ทำความรู้จัก ! คริส วู้ด กองหน้าป้ายแดงของ นิวคาสเซิ่ล

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จัดการคว้าตัวนักเตะรายที่ 2 มาเสริมทัพได้เรียบร้อยแล้วนั่นก็คือ คริส วู้ด หัวหอกตัวเก่งจาก เบิร์นลี่ย์

ชื่อของไอ้หมอนี่อาจไม่ค่อยเป็นที่สนใจกันมากนัก แต่วันนี้เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทัพ "สาลิกาดง" ในยุคที่กำลังสร้างทีมขึ้นมาทวงความยิ่งใหญ่ ทางเรา "ขอบสนาม" ก็เลยอยากพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับชายที่ คริส วู้ด ให้มากขึ้น

ประวัติพอสังเขป

คริส วู้ด ชื่อเต็มๆ คือ คริสโตเฟอร์ แกรนท์ วู้ด เกิดวันที่ 7 ธันวาคม ปี 1991 ที่ ออคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ มีเชื่อสายทั้ง นิวซีแลนด์-อังกฤษ เพราะคุณพ่อเป็นคนนิวซีแลนด์ และคุณแม่เป็นคนอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 30 ปี ส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว หรือ 191 เซนติเมตร เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า ปัจจุบันเพิ่งย้ายจาก เบิร์นลี่ย์ มาอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้สวมยูนิฟอร์มเบอร์ 20

ครอบครัวนักฟุตบอล

คริส วู้ด ไม่ใช่ลูกชายคนเดียวในครอบครัวที่ตัดสินใจเดินในเส้นทางสายลูกหนัง เพราะก่อนหน้านี้พี่สาวของเขา เชลซี่ย์ วู้ด ก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนกัน ซึ่งตัวเธอเองก็เป็นตัวแทนของ ทีมชาตินิวซีแลนด์ ในชุด ยู-20 ที่ไปทำศึก ฟุตบอลโลก ที่ ชิลี เมื่อปี 2008  รวมถึงปี 2010 ที่ เยอรมัน ด้วย ส่วนตัวของ คริส วู้ด เองปัจจุบันก็คบหาดูใจกับ คริสตี้ ลินเนตต์ แฟนสาววัย 28 ปี เป็นผู้เล่นกองหน้าเหมือนกัน และก็เคยได้ประสบการณ์ค้าแข้งกับทีมอย่าง เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้, นอตต์ เคาท์ตี้, เร้ดดิ้ง และ ลิเวอร์พูล รวมไปถึง ทีมชาติอังกฤษชุด ยู-17, ยู-20 และ ยู-23

เส้นทางค้าแข้ง

คริส วู้ด เริ่มต้นเส้นทางค้าแข้งกับ โอเนฮังก้า สปอร์ตส ในบ้านเกิดที่ นิวซีแลนด์ ก่อนจะย้ายไปเกาะแฮมิลตันซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเพื่อเข้ารับการศึกเล่าเรียกที่ เซนต์ พอลส์ คอลเลเกต สคูล จากนั้นพออายุได้ 14 ปีก็ได้โอกาสเข้ามาเป็นหนึ่งในผลผลิตของอคาเดมี่ที่ แคมบริดจ์ เอฟซี ทีมในลีก ดิวิชั่น 2 และก็สร้างชื่อได้ทันทีในเกมประเดิมสนาม เพราะเกมนั้น คริส วู้ด สามารถทำประตูได้ด้วย แต่จากนั้นก็ได้โอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนเวที เอ็นอาร์เอฟเแอล พรีเมียร์ กับ แฮมิลตัน วันเดอเรอร์ส และ วัลกาโต้ เอฟซี ตามลำดับ ปี 2008 เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ได้ส่งการ์ดเชิญเรียกตัวมาทดสอบฝีเท้า และก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสโมสรต้องจับเซ็นสัญญาในระดับอาชีพ และด้วยปัญหานักเตะในทีมบาดเจ็บหลายคนนั่นก็ทำให้ คริส วู้ด ได้โอกาสประเดิมสนามบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นครั้งแรกนัดที่เจอกับ พอร์ทสมัธ สร้างสถิติเป็นผู้ล่นชาวนิวซีแลนด์คนที่ 5 ที่ได้โลดแล่นบนลีกสูงสุดของอังกฤษ ส่วนประตูแรกบนเส้นทางระดับอาชีพของเขาเกิดขึ้นในฤดูกาลถัดมา โดยเป็นเกม เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่เอาชนะ ดอนคาสเตอร์ โรเวอร์ส 3-1

ประสบการณ์ยืมตัว

ถึงจะฉายแววได้ค่อนข้างดี ณ ช่วเวลานั้นกับทัพ "เดอะ แบ็กกี้ส์" แต่ด้วยความที่ คริส วู้ด อายุยังน้อยแค่ 18-19 ปีสโมสรก็เลยตัดสินใจปล่อยเขาไปฟาร์มเก็บเลเวลกับทีมอื่นๆ เพื่อยกระดับและพัฒนาฝีเท้า รวมไปถึงการสั่งประสบการณ์ในลีกผู้ดี ไม่ว่าจะเป็นกับ บาร์นสลี่ย์, ไบร์ทตัน, เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้, บริสตอล ซิตี้ และ มิลวอลล์ มันอาจจะมีช่วงเวลาที่ดีและไม่ดีในการถูกปล่อยตัวไปเก็บเลเวลตลอดช่วง 2-3 ปี แต่ในภาพรวมก็ถือว่ามีวิวัฒนาการดีๆ ให้เห็น ถ้าจะถามถึงฤดูกาลที่ดีที่สุดในช่วงนั้นก็คงเป็นครึ่งซีซั่น 2011-12 กับ เบอร์มิ่งแฮม ที่ซัดไป 11 ประตูจาก 29 นัด และกับ มิลวอลล์ ในฤดูกาล 2012-13 ที่ 11 ประตูจาก 19 นัด

สร้างชื่อใน แชมเปี้ยนชิพ

ชื่อของ คริส วู้ด กลายเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของหลายๆ ทีมใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ หลังมีครึ่งซีซั่นแรกที่ยอดเยี่ยมกับ มิลวอลล์ และนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงต้นปี 2013 และก็ยังคงฟอร์มต่อเนื่องหลังซัดไป 2 ประตูในเกมประเดิมสนามที่เจอกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ จากนั้นก็ทำแฮตทริกได้อีกในวันเจอกับ บริสตอล ซิตี้ ก่อนจะปิดซีซั่นด้วยการซัลโวไป 11 ประตูจากการลงเล่น 24 นัด พร้อมกับพาทัพ "จิ้งจอกสยาม" คว้าตั๋วโควต้าลุ้นเลื่อนชั้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013-14 ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงเกินห้ามใจของ เจมี่ วาร์ดี้ มันก็ทำให้ คริส วู้ด ต้องกลายเป็นตัวเลือกรอง เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแค่ 7 จาก 26 นัดในลีก แต่ก็ช่วยยิงประตูสำคัญๆ ได้ไม่น้อยในจำนวน 8 ประตู ช่วยพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับตีตั๋วเลื่อนชั้นสู่สังเวียน พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี ฤดูกาล 2014-15 ด้วยบทบาทที่ถูกลดน้อยลงนั่นก็ทำให้ คริส วู้ด กลายเป็นส่วนเกินจนต้องระเห็จย้ายไปอยู่กับ นอริช ซิตี้ แบบยืมตัว ก่อนจะไปปักหลักกับทาง ลีดส์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลต่อมา โดย ณ ช่วงเวลานั้นเหมือนพี่จะค่อนข้างถูกโฉลกกับการค้าแข้งบนเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เพราะผลงานกลับมาดูดีอีกครั้งด้วยการซัดไป 13 ประตูจากการลงเล่น 36 นัด แต่ที่พีคยิ่งกว่านั่นก็คือผลงานในซีซั่น 2016-17 ดูแล้วนี่น่าจะเป็นปีที่ดีที่สุดในเส้นทางค้าแข้งของ คริส วู้ด เลยก็เป็นได้ เพราะนั่นคือปีที่พี่แกเล่นหวดไปกระจุยกระจายถึง 30 ประตูจากการลงเล่น 48 นัด เรียกได้ว่าเป็นสถิติระดับยอดดาวยิง ถึงจะไม่สามารถพาทัพ "ยูงทอง" เลื่อนชั้นได้ แต่ด้วยโปรไฟล์ส่วนตัวมันก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องมากขึ้นกับรางวัล ดาวซัลโวของลีก, ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตลอดจนการมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยม PFA ของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

เบิร์นลี่ย์

ฤดูกาล 2017-18 เป็นโอกาสที่ คริส วู้ด จะได้พิสูจน์ตัวเองบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก แบบเต็มตัว เมื่อ เบิร์นลี่ย์ ได้จัดการเซ็นสัญญาคว้าตัวมาร่วมทีมด้วยค่าตัวสถิติระดับสโมสรที่ 15 ล้านปอนด์ เขาได้ประเดิมสนามนัดแรกเกมที่เจอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ เวมบลี่ย์ และก็เป็นฮีโร่ที่ซัดประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ การซัลโวไป 11 ประตู ในปีแรกของเขาและอีก 13 ประตูในปีต่อมามันก็ทำให้ เบิร์นลี่ย์ จับ คริส วู้ด ต่อสัญญาใหม่ออกไปยาวๆ จนถึงปี 2023 และพี่แกก็ตอบแทนความไว้ใจจากแฟนบอลและสโมสรได้เป็นอย่างดีจากการรักษาฟอร์มการเล่นได้ดีคงเส้นคงวามากๆ ถึง คริส วู้ด จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นกองหน้าระดับยอดดาวยิง แต่การเป็นผู้เล่นของทีมเล็กอย่าง เบิร์นลี่ย์ การมีค่าเฉลี่ยที่พังประตูได้ 12-14 ประตูต่อซีซั่นก็จัดว่าไม่เลวเลยจริงๆ  จากการลงเล่นรับใช้ เบิร์นลี่ย์ ไปทั้งหมด 4 ปีครึ่งที่ 165 นัด และกดไป 53 ประตูโดยในจำนวนนั้นการเจอกับทีม Top 6 พรีเมียร์ลีก มี 3 ประตูในการเจอกับ สเปอร์ส, 5 ประตูในการเจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้, 1 ประตูในการเจอกับ อาร์เซน่อล, 2 ประตู 1 แอสซิสต์ในการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สไตล์การเล่น

คริส วู้ด เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็ว แต่ก็ถือว่ามีความคล่องตัวอยู่ไม่น้อย มีการเคลื่อนที่และหาช่องที่ดี นอกจากเรื่องการหวังผลได้ดีเรื่องผลิตสกอร์ในกรอบเขตโทษแล้วอีกหนึ่งจุดเด่นของผู้ชายคนนี้ก็คือรูปร่างที่สูงใหญ่มันทำให้เขาค่อนข้างได้เปรียบยามเล่นลูกกลางอากาศทั้งจังหวะลุ้นทำประตูหรือช่วยเกมรับ เขาเป็นนักเตะที่เก็บบอลได้ดีโดยเฉพาะการวางบอลยาวมาจากจะระยะไกล และด้วยบอดี้สรีระที่หนา กำยำ มีแรงปะทะเหลือเฟือมันก็ทำให้เขาเป็นอีกหนึ่งโจทย์ยากสำหรับกองหลังคู่แข่งใน พรีเมียร์ลีก ทุกๆ ทีม

นานาชาติ

คริส วู้ด ได้โอกาสเป็นตัวแทนของ ทีมชาตินิวซีแลนด์ ครั้งแรกตอนปี 2007 กับทีมชุด ยู-17 ปี ไล่มาจนถึง ยู-23 ตอนปี 2012 แต่ก่อนหน้านั้น ปี 2009 พี่ก็ได้โอกาสกับ นิวซีแลนด์ ชุดใหญ่ตอนมีคิวทำศึก ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ ที่ แอฟริกาใต้ โดยได้ประเดิมสนามนัดแรกในเกมอุ่นเครื่องก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มนัดที่เจอกับ แทนซาเนีย คริส วู้ด คือผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดใน ทีมชาตินิวซีแลนด์ ชุดลุย ฟุตบอลโลก ปี 2010 ที่ แอฟริกาใต้ และก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมไม่แพ้ สโลวาเกีย นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มจาการเสมอ 1-1 นับเป็นแต้มแรกในประวัติศาสตร์ของ นิวซีแลนด์ ที่เก็บได้ใน เวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ส่วนประตูแรกในสีเสื้อ ทีมชาตินิวซีแลนด์ ชุดใหญ่นั้นเกิดขึ้นในวันที่ 10 ตุลาคม ปี 2010 ที่เสมอกับ ฮอนดูรัส 1-1 ก่อนจะมาทำแฮตทริกแรกในระดับนานาชาติได้วันเจอ หมู่เกาะโซโลมอน ช่วงปี 2012 แต่ทว่านั้นคือตอนเล่นให้ทีมชุด ยู-23 ปี ปัจจุบัน คริส วู้ด คือกัปตันทีมของ นิวซีแลนด์ โดยได้รับการแต่งตั้งเมื่อปี 2014 แทนที่ ทอมมี่ สมิธ เบ็ดเสร็จตั้งแต่ปี 2009 จนถึงตอนนี้ คริส วู้ด คือดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับ 2 ของ ทีมชาตินิวซีแลนด์ ที่ 27 ประตูจากการลงเล่น 60 นัดซึ่งขออีก 3 ประตูเท่านั้นก็จะทำลายสถิติอันดับ 1 ของ วอคาน โคเวนี่ ทันที ดูแล้วสถิตินี้อีกไม่นานพี่แกคงทำลายลงได้

เหตุผลที่เซ็นและประโยชน์ที่ นิวคาสเซิ่ล จะได้รับ

"เขาเป็นผู้เล่นมีความอันตรายในการเล่นเกมรุก มีลักษณะที่ดีทางกายภาพรวมไปถึงคาแร็คเตอร์ที่ผมเองก็ชอบมากๆ นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์มากมายบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก เขาจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากๆ สำหรับเรา" นี่คือสิ่งที่ เอดดี้ ฮาว พูดถึง คริส วู้ด หลัง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เพิ่งเซ็นสัญญาคว้าพี่แกมาด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ โปรไฟล์ที่ คริส วู้ด สร้างไปกับ เบิร์นลี่ย์ ตลอดช่วงที่ผ่านมาจะช่วยยกระดับได้แน่จากความคิดของ เอดดี้ ฮาว ทั้งเรื่องสถิติการพังประตู การมีส่วนร่วมกับเกมในระดับสูง และแน่นอนว่าประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะนักเตะแทบจะไม่ต้องปรับตัวหรือปรับสไตล์ของตัวเองแต่อย่างใด นอกจากนี้การเข้ามาของ คริส วู้ด จะช่วยยกระดับการแข่งขันภายในทีมด้วยกับพวก ดไวค์ เกย์ล, คัลลั่ม วิลสัน และ โจลินตอน

HaMu Dos Santos