logo-heading

"ถ้าจัดแมตช์พิเศษสำหรับผม นอกจากพ่อกับแม่แล้ว จะมีใครอีกที่จะมามีส่วนร่วมกับเกมนี้ ?" 

คำพูดราวตัดพ้อกับให้ชะตาชีวิตของชายคนหนึ่งที่ทำให้เรารับรู้ได้ว่าหัวใจของเขานั้นมันรู้สึกอย่างไร แม้จะมีชื่อเสียงให้พอรู้จัก, แม้จะค้าแข้งอยู่กับทีมใหญ่ หรือแม้จะอยู่กับทีมมานานที่สุด แต่สิ่งเหล่านั้น ฟิล โจนส์ รู้ดีว่ามันไม่ได้บ่งบอกว่าเขาจะถูกเชิดชูให้เป็นตำนานของสถานที่แห่งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ตัดสินใจซื้อตัว ฟิล โจนส์ ปราการหลังดาวรุ่งจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์ ใช่ครับนี่คือค่าตัวของนักเตะที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองอะไรมากนัก ได้ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกยังไม่ถึง 40 เกมด้วยซ้ำ แต่ด้วยสายตาที่เฉียบแหลม "ป๋าเฟอร์กี้" มองว่านี่แหละเด็กหนุ่มที่จะเป็นอนาคตของทัพ "ปีศาจแดง" "จากแนวทางการเล่นของ โจนส์ เขาอาจจะเป็นนักเตะเก่งที่สุดตลอดกาลของทีมเราก็เป็นได้ ผมคิดว่า โจนส์ อาจเป็นหนึ่งในนักเตะเก่งที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา ไม่ว่าเราจะให้เขาจะลงเล่นในตำแหน่งไหนก็ตาม" สดุดี ฟิล โจนส์ ในวันที่ต้องฝ่ามรสุม เพื่อลบล้างเสียงวิจารณ์ แน่นอนจากคำพูดดังกล่าวมีแฟนบอลไม่น้อยที่ขอยกมือค้านกับสิ่งดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายครั้งที่ เฟอร์กี้ มองพลาดไป และกลายเป็นการทุ่มเงินที่ศูนย์เปล่า เพราะจะว่ากันตามตรงด้วยมาตรฐานแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงนั้นที่ทั้ง วิดิช และ เฟอร์ดินานด์ ตั้งกำแพงไว้สูงลิบ ก็ยากนักที่ใครจะปีน และทำลายความแข็งแกร่งนั้นลงได้ สุดท้ายมันก็เป็นแบบนั้น โจนส์ ไม่อาจไปได้สุดทางตามที่นายใหญ่ชาวสก็อตต์ได้ลั่นวาจาเอาไว้ สาเหตุสำคัญคือเรื่องของอาการบาดเจ็บ ที่กลายเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้พัฒนาการของเขาเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมคำวิจารณ์ต่างๆ จนเขากลายเป็นตัวตลกคนหนึ่งของวงการ ภาพใบหน้าประหลาดๆ ของเขาว่อนเต็มโลกโซเชียลไปหมด จากชีวิตนักเตะดาวรุ่ง กลายเป็นโจ๊กเกอร์ให้แฟนบอลล้อเลียน และถากถางแบบเจ็บปวดหัวใจ ... สดุดี ฟิล โจนส์ ในวันที่ต้องฝ่ามรสุม เพื่อลบล้างเสียงวิจารณ์ แต่สิ่งที่ โจนส์ แสดงออกมานั้นเขาไม่เคยออกมาตอบโต้คำพูดเหล่านั้น เขาปล่อยให้ผู้คนในโซเชียลหยิบจับเขาไปแขวน และวิจารณ์ไปต่างๆ นานา ส่วนตัวของเขาก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ก้มหน้าทำงานอย่างหนัก เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างให้ได้ เพื่อหนหน้าข้างหน้าไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว อาการบาดเจ็บขบวนล่าสุดทำให้เขาหายหน้าไปจากสนามราว 2 ปีเต็มๆ ชีวิตนักฟุตบอลของเขาเหมือนต้องรีสตารท์ใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ค่อยๆ ประคองเดินด้วยตัวเอง ค่อยๆ กลับมาเล่นกับฟุตบอลอีกครั้ง ค่อยๆ กลับมาวิ่งให้ได้อีกครั้ง รวมไปถึงร่างกายที่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดให้สามารถกลับมาฟิตเต็มถังแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กุนซือใช้งาน แน่นอนตลอดเส้นทางมันย่อมมีห้วงเวลาที่น้ำตาไหลออกมาบ้าง แต่สิ่งที่เขาทำคือสู้สุดหัวใจ ทำทุกอย่างให้กลับมาเป็น โจนส์ คนเดิมที่ไล่หวดลูกหนังอย่างมีความสุข เขาไต่ระดับตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ได้โอกาสลงสนามกับทีมชุดยู-23 แม้สภาพร่างกาย โดยเฉพาะความสด หรือสปีดความเร็วเขาไม่อาจสู้เด็กๆ เหล่านั้นได้หรอก แต่อย่างน้อยก็คือสัญญาณที่ดีในการกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง  แม้จะมีข่าวมากมายถึงการถูกปล่อยตัวออกไปจากสโมสร แต่สิ่งที่ โจนส์ ทำคือปิดหู และก้มหน้าทำงานต่อไป เพราะยังไงเสียมันเป็นเพียงข่าว ตราบใดที่เจ้านายยังไม่ไล่เขาออกไปไหน เขาก็พร้อมพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าฝีเท้าของเขาควรค่าแก่การได้รับโอกาสอีกครั้งภายใต้เครื่องแบบตรา "ปีศาจแดง" จนกระทั่งเกมที่พบกับ วูลฟ์แฮมป์ตัน ด้วยวิกฤตแนวรับของทีม วันที่ฟ้าเปิดโอกาสให้กับ โจนส์ ก็มาถึงการได้ลงสนามในเกมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 708 วัน ช่างเป็นอะไรที่ไม่อาจบรรยายความรู้สึกออกมาได้ แม้จะมีเสียงนินทาถึงความเหมาะสมอยู่บ้าง แต่ถ้าเขาสามารถบอกได้คงอยากให้ชมผลงานของเขาก่อน จากนั้นจะวิจารณ์ขนาดไหนก็จัดมาได้เลย ทว่านี่กลายเป็น 90 นาทีที่เข้าขั้นเพอร์เฟคของชายผู้นี้ทั้งเรื่องของสกัดบอล, เบียดปะทะ หรือ แย่งบอลกลับมาได้จากคู่แข่ง รวมไปถึงความทุ่มเทแบบเต็มอัตรา ใช้หัวใจในการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าทีมสามารถพึ่งพา และไว้ใจเขาได้ แม้จะร่างสนามไปนานนับปี ช็อตเรียกปรบมือกึกก้องอย่างจังหวะใช้หัวโหม่งแย่งบอลจากเท้า ฟาบิโอ ซิลวา มันพิสูจน์ให้เห็นถึงความทุ่มเท พูดภาษาเข้าใจง่ายคือกูยอมตายเพื่อสโมสรแห่งนี้ เลือดตกยางออกก็ไม่หวั่น แผลเพียงเล็กน้อยมันสามารถรักษาได้ แต่ถ้าไม่ยอมเสี่ยงทีมอาจเสียหายไปมากกว่านั้น สดุดี ฟิล โจนส์ ในวันที่ต้องฝ่ามรสุม เพื่อลบล้างเสียงวิจารณ์ แน่นอนหลังจบเกมจากประโยคคำถามที่เต็มไปหมด สู่เสียงปรบมือสดุดีในความผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขา แม้ในวันที่ผลการแข่งขันไม่เป็นใจ แต่นี่คือโมเมนต์ที่ยอดเยี่ยมของ แมนฯ ยูไนเต็ด กับการได้นักเตะที่รักสโมสรแห่งนี้แบบสุดขั้วหัวใจกลับมาลงสนามอีกครั้ง  ฉะนั้นแล้วนี่คือบทพิสูจน์ชั้นยอดแม้ ฟิล โจนส์ จะไม่ใช่นักเตะที่เล่นฟุตบอลเก่งที่สุดในแบบฉบับที่ ป๋าเฟอร์กี้ เคยหล่นวาจาเอาไว้ แต่ ฟิล โจนส์ พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขาเก่งในเรื่องของหัวใจที่ไม่เคยเป็นสองรองใคร บททดสอบยากขนาดไหน เขาเองก็พร้อมถกแขนเสื้อ และลุยไปกับมัน  ไม่รู้ต่อจากนี้จะได้โอกาสลงสนามอีกไหม แต่ภาษากายที่เขาแสดงออกมาคือพร้อมลุยเพื่อทีมอยู่เสมอ ขอเพียงเรียกใช้บริการคุณจะได้เห็นถึงความทุ่มเทในแบบฉบับที่เขาเป็นมาตลอด จากชายผู้เป็นตัวตลกในสายตาแฟนบอล เขาต้องฟันฝ่าอะไรมากมายเกินกว่าที่เราจะรับรู้ อาการบาดเจ็บพรากอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตของชายผู้นี้ไป แต่ตอนนี้ท้องฟ้าในใจของเขาได้กลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง  บทเรียนที่บ้านผ่านมากลายเป็นคุณครูชั้นยอดในการดำเนินชีวิตเขาในช่วงต่อจากนี้  ฟิล โจนส์ ไม่ใช่นักเตะที่เก่งที่สุด แต่เป็นนักเตะที่หัวใจน่าโค้งหัวคารวะมากที่สุด  ขอให้ต่อจากนี้มีแต่เรื่องราวดีๆ เข้ามา และเป็นกำลังสำคัญของสโมสรที่เขารักแบบสุดหัวใจอีกครั้ง ขอให้สิ่งเหล่านั้นเป็นรางวัลแด่คนพยายาม... ฟิล โจนส์

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline