ตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมปี 2023 ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อย นักเตะคนใดย้ายไปทีมไหน ? ก็น่าจะทราบกันไปหมดแล้ว
แน่นอนว่าในเรื่องของการเสริมทัพกับช่วงเวลาราวๆ 1 เดือนมันก็มีทั้งผู้ที่ผิดหวังและสมหวังเป็นธรรมดา และนี่ก็คือสิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอในวันนี้นั่นก็คือ "มีใครกันบ้างที่เป็น ผู้ชนะ และ ผู้แพ้ ในตลาดปีใหม่ 2023 หนนี้"
ผู้แพ้
คริสเตียน พูลิซิช
คริสเตียน พูลิซิช มีชื่อติดอยู่ในลิสต์ผู้เล่นที่ล้มเหลวที่สุดคนหนึ่งของ เชลซี จริงอยู่ที่เขาย้ายทีมมาด้วยค่าตัว 58 ล้านปอนด์ แต่ทุกๆ ครั้งที่เขาเริ่มได้โอกาสที่ต่อเนื่องและผลงานเริ่มแอบดีสุดท้ายก็ต้องมาเจอทางตันทุกครั้งจากปัญหาอาการบาดเจ็บ ที่จะเกิดขึ้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นเดียวกับในเคสล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้
เราทุกคนทราบดีว่า คริสเตียน พูลิซิช นั้นกำลังได้รับความสนใจจากๆ หลายๆ ทีมในตลาดรอบนี้ไม่ว่าจะเป็นจาก เอซี มิลาน รวมไปถึง ดอร์ทมุนด์ ทีมเก่าซึ่งพร้อมการันตีโอกาสการลงสนามให้กับเขา ทางฝั่ง เชลซี เองก็ไม่ปฏิเสธที่จะปล่อยนักเตะคนนี้ออกไปเพื่อประหยัดรายจ่าย
แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นอีกครั้งนั้นมันส่งผลให้ตัวของ พูลิซิช จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาและพักฟื้นอย่างต่ำราวๆ 2 เดือน เหล่าสโมสรที่ต้องการตัวก็ไม่พร้อมที่จะเสี่ยงกับการซื้อไปและต้องมาลุ้นว่านักเตะจะกลับมาลงเล่นได้เมื่อไหร่ และสภาพจะเป็นยังไง ? นั่นคือเหตุผลที่การย้ายทีมของ พูลิซิช ไม่เกิดขึ้นในตลาดรอบนี้
ฮาคิม ซิเย็ค
มีนักเตะหลายคนที่ต้องอกหักไม่ได้เก็บข้าวของย้ายออกจากทีมตามที่ใจปรารถนาซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ฮาคิม ซิเย็ค ถึงพี่แกจะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ โมร็อกโก ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้สถานะและชะตาชีวิตที่เป็นตัวสำรองส่วนเกินกับ เชลซี ดีขึ้นเลย แน่นอนว่านี่คือนักเตะที่ตกเป็นข่าวย้ายทีมอยู่ตลอด และในช่วงท้ายของตลาดซื้อขายก็ดูเหมือนจะเป็น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่เป็นตัวเต็งที่สุดที่จะได้ตัวไปร่วมทีม
เรื่องของการเจรจาทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี เช่นเดียวกับการตกลงข้อเสนอกันด้วยปากเปล่าที่โอเคทั้ง 2 ฝ่าย ตัวของ ฮาคิม ซิเย็ค เองก็เดินทางไปถึง ฝรั่งเศส แล้วเพื่อรอการตรวจร่างกาย แต่สุดท้ายปัญหามันก็ติดอยู่ที่เรื่องของเอกสาร ว่ากันว่าทางบุคลากรของ เชลซี ดำเนินเรื่องส่งเอกสารไปผิดพลาดติดกันถึง 3 รอบ ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกับทีมงานระดับนี้ แต่สุดท้ายเมื่อมันเกิดการล่าช้า มันก็เลยทำให้ ฮาคิม ซิเย็ค ต้องผิดหวัง
ถึงทาง เปแอสเช จะยื่นเรื่องอุทธรณ์ถึงทางลีกอาชีพของ ฝรั่งเศส แต่สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็คือการปฏิเสธ เท่ากับว่า ฮาคิม ซิเย็ค ต้องเดินทางกลับไป อังกฤษ และคงสถานะการเป็นนักเตะของ เชลซี ต่อไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน
เอฟเวอร์ตัน
นี่เหมือนจะเป็นปีชงของ เอฟเวอร์ตัน อย่างแท้จริงเพราะมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นตลอดช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ตกต่ำย่ำแย่จน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องโดนสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ทางแฟนบอลเองก็พุ่งเป้าไปที่เจ้าของทีม ฟาร์ฮัด โมริชี่ และประธาน บิลล์ เคนไรท์ ว่าเป็นตัวการ และเรียกร้องให้รีบๆ ขายสโมสรให้กับคนอื่นซะ
การมาของ ฌอน ไดซ์ ตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่เราก็ไม่รู้ว่าผลงานมันจะดูดีขึ้นกว่ายุค แลมพาร์ด แค่ไหน เพราะพวกเขาต้องสูญเสียแนวรุกคนสำคัญอย่าง แอนโธนี่ กอร์ดอน ไปให้กับ นิวคาสเซิ่ล มิหนำซ้ำพวกเขาหานักเตะใหม่ๆ มาเสริมทัพไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่มีข่าวกับนักเตะอย่าง แดนนี่ อิงส์ รวมไปถึง อาร์เนาท์ ดานยูม่า และ อิลิมัน เอ็นดิอาเย่ ของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
สาเหตุที่พวกเขาต้องอกหักต้องบอกเลยว่ามันชวนให้รู้สึกชอกช้ำสุดๆ เพราะในดีลของ แดนนี่ อิงส์ ก็โดน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปาดหน้าไปแบบหน้าตาเฉย เช่นเดียวกับ ดานยูม่า ก็โดน สเปอร์ส แย่งไปอีก ส่วน เอ็นดิอาเย่ ก็ให้เหตุผลว่าการย้ายมา เอฟเวอร์ตัน ไม่น่าจะช่วยให้เขาก้าวหน้าได้มากขึ้นเท่าไหร่
ลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล ได้ดี๊ด๊ากันตั้งแต่ช่วงตลาดเปิดใหม่ๆ เพราะสามารถปิดดีลแนวรุกฟอร์มดีอย่าง โคดี้ กักโป มาร่วมทีมได้สำเร็จทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมีข่าวเชื่อมโยงอย่างหนักกับคู่อริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่จนถึงตอนนี้ผ่านมาก็ 3-4 เกมแล้วเราก็ยังไม่เห็นว่า กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ คนนี้จะงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เหมือนกับสมัยอยู่กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
เดือนมกราคมที่สุดแสนจะโศกเศร้าของ ลิเวอร์พูล เริ่มด้วยการแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-3 ตามด้วยโดน ไบร์ทตัน ขยี้ไปอีก 3-0 และเสมอกับ เชลซี 0-0 ทำให้ตอนนี้มีแต้มห่างจากพื้นที่ท็อปโฟร์อยู่ถึง 10 คะแนน มิหนำซ้ำในถ้วย เอฟเอ คัพ ก็เพิ่งจะโดน ไบร์ทตัน เจ้าเก่าเขี่ยตกรอบไปอีก
อย่างไรก็ตามสำหรับแฟนๆ แล้วสิ่งที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่าก็คือเรื่องของการเสริมทัพ เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ณ ตอนนี้ ลิเวอร์พูล มีผู้เล่นบาดเจ็บอยู่หลายคน ผลงานตอนนี้ก็ไม่ได้ดูดีเลยสักนิด แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับเปิดปากถึงเรื่องการเสริมทัพว่า "จะไม่มีอะไรทั้งนั้น จะไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นในตลาดนักเตะรอบนี้"
ผู้ชนะ
บาเยิร์น มิวนิค
บาเยิร์น มิวนิค อาจไม่ได้สร้างความฮือฮามากเท่าไหร่นักในตลาดนักเตะรอบนี้ แต่นักเตะใหม่ๆ ที่ได้มาก็ถือเป็นดีลที่คุ้มค่าและน่าจับตามอง พวกเขาต้องเสียนายทวารมือดีที่หวังผลได้อย่าง มานูเอล นอยเออร์ ที่เจ็บจนขาหักจากการไปเล่นสกีและต้องพักยาวไปทั้งฤดูกาล ก่อนที่จะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการไปเซ็นสัญญากับ ยานน์ ซอมเมอร์ อีกหนึ่งมือกาวฟอร์มดีซึ่งมีความหนึบและความเด็ดขาดในการเซฟจุดโทษที่สถิติดีเอามากๆ
แต่บางทีการเซ็นสัญญาที่น่าประทับใจอาจเป็นดีลที่เกิดขึ้นในวันเส้นตายก่อนตลาดปิดนั่นก็คือการปิดดีลสอยฟูลแบ็กที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้อย่าง เจา กานเซโล่ ที่ได้ฝึกปรือฝีเท้าและผ่านการร่วมงานกับโคตรกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาแล้ว แน่นอนว่าเรื่องของที่มีอยู่ในตัวนั้นไม่ธรรมดาแน่นอนไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเกมรุกและเกมรับ
อาร์เซน่อล
อาร์เซน่อล ต้องเจอกับช่วงเวลาที่น่าผิดหวังจากการล่าตัวดาวรุ่งฟอร์มแรงของ ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค อย่าง มิไคโล มูดริค เมื่อโดนคู่อริร่วมเมืองปาดหน้าไปด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่ 89 ล้านปอนด์ แถมยังต้องอกหักจากการปิดดีลคว้าแข้งฟอร์มดีของ ไบร์ทตัน อย่าง มอยเซส ไกเซโด้ ไปอีก ถึงแม้จะยื่นข้อเสนอไปด้วยเงินจำนวนมากมายที่ 70 ล้านปอนด์ก็ตาม
มันอาจจะดูเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่พลาดโอกาสได้ตัวนักเตะที่ผลงานกำลังเข้าตามากๆ แต่สุดท้าย อาร์เซน่อล ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินให้กับนักเตะดีลละ 70-80 ล้านปอนด์ แถมยังได้ของดีที่พร้อมใช้งานได้ทันทีอีกต่างหากนั่นก็คือ เลอันโดร ทรอสซาร์ แนวรุกคนสำคัญของ ไบร์ทตัน ในราคาแค่ 21 ล้านปอนด์, จอร์จินโญ่ มิดฟิลด์เชิงสูงของ เชลซี ในราคาแค่ 12 ล้านปอนด์ ที่ต่างก็มีประสบการณ์และคุ้นชินกับแนวทางบนสังเวียนลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อยู่แล้ว รวมไปถึงกองหลังแววดีจาก สเปเซีย นั่นก็คือ ยาคุบ คิวิออร์ อีก 18 ล้าน
อย่างที่รู้กันว่า อาร์เซน่อล กำลังอยู่ในช่วงที่ผลงานดีและมีโอกาสมากๆ ที่จะได้เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก แบบเต็มตัวเป็นสมัยแรกในรอบ 19 ปี การใช้เงินไปแค่ราวๆ 50 ล้านปอนด์แต่ได้ตัวนักเตะที่รับประกันได้ว่าจะช่วยทีมได้แน่ๆ ดูแล้วน่าจะรู้สึกสบายใจมากกว่า ไม่ต้องไปนั่งพะวงและกดดันตัวเองกับนักเตะที่จะย้ายว่าด้วยค่าตัวแพงๆ ว่าจะเป็นดีลที่เวิร์คหรือไม่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
การเสีย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปอาจเป็นสิ่งที่แฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด บางคนยังทำใจยอมรับไม่ได้ และนั่นก็ทำให้สโมสรต้องเร่งหากองหน้าตัวใหม่มาเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อยกระดับทีมให้ไปไกลที่สุดในฤดูกาลนี้ถ้ามองในแง่ของการลุ้นความสำเร็จ หลายคนอาจจะรู้สึกขำกับการคว้า เวาท์ เวกฮอร์ก จาก เบิร์นลี่ย์ มาร่วมทีมในระยะสั้น แต่ผลปรากฏว่านักเตะโชว์ฟอร์มได้ดีตลอด 3-4 นัดที่ผ่านมา ทั้งการครองบอล การมีส่วนร่วมกับทีม เล่นบอลฉลาด และก็เปิดซิงประตูแรกได้แล้วด้วย
การเสีย คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมคเกอร์คนสำคัญที่เจ็บหนักต้องพักยาวไปนั้นได้สร้างความกังวลให้กับแฟนๆ เช่นกัน เพราะนี่ช่วงโมเมนตั้มที่ดีของทีม นักเตะทุกคนกำลังทำผลงานได้ดี มีความมั่นใจ แต่สุดท้ายก่อนตลาดวายทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สามารถหาตัวแทนได้ และก็เป็นนักเตะที่โปรไฟล์ ชื่อชั้นดูดี มีคุณภาพนั่นก็คือ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ที่ยืมมาจาก บาเยิร์น มิวนิค
เชลซี
เรียกได้ว่าเป็นพระเอกในตลาดซื้อขายรอบนี้เลยก็ว่าได้สำหรับ เชลซี ของ เสี่ย ท็อดด์ โบห์ลีย์ เพราะพวกเขาเล่นเดินทางเสริมทัพไปแบบกระจุยกระจายมากๆ จากการเซ็นนักเตะใหม่มาทั้งหมดถึง 8 คนด้วยกันไล่ตั้งแต่ เบอนัวต์ บาเดียชิล, ดาวิด ดาโตร โฟฟาน่า, อันเดรย์ ซานโต๊ส, มิไคโล มูดริค, โนนี่ มาดูเอเก้, มาโล่ กุสโต้, เจา เฟลิกซ์ และ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เบ็ดเสร็จแล้วทางก็ใช้เงินไปมากกว่า 270 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
แต่ละดีลต่างก็เป็นนักเตะชื่อดังที่อยู่ท่ามกลางความสนใจจากเหล่าทีมบิ๊กเนมด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น มูดริค, เจา เฟลิกซ์ หรือ เอ็นโซ่ เฟร์นาเดซ ทว่าสุดท้ายก็เป็น เชลซี นี่แหละที่เล่นปาดหน้ากวาดมาครอบครองได้ทั้งหมด เล่นทำเอาเหล่าบรรดาคู่แข่งต้องชอกช้ำไปตามๆ กัน อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดเดี๋ยวก็ต้องติดตามดูกันว่าการใช้เงินในการแก้ปัญหานั้นจะช่วยให้ เชลซี ของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ดูทรงและผลงานดีขึ้นได้ขนาดไหนในช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้
HaMu Dos Santos
