คิดถึงสุดหัวใจ! แด่ มิลเนอร์ ท่านรองที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล

ยิ่งได้เห็นน้ำตาของ ฟีร์มิโน่ ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ ที่ซีซั่นหน้า จะไม่ได้เห็นเขาในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล อีกแล้ว .. เราได้เห็นหลายๆโมเมนต์ หลายๆการยกย่องถึง ฟีร์มิโน่ มากมาย บนโลกโลกโซเชี่ยล ซึ่งมันก็สมเกียรติกัลฝีเท้า ที่เขาได้ทำให้ทุกอย่างกับ ลิเวอร์พูล จนประสบความสำเร็จคว้าแชมป์แทบจะทุกรายการ

แต่กระนั้นกับ เจมส์ มิลเนอร์ ท่านรองของ หงส์แดง ถูกพูดถึงน้อยไปนิด กับความเป็นจริงที่เขาทำเพื่อสโมสรแห่งนี้ ไว้มากมาย ดังนั้น ขอบสนาม อินไซด์ วันนี้ ผมจะบรรยายความรู้สึก ถึง มิลเนอร์ ล้วนๆ ชายผู้มีแต่ให้กับ ลิเวอร์พูล

สำหรับคนอื่นผมไม่รู้นะครับ แต่สำหรับผม ผมต้องการให้ มิลลี่ อยู่กับทีมต่อไปจริงๆ เพราะต่อให้เขาจะอายุ 37 ปี เข้าไปแล้ว แต่ความสำคัญมันมากเกินกว่านั้น มันไม่ใช่แค่อยู่ในสนาม ทว่าแผ่รัศมีวงกว้างมาถึงห้องแต่งตัว เขาเป็นหนึ่งในผู้นำของทีม ที่ทุกคนให้ความเคารพเป็นอย่างสูง

ผมยอมรับตามตรงเลยว่า ตอนที่ เจมส์ มิลเนอร์ ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล แบบไม่มีค่าตัว เมื่อปี 2015 ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากนักเตะรายนี้มากมาย คิดในใจด้วยซ้ำว่า คงเป็นนักเตะที่หมดไฟไปแล้ว ไม่งั้น เรือใบสีฟ้า คงไม่ยอมปล่อยตัวออกมาให้กับทีมคู่แข่ง

ด้วยความที่ มิลเนอร์ เหมือนเป็นปีกสไตล์โบราณ ไม่ได้มีความเร็วจี๊ดจ๊าดแบบสปีดเต็ม 99 ไม่ได้มีทักษะที่พร้อมหลอกคู่แข่ง 2-3 คน โดยเน้นครอสจากด้านข้าง และ ใช้พละกำลัง ความมุ่งมั่นเข้าสู่มากกว่า แต่ตอนนั้น ลิเวอร์พูล ต้องการพวกตัวรุกจี๊ด เผื่อผงาดกลับมาลุ้นแย่งแชมป์ ซึ่งโปรไฟล์ของ มิลเนอร์ ตรงกันข้าม ดังนั้นจึงไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นบุคคลสำคัญของทีม

แต่แล้ว เจมส์ มิลเนอร์ ก็เข้ามานั่งในหัวใจสาวก เดอะ ค็อป ในเวลาเพียงแค่ไม่นาน

เขาเป็นเหมือนหุ่นยนต์โบราณ ที่พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของกุนซือ โดยเฉพาะกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ว่าจะสั่งให้ไปเล่นตำแหน่งไหน มิดฟิลด์ตัวกลาง แบ็กขวา หรือ แบ็กซ้าย เขาไม่มีอิดออด ลงไปช่วยทีมด้วยความเต็มใจอยู่เสมอ และ เขาก็ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ดีเหลือเกิน

ถึงแม้ มิลเนอร์ อาจดูเป็นนักเตะสไตล์ตกยุค แต่ "หัวใจความเป็นนักสู้ของเขา" ได้อัพเกรดยกระดับให้เขากับยุคสมัย ขึ้นมาสู่กับนักเตะรุ่นใหม่ ได้อย่างไม่เคอะเขิน .. เวลาที่มีทดสอบสมรรถนะของร่างกาย เขาแทบเป็นเบอร์ 1 อยู่ตลอด เพราะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง และ ฟิตเอามากๆ

ตลอดระยะเวลา 8 ปีครึ่ง ไม่มีครั้งไหนเลย ที่เขาไม่ทำเพื่อ ลิเวอร์พูล เขาไม่เคยอยากได้แสงสปอร์ต เขาไม่เคยอยากเป็นตัวเด่น เขามีแต่ทำให้สโมสรแห่งนี้ พัฒนาไปข้างหน้า และ ประสบความสำเร็จ มากยิ่งขึ้น 

วันที่ มิลเนอร์ ไม่พร้อมลงสนาม หรือ มีอาการบาดเจ็บรบกวน เขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ ตามไปให้กำลังใจทีมเยาวชน คอยไปตามช่วยฝึกซ้อม และ คอยดูแลเด็กๆที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังหลักของสโมสร จนไปถึงการพูดปลุกขวัญกำลังใจ

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เคยหล่นวาทะยกย่อง มิลเนอร์ เอาไว้ว่า ไม่เคยเห็น มิลเนอร์ ทำผลงานตกลงไปเลย มันยอดเยี่ยม และ สม่ำเสมอเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นตอนซ้อม หรือ ลงแข่งขัน 

- มิลเนอร์ ไม่ยุ่งกับอบายมุข น้ำผลไม้เท่านั้น ที่เขาใฝ่หา
- มิลเนอร์ คือคนที่นักเตะในทีมให้ความเคารพ และ เขาเอ่ยปากพูดเมื่อไหร่ ทุกคนพร้อมรับฟัง
- มิลเนอร์ คือนักเตะที่ฟิตที่สุดในทีม หลังเคยมีการวัดศักยภาพช่วงปรีซีซั่น วิ่งแบบ 1,600 เมตร ในแบบที่ยังวิ่งได้ต่อ
- มิลเนอร์ ยิงจุดโทษสำคัญ พาทีมคว้าชัยชนะหลายครั้ง
- มิลเนอร์ เล่นได้หลายตำแหน่ง ทั้งๆที่มิดฟิลด์, แบ็กขวา, แบ็กซ้าย หรือ ต่อให้นั่งสำรองอยู่ตลอด ก็ไม่เคยมีปัญหา หรือ ปริปากบ่น

แต่การจากไปของ มิลเนอร์ หลังจบซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล จะไม่สามารถหานักเตะแบบ มิลเนอร์ ได้จากที่ไหนอีกแล้ว 

คนที่พร้อมเล่นทุกตำแหน่ง คอยช่วยแบ่งเบาภาระของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในการดูแลน้องๆ

.. ตลอดระยะเวลา 8 ปี สิ่งดีๆที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ มาครอง จะไม่เกิดขึ้นเลย หากไม่มี เจมส์ มิลเนอร์

วันที่ มิลเนอร์ ตัดสินใจอำลา ลิเวอร์พูล เขาได้ทิ้งท้ายประโยคอันกินใจว่า 
 

"ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างที่ใฝ่หามานาน และผมจบช่วงเวลา 8 ปีโดยทำเรื่องนั้นสำเร็จ สิ่งที่แฟนบอลต้องการกัน"
.
"ผมมีช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อกับที่นี่และร่วมกันเขียนหน้าประวัติศาสตร์ และผมยอมรับว่า ไม่เคยสโมสรไหนที่จะเข้าใจผมไปมากกว่าลิเวอร์พูลอีกแล้ว"

หนึ่งท่านรองที่ดีทื่สุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล .. ต่อจากนี้เมื่อใดก็ตามที่เขาก้าวเข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ เสียงกึกก้องจะตะโกนชื่อเขาไปทั่วสนาม เพราะ มิลเนอร์ คือบุคคลสำคัญที่ทำให้ หงส์แดง คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองได้เป็นครั้งแรก หลังตามหามานานกว่า 10 ปี

และ สุดท้ายนี้ขอให้ เจมส์ มิลเนอร์ โชคดีกับซีซั่นที่ 21 ที่รอคอยเขาอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ไบรท์ตัน หรือ เบิร์นลี่ย์ พวกเขาจะได้นักเตะ ที่ไม่เคยคิดหยุดสู้เลยสักครั้ง

ฮาย ฮาวดี้