ส่องผลงาน ! 10 แข้งดังชาวอุรุกวัย...ที่โลดแล่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก

เท่ากับว่านี่คือนักเตะจาก อุรุกวัย คนล่าสุดที่จะได้ประสบการณ์ค้าแข้งบนสังเวียนใหญ่อย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และในเมื่อเป็นแบบนั้นวันนี้สิ่งที่ทางเรา "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการพาทุกท่านไปส่อง "10 แข้งดังชาวอุรุกวัย" ว่าที่ผ่านมานั้นแต่ละคนมีผลงานอย่างไรกันบ้างกับการโลดแล่นบนเวทีแห่งนี้

กีเยร์โม่ วาเรล่า

กีเยร์โม่ วาเรล่า ในอดีตที่ผ่านมาก็เคยเป็นเด็กเก่าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาก่อน แต่ก็ไม่ได้มีบทบาทสำคัญเท่าไหร่ เขาถูกซื้อตัวมาจาก เปนญาร่อล เมื่อปี 2013 ซึ่งช่วงนั้นทรงอาจจะดูดีกับการเล่นให้ทีมชุดสำรอง กว่าจะมาได้ประสบการณ์ในฤดูกาลกับ "ปีศาจแดง" ชุดใหญ่ก็ตอนซีซั่น 2015-16 โน่นเลย แต่ก็ได้ลงเล่นในลีกไปแค่ 4 นัดเท่านั้น

ถึงจะโดนปล่อยยืมตัวไปอยู่กับ เรอัล มาดริด หรือ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ก็ยังไม่ดีขึ้นเช่นเดียวกับตอนกลับไปทีมเก่า เปนญาร่อล ก็ด้วยจนปัจจุบันนี้ กีเยร์โม่ วาเลร่า ค้าแข้งอยู่กับ ดินาโม มอสโก ในลีก รัสเซีย ซึ่งดูเป็นทางเดินที่ดีที่สุดแล้วบนเส้นทางค้าแข้งเพราะได้โอกาสอย่างต่อเนื่อง

ฟากุนโด้ เปลลิสตรี้

อีกหนึ่งนักเตะจาก เปนญาร่อล ที่ได้โอกาสย้ายตรงมาค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลยก็คือ ฟากุนโด้ เปลลิสตรี้ ตอนปี 2020 ด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร และก็ทำประตูได้ในเกมปรีซีซั่นที่เจอกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงในตำแหน่งปีกและแนวรุกมันก็เลยเป็นเรื่องยากที่พี่แกจะสอดแทรกขึ้นไปพิสูจน์ตัวเอง

ฟากุนโด้ เปลลิสตรี้ ไม่ได้โอกาสลงเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดใหญ่เลยแม้แต่นัดเดียว ก่อนจะถูกปล่อยตัวไปอยู่กับ อลาเบส ใน ลา ลีกา สเปน แบบยืมตัวติดต่อกัน 2 ฤดูกาล แต่ก็ไม่ได้มีสถานะเป็นตัวจริงของทีมโดยได้ลงเล่นไปรวมกันแค่ 35 นัดเท่านั้น จนตอนนี้หมดสัญญากลับมาอยู่กับ "ปีศาจแดง" แล้วและก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมในฤดูกาลหน้าจะลงเอยอย่างไร

โรดริโก้ เบนตันคูร์

โรดริโก้ เบนตันคูร์ คือนักเตะอุรุกวัยคนล่าสุดที่ได้โอกาสย้ายมาค้าแข้งบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก หลังถูก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซื้อตัวมาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่เอง และก็ทำผลงานได้ดี ได้เป็นกำลังสำคัญของ อันโตนิโอ คอนเต้ ในทันทีทันใด พร้อมกับมีส่วนช่วยให้ "ไก่เดือยทอง" จบอันดับ 4 คว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

สำหรับ โรดริโก้ เบนตันคูร์ เป็นแข้งที่แจ้งเกิดมาจากสโมสร โบคา จูเนียร์ ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ ยูเวนตุส และค้าแข้งอีก 4 ปีครึ่ง ผ่านประสบการณ์คว้าแชมป์มาไม่น้อย และนี่ก็จัดว่าเป็นหนึ่งในแข้งสารพัดประโยชน์อีกคน เพราะนอกจากตำแหน่งมิดฟิลด์ที่เล่นได้ทั้งรับและรุกแล้วพี่แกยังสามารถโยกไปยืนปีกได้ด้วยเช่นกัน

คริสเตียน สตูอานี่

ถึงประสบการณ์ส่วนใหญ่จะเป็นการค้าแข้งในลีกกระทิงดุ แต่ก็มีผลงานที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวสำหรับ คริสเตียน สตูอานี่ ไม่ว่าจะเป็นกับ อัลบาเซเต้, เลบานเต้, ราซิ่ง ซานตาเดร์ และ เอสปันญ่อล ตลอดจรกับต้นสังกัดในปัจจุบันนั่นก็คือ กิโรน่า

แต่บนเส้นทางค้าแข้งของ คริสเตียน สตูอานี่ พี่แกก็เคยได้โอกาสค้าแข้งบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก เหมือนกัน โดยในช่วงปี 2015-17 เจ้าตัวอยู่กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ทั้งในวันที่เลื่อนชั้นสู่ศึก พรีเมียร์ลีก จนถึงวันที่ต้องตกชั้นไปในปีต่อมา ฝากผลงานเอาไว้ไม่ค่อยดูดีเท่าไหร่นั่นก็คือการลงเล่น 68 นัด ยิงได้ 16 ประตู

เซบาสเตียน โคอาเตส

มีดีกรีเป็นถึงกองหลังทีมชาติอุรุกวัยสำหรับ เซบาสเตียน โคอาเตส ช่วงชีวิตหนึ่งพี่แกก็เคยได้ประสบการณ์ค้าแข้งกับทีมดังๆ ใน พรีเมียร์ลีก อย่าง ลิเวอร์พูล กับ ซันเดอร์แลนด์ แต่ก็ถือว่าล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีสถานะเป็นแค่ตัวเลือกรองๆ เท่านั้น ก่อนจะมาพบกันเส้นทางที่ดีที่สุดในชีวิตนั่นก็คือการค้าแข้งกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน

ตั้งแต่ต้นปี 2016 จนถึงปัจจุบัน เซบาสเตียน โคอาเตส เป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอด ได้ลงเล่นไป 224 เกม ยิงได้ 25 ประตู และก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ 6 โทรฟี่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือแชมป์ลีกโปรตุเกสสมัยแรกของ ลิสบอน ในรอบ 19 ปี

ลูคัส ตอร์เรร่า

ลูคัส ตอร์เรร่า เกิดที่อุรุกวัยก็จริง แต่เส้นทางตามความฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพส่วนใหญ่นั้นอยู่ที่ อิตาลี โดยเริ่มต้นกับ เปสคาร่า ไล่มาจน ซามพ์โดเรีย ก่อนจะถูก อาร์เซน่อล ซื้อตัวมาด้วยค่าตัวด้วยค่าตัว 26 ล้านปอนด์เมื่อปี 2018 และก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ อาร์เซน่อล จบอันดับ 5 และไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายต้องแพ้ให้กับคู่อริร่วมเมืองอย่าง เชลซี ไป 1-4

แต่ในปีต่อมาโอกาสของเขาเริ่มโดนจำกัดขึ้นจากปัญหาอาการบาดเจ็บ รวมไปถึงการมาของ ดานี่ เซบายอส และสุดท้ายเมื่อ มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจไปดึงตัว โธมัส ปาร์เตย์ มาจาก แอตฯ มาดริด ช่วงจบซีซั่น นั่นทำให้ ลูคัส ตอร์เรร่า รู้ตัวว่าต้องตกเป็นตัวสำรองเจ้าตัวก็เลยตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ "ตราหมี" แทนแบบยืมตัว เหมือนเป็นการสลับขั้วกัน แต่ชีวิตก็ไม่ได้ดูปังไปกว่าตอนอยู่กับทีมเก่าเลยสักนิด จนถึงตอนนี้เขาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นนักเตะของ อาร์เซน่อล แต่ก็เพิ่งจะเสร็จภารกิจกับ ฟิออเรนติน่า มาหมาดๆ และก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี เดี๋ยวต้องดูว่าทางฝั่ง "ม่วงมหากาฬ" จะเอายังไงกับออปชั่นซื้อขาดที่มีอยู่ในมือกับราคา 13 ล้านปอนด์

กุสตาโว่ โปเยต์

ถ้าพูดถึงชื่อของ กุส โปเยต์ แน่นอนว่ายุคนี้หลายคนอาจจะจดจำเขาในฐานะกุนซือที่เคยผ่านประสบการณ์มามากกับการคุมทีมอย่าง ซันเดอร์แลนด์, เรอัล เบติส, บอร์กโดซ์ และปัจจุบันกับ ทีมชาติกรีซ แต่ถ้าย้อนกลับไปสมัยเป็นผู้เล่นเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงมากๆ คนหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เรอัล ซาราโกซ่า ที่ได้ลงเล่นไปเกือบๆ 300 เกมตลอด 7 ปี ยิงได้ 41 ประตู

เช่นเดียวกับบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก กุส โปเยต์ ก็ได้โอกาสค้าแข้งกับทีมดังๆ อย่าง เชลซี อยู่ 4 ปี และกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อีก 3 ปี ได้ลงเล่นไปรวมกัน 241 ยิงได้ 68 ประตู ไหนจะมีสถิติการทำแอสซิสต์อีกเยอะ นับเป็นสถิติที่ไม่ลวเลยสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์

ดีเอโก้ ฟอร์ลัน

ดีเอโก้ ฟอร์ลัน คือหนึ่งตำนานผู้ยิ่งใหญ่บนหน้าประวัติศาสตร์ของ ทีมชาติอุรุกวัย และก็คือดาวซัลโวสูงสุดอันดับ 3 ของชาติ เขาผ่านประสบการณ์การค้าแข้งกับทีมดังๆ มามากไม่ว่าจะเป็น บียาร์เรอัล, แอตเลติโก มาดริด, อินเตอร์ มิลาน และอีกมากมาย และส่วนใหญ่ก็มักจะมีโปรไฟล์ที่ดีด้วย เบ็ดเสร็จแล้วทั้งเส้นทางอาชีพพี่แกเล่นหวดไป 274 ประตูจากการลงเล่น 698 เกม

แน่นอนว่าบนเส้นทางของ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ที่ค้าแข้งมากว่า 10 สโมสรครั้งหนึ่งเจ้าตัวก็เคยผ่านการค้าแข้งบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก มาก่อน กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประมาณ 4 ปี ได้ลงเล่นไป 98 นัด ยิงได้ 17 ประตู ถึงบทบาทจะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นตัวหลัก แต่ก็ถือว่ามีเกมที่น่าจดจำอยู่นั่นก็คือการเหมา 2 ประตูพา "ปีศาจแดง" เอาชนะคู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ได้ถึง แอนฟิลด์ ด้วยสกอร์ 2-1

เอดินสัน คาวานี่

ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลกลูกหนังยุคปัจจุบันสำหรับ เอดินสัน คาวานี่ เขาได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาเยอะแล้วตั้งแต่สมัยอยู่กับ นาโปลี จนกระทั่งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ไม่เบา เพราะปัจจุบันเจ้าของฉายา "เอล มาทาดอร์" คือดาวซัลโวสูงสุดบนหน้าประวัติศาสตร์ของ เปแอสเช ที่ 200 ประตูจากการลงเล่น 301 นัด

การย้ายมาค้าแข้งบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนอายุ 33-34 ปี เอดินสัน คาวานี่ ก็โดนตั้งคำถามเอาไว้ประมาณหนึ่งว่าไหวรึเปล่า ? ของจริงรึเปล่า แต่ผลปรากฏว่าปีแรกในฤดูกาล 2020-21 คาวานี่ อาจไม่ได้ถูกมองเป็นตัวหลักแต่ก็เล่นซัดไปถึง 17 ประตูจากการลงเล่น 39 เกม และส่วนใหญ่ล้วนแล้วนับเป็นประตูสำคัญๆ ทั้งนั้นซึ่งมีผลทำให้ "ปีศาจแดง" สามารถเก็บผลที่ต้องการได้

แต่อย่างปีล่าสุดก็เป็นสถานการณ์ที่เข้าใจได้เพราะ คาวานี่ ก็มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ บวกกับการกลับมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้วยเลยทำให้เขาไม่ได้โอกาสเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตามเมื่อวัดกับรายละเอียดสัญญาของเขากับ แมนฯ ยู ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นดีลที่ล้มเหลวของสโมสรแต่อย่างใด

หลุยส์ ซัวเรซ

มาถึงคนสุดท้ายถ้าจะถามถึงนักเตะอุรุกวัยที่ดีที่สุด ผลงานโดดเด่นและเข้าตากรรมการมากที่สุดกับการค้าแข้งบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ หลุยส์ ซัวเรซ จริงอยู่ที่เขาสร้างชื่อขึ้นมาจนใครๆ ต่างจับจ้องกับผลงานที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตลอด 4 ปีกับการกดไป 111 ประตูจากการลงเล่น 159 เกม แต่ในลีกสูงสุดของอังกฤษคือบททดสอบสำคัญสำหรับเขา

ตอนย้ายมา ลิเวอร์พูล ช่วงต้นปี 2011 อาจจะยังดูเงียบๆ เพราะยิงไปแค่ 4 ประตูเท่านั้นจากการลงเล่น 17 นัด แต่หลังจากนั้นต้องบอกเลยว่าเอาเรื่องสุดๆ เพราะ หลุยส์ ซัวเรซ คนนี้ ได้แผลงฤทธิ์ออกมาแบบเต็มกระบวนท่า มีส่วนร่วมกับเกมมากมายของ ลิเวอร์พูล ทั้งการสร้างสรรค์เกม ปั่นหัวคู่ต่อสู้ตลอดจนสถิติการพังประตูที่แตะหลัก 30 ประตูติดต่อกัน 2 ปีติด และนั่นก็เป็นช่วงหนึ่งที่ทำให้ต้นสังกัด "หงส์แดง" มีลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 1990

แต่สุดท้ายชีวิตของ หลุยส์ ซัวเรซ ก็โดนคุกคามอย่างหนักจากสื่อในอังกฤษจากคดีที่ไปกัด บรานิสลาฟ อิวาโนวิช นั่นก็เลยทำให้พี่แกต้องจำใจตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ตอนปี 2014 อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เกิดขึ้นและโปร์ไฟลที่สั่งสมมา การลงเล่น 133 นัด ซัดไป 82 ประตู และกดไปอีก 45 แสซิสต์ มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลุยส์ ซัวเรซ คนนี้คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งบนหน้าประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูล จากสถิติ

HaMu Dos Santos