฟนบอลเริ่มพูดถึง ซีเนอดีน ซีดาน กับ อันโตนิโอ คอนเต้ จากนั้นก็ต่อยอดด้วยการซื้อนักเตะตัวท็อป พวกที่เคยมีข่าวอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ก็ไม่แน่ว่าอาจได้กลับมา พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง และ ในอนาคตอาจจะมีชื่อ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ อยู่ในทัพ สาลิกาดง ก็ได้ใครจะรู้ เพราะรวยขนาดนี้ ส่วนนักเตะที่อยู่ในทีม มีโอกาสโดนโละสูงมาก ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่พวกเขาต้องงัดฟอร์มเก่งออกมา เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังคู่ควรกับการลงเล่นให้กับ นิวคาสเซิ่ล อยู่เหมือนเดิม
  1. แฟนบอลกลับมาผงาด

หลังการเสร็จสิ้นเรื่องเทคโอเวอร์ แฟนบอล นิวคาสเซิ่ล ออกมาเฉลิมฉลองกันเต็มหน้าถนนเซนต์ เจมส์ พาร์ค ประหนึ่งว่าพวกเขาได้แชมป์มาครอบครอง แต่นั่นแหละครับ มันเหมือนเป็นการปลดแอกความรู้สึก ที่ต้องจมทุกข์กับผลงานอันย่ำแย่ของทีม ตลอดที่ ไมค์ แอชลี่ย์ นั่งแท่นเป็นเจ้าของสโมสรตลอด 14 ปี เหล่า ทูน อาร์มี่ คงเฝ้ารอความสำเร็จกลับสู่ถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค อีกครั้ง หลังจากที่แชมป์ระดับเมเจอร์ครั้งสุดท้ายคือ เอฟเอ คัพ เมื่อซีซั่น 1954-55 และ ใกล้เคียงสุดคือการเป็นรองแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาล 1996-97 ชั่วโมงนี้ ต่อให้สาวก นิวคาสเซิ่ล จะโดนบูลลี่ เรื่องใช้เงินซื้อความสำเร็จ ก็คงไม่แคร์หรอกครับ เนื่องจากฟุตบอลทุกวันนี้ เงินเป็นปัจจัยสำคัญเหลือเกิน และ ไม่ใช่ สาลิกาดง เพียงแค่สโมสรเดียวแน่นอน เพราะถ้าไม่มีเงิน ก็ไม่สามารถทำทุกอย่างให้สำเร็จได้เช่นกัน

ฮาย ฮาวดี้- 

logoline