บทพิสูจน์ความสุดยอดของ "ฮาเเลนด์" ที่ต้องทำให้ได้

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ คือ นักเตะ โกลเด้น เจเนอเรชั่น ยุคต่อไป เคียงข้างกับ คีลียัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ของ ปารีส-แชงต์-แชร์กแมง อย่างแท้จริง

ดูได้จากรื่องราวและผลงาน ที่เจ้าตัวได้สรรค์สร้างเอาไว้ในสนามมากมาย ตั้งแต่สมัยอยู่กับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ต่อด้วย โบรุสเซีย ดอร์ทมุด์ และ ปัจจุบันอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียกได้ว่ายิงกระจายทุกทีม 

โดยเฉพาะในฤดูกาลที่ผ่านมา ที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นเป็นสง่า ด้วยการถลุงตาข่ายไปถึง 52 ประตู จาก 53 เกมที่ลงสนาม แถมยังมีอีก 9 แอสซิสต์ พาทัพเรือใบสีฟ้า เถลิงบัลลังค์ทริปเปิ้ลแชมป์ อย่างยิ่งใหญ่ 

โดยเฉพาะสถิติดาวซัลโวตลอดต่อหนึ่งฤดูกาลที่ อลัน เชียร์เรอร์ และ แอนดี้ โคล ได้ทำไว้ ที่ 34 ประตู สถิตินี้คงอยู่มาอย่างยาวนานเกือบๆ 30 ปี แต่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มาทำลายได้ ซึ่งเป็นการลงเล่นใน พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลแรกเท่านั้น โดยเจ้าตัว ยิงไป 36 ประตู นับได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุเด็ดเผ็ดมันขนาดนี้ ทำให้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มีชื่อเป็นตัวเต็ง บัลลงดอร์ เคียงข้างกับ ลิโอเนล เมสซี่ หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลอีกด้วย 

เชื่อได้เลยว่าด้วยผลงานระดับพระกาฬเช่นนี้ ทำให้หลายๆคน คงอดหวังไม่ได้ว่า เด็กยักษ์ ชาวนอร์เวย์รายนี้ จะขึ้นมาอยู่ในเลเวลเดียวกันกับ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในอนาคตเป็นแน่แท้  

แต่การจะไปเทียบเคียงกับสองนักเตะระดับตำนานแห่งยุค ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน เจ้าตัวต้องผ่านบทพิสูจน์มากมาย หลายด่านกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทีมชาติ นอย์เวย์

อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แบกทีมชาติโปรตุเกส ไปเป็นแชมป์ ยูโร 2016 

ส่วน ลิโอเนล เมสซี่ ก็เพิ่งคว้า แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 มาหมาดๆเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หินมากๆสำหรับทีมชาติเล็กๆอย่าง นอร์เวย์
 

 

ผลงานของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กับทีมชาติ นอร์เวย์ นั้นก็ถือว่าไฉไลมิใช่น้อย เรียกได้ว่าค่าเฉลี่ยการยิงประตูนั้นพอๆกับการที่เล่นให้กับทีมสโมสรเลยเสียด้วยซ้ำ โดยเจ้าตัวยิงไปถึง 27 ประตู จากการลงสนาม 27 เกม เรียกได้ว่าโหดจัดจ้านจริงๆ

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยิงเยอะแค่ไหน แต่เป้าหมายหลักที่เขาตั้งเอาไว้กำลังจะสลายหายไป เพราะ ทัพไวกิ้ง เพิ่งหมดสิทธิ์ในการไปเล่นยูโร 2024 รอบสุดท้ายเป็นที่แน่นอนแล้ว

แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่า ทีมชาตินอร์เวย์ นั้นไม่ได้มีนักเตะซุปเปอร์สตาร์หรือ มีทรัพยากรนักเตะล้นเหลือ ที่สามารถหยิบจับได้แบบบตามใจชอบ เหมือนชาติมหาอำนาจอื่นๆ เช่น ทีมชาติฝรั่งเศส ที่มีนักเตะแบรนด์เนมแทบจะทุกตำแหน่ง

แต่ในทางกลับกัน ทีมชาตินอร์เวย์ มีเพียงแค่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เป็นตัวจบสกอร์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด เป็นจอมทัพ เท่านั้น ที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้ 

นอกนั้นก็เป็นนักเตะเกรดธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากมาย ถ้าเทียบกับชาติอื่นๆ มันเลยเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับสองนักเตะตัวความหวังของชาติ ที่จะแบกทีมของพวกเขาไปถึงฝั่งฝันได้

โดยครั้นอดีตที่ผ่านมา ทัพไวกิ้ง ได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในทัวร์นาเม้นใหญ่อย่างศึก ยูโร ครั้งล่าสุดก็ต้องย้อนกลับไปปี 2000 ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ นู้นเลย

แต่ นอร์เวย์ ก็ต้องมาพบกับความผิดหวังอีกครั้งในเวทีระดับชาติอย่างศึก ยูโร 2024 ในรอบคัดเลือก โดยในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอร์เวย์ ได้ไปพ่ายต่อ สเปน 0-1 จากประตูของ กาบี เรียกได้ว่าเป็นประตูดับฝันของชาวไวกิ้งเลยก็ว่าได้ 
 

แม้จะผิดหวังกับความพ่ายแพ้ในนัดนี้ แต่พวกเขาก็ต้องกัดฟัน สู้อีกครั้ง เพราะแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในการชิงตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายในศึก ยูโร 2024 ก็ยังไม่ดับลงไปซะทีเดียว

เนื่องด้วย นอร์เวย์ ยังมีโควต้าไปเล่นเพลย์ออฟของศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายให้ได้ เรียกได้ว่าเป็นแสงสุดท้ายของพวกเขาแล้วก็ว่าได้ 

และมันจะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เลยว่าเขาสามารถแบกทีม ให้ผ่านเข้าไปเล่น ยูโร 2024 รอบสุดท้ายได้หรือไม่

มันคือสิ่งเดียวที่ ฮาแลนด์ ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ แม้จะเป็นเพียงชาติเล็กๆ แต่เชื่อได้เลยว่าภารกิจที่เขาจะทำในรอบนี้มันยิ่งใหญ่สำหรับตัวเขาแน่นอน และเพื่อจะได้ไม่มีข้อครหา หากในอนาคตที่จะต้องโดนถูกนำไปเปรียบเทียบกับนักเตะคนอื่นๆ

มิเช่นนั้น เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็จะมีข้อครหาต่อไป ว่า เป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จกับสโมสรมาอย่างมากมาย แต่ในทีมชาติกลับล้มเหลว เหมือนกับที่ ไรอัน กิ๊กส์ และ เอียน รัช ซึ่งทั้งคู่ต่างประสบความเร็จ อย่างมากมายในระดับสโมสร แต่กลับล้มเหลวในนามทีมชาติ เวลส์ ที่ไม่เคยไปเล่นรอบสุดท้าย ทั้ง ยูโร และ ฟุตบอลโลก

คงต้องมาลุ้นและติดตามเชียร์กันต่อไปครับว่า เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และทีมชาตินอร์เวย์ จะสามารถทำฝันของพวกเขาให้เป็นจริงได้หรือไม่ เพราะนักเตะระดับเขามันคู่ควร ต่อการไปเล่นบนเวทีระดับชาติอย่าง ยูโร หรือแม้กระทั่งฟุตบอลโลก

บีเบลล์ กูนเนอร์