หากเอ่ยถึงนักเตะที่กลับมาโชว์ฟอร์มเด่นกับต้นสังกัด หนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อของ ปรเมศย์ อาจวิไล ศูนย์หน้าวัย 25 ปี จากสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด อยู่ด้วย ซึ่งยิงไปแล้วในศึก ไทยลีก 2023/24 4 ประตู จากการลงสนาม 7 เกม และถูกยกเป็นแข้งไทยเลือดใหม่ที่ก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตใหม่ของทีมชาติไทย
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เราจะพามารู้จักกับเขาให้มากขึ้น เส้นทางอาชีพค้าแข้งกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน
แชมป์เดาะบอลยุวชนโลก
ปรเมศย์ อาจวิไล หรือ "ฟร้องซ์" เกิดที่ จ.กรุงเทพมหานคร ในชุมชนคลองเตย มีความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลตั้งแต่ช่วงวัยเยาว์ ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ มีสกิลความสามารถในการเดาะบอลเป็นเวลานาน และมีดีกรีเป็นแชมป์เดาะบอลยุวชนโลก เคยทำสถิติไว้ถึง 6,500 ครั้งในเวลา 1 ชั่วโมง 4 นาที
นอกจากนี้ ปรเมศย์ เคยถูกรับเชิญออกโทรทัศน์รายการชิงร้อยชิงล้าน ปี 2553 ช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ที่มี 3 ตลกดาวดังอย่าง หม่ำ จ๊กมก, โหน่ง ชะชะช่า และเท่ง เถิดเทิง และ 2 พิธีกรอย่าง มยุรา เศวตศิลา กับ ปัญญา นิรันดร์กุล
การท่าเรือ เอฟซี คือทีมที่ "เจ้าฟร้องซ์" โปรดปรานตั้งแต่เด็ก ซึ่งอยู่ใกล้ถิ่นที่อาศัยอยู่ รวมไปถึงเคยได้รับโอกาสโชว์ลีลาเดาะบอลที่ แพท สเตเดี้ยม แต่โชคชะตาชีวิตลูกหนังกำหนดให้เขาอีกอย่าง คือการได้โอกาสเข้าเรียนที่โรงเรียนโพธินิมิตวิทยาคม สถาบันที่เป็นพันธมิตรกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ตอนอายุ 15 ปี แล้วพาทีมกวาดแชมป์รายการดังในเวทีลูกหนังขาสั้นอย่างแชมป์กีฬา 7 สี ปี 2016 แถมเจ้าตัวยังได้รางวัล MVP มาครอง ก่อนถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปี 2018 ด้วยวัย 20 ปี และมีช่วงที่ถูกปล่อยไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งกับ อุดรธานี เอฟซี และ บางกอก เอฟซี
ฤดูกาล 2023/24 เรียกว่าเป็นฤดูกาลที่ ปรเมศย์ ได้โอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ โดย 7 เกมแรก ลงสนามทุกเกม ยิงไปแล้ว 4 ประตู บวกกับ การที่ "กิเลนผยอง" ใช้ "โค้ชทัย" อุทัย บุญเหมาะ กุนซือขัดตาทัพชั่วคราว ดูเหมือนว่าจะกำหนดมอบหมายวิธีการเล่นให้กับเขาได้สมดุล ลงล็อค มากขึ้น
ติดธงชาติไทย "ความฝันที่เป็นจริง"
ด้วยจุดเด่น ส่วนสูง 180 เซนติเมตร ความมุ่งมั่นสูง จบสกอร์ได้ยอดเยี่ยม หาจังหวะทำประตูได้ถูกที่ถูกเวลา เริ่มติดทีมชาติตั้งแต่ชุดเยาวชน U21, U23 มาถึงทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งทาง มาโน่ โพลกิ้ง เล็งเห็นแววในตัวเขา ประกอบกับ ผลงานในลีกเริ่มมีพัฒนาการมากขึ้น จึงเปิดโอกาสเรียกมาติดทีม จากที่ช่วงก่อนหน้าไม่เคยถูกโค้ชคนก่อนๆ เรียกติดทีมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนแมตช์ที่แจ้งเกิด "เจ้าฟร้องซ์" อย่างแท้จริง คือนัดชิงชนะเลิศ เกมแรก ที่บุกไปเสมอกับ ทีมชาติเวียดนาม 2-2 ศึกชิงแชมป์อาเซียน 2022 ออกสตาร์ท 11 ตัวจริง และมีส่วนสำคัญยิงประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนกลับมาเล่นเกมที่สองในบ้านที่สนาม ธรรมศาสตร์ รังสิต แล้วเอาชนะได้ 1-0 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
จากผลงานตลอดที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน "เจ้าฟร้องซ์" กำลังอยู่ในช่วงที่มีความมั่นใจสูง ประกอบกับผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วระดับหนึ่งว่าดีพอที่จะต่อยอดพัฒนาฝีเท้าก้าวไปสู่ตำแหน่งศูนย์หน้าตัวความหวังของ เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ทีมชาติไทยในอนาคตได้อย่างแน่นอน
