6 แข้งดัง! ย้ายข้ามฟากระหว่าง บาร์ซ่า-มาดริด

ศึก "เอล กลาซิโก้" ครั้งนี้อาจจะไม่ได้สำคัญอะไร เพราะ บาร์เซโลน่า เป็นแชมป์ไปแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่า "เอล กลาซิโก้" ต่อให้ไม่มีความสำคัญผมก็มั่นใจว่าหวดกันไฟแล่บอยู่ดี

  เรอัล มาดริด ใจอาจจะลอยไปอยู่กับนัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ยังไงซะศึกนี้ก็ยอมไม่ได้ ส่วน บาร์เซโลน่า ก็คงรอลุ้นว่าแข้ง "ราชันชุดขาว" จะตั้งแถวปรบมือให้เกียรติแชมป์รึป่าว ถ้าไม่ตั้งจริงๆ เหมือนที่ ซีดาน เคยออกมาบอก 90 นาทีในสนาม เดือดปุดๆ แน่นอน   นอกเรื่องมาเยอะแล้ว เข้าเรื่องดีกว่า ไม่มีอะไรมากครับ แค่เห็นว่าคืนนี้มี "เอล กลาซิโก้" เลยขอรวบรวม 6 แข้งดังที่ย้ายข้ามฟากระหว่าง 2 ทีมนี้โดยตรงแบบไม่แว้บผ่านทีมอื่นก่อนมาให้ดูกัน โดยจากคลังข้อมูลที่ค้นระบุว่า มีนักเตะที่ย้ายจาก บาร์เซโลน่า ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด 16 คน ส่วนจาก มาดริด มา บาร์ซ่า โดยตรงนั้นมีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น วันนี้คัดเด็ดๆ มาให้ดู 6 คนครับ       หลุยส์ มิลล่า เป็นผลผลิตจาก ลา มาเซีย แหล่งฟูมฟักแข้งดาวรุ่งชื่อดังของ บาร์ซ่า โดย มิลล่า ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1984 จนกระทั่งในปี 1990 มิลล่า ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่หลังคุยกับ โยฮัน ครัฟฟ์ ผู้เป็นกุนซือไม่ลงตัว และเลือกย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด แบบฟรีๆ ปิดฉาก 6 ปีในทีมชุดใหญ่ของ "เจ้าบุญทุ่ม" ด้วยการคว้าแชมป์ลีก, โกปา เดล เรย์ และยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ได้อย่างละ 1 สมัย ที่ เรอัล มาดริด มิลล่า ซึ่งปัจจุบันเป็นกุนซือทีมชาติอินโดนิเซีย อยู่ค้าแข้งไป 7 ฤดูกาล คว้าแชมป์ลีกมาได้ 2 สมัย และแชมป์ โกปา เดล เรย์ อีก 1 สมัย     ซาวิโอล่า คือคนล่าสุด แต่จะท้ายสุดรึป่าวอันนี้ไม่ทราบได้ที่ย้ายข้ามฟากระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า โดยตรง อดีตกองหน้าทีมชาติอาร์เจนติน่า ย้ายจาก ริเวอร์เพลท ทีมดังในบ้านเกิดมาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในปี 2001 ซึ่งฤดูกาลแรกก็ถือว่าปรับตัวได้เร็ว ได้ลงเล่นในลีกไปมากกว่า 30 นัด ต่อฤดูกาล ใน 3 ปีแรก และซัดใน ลา ลีกา ไปได้รวม 44 ลูก สถิตินี้ก็ดูไม่ได้ขี้เหล่อะไร ทว่าคงยังไม่ดีพอกับมาตราฐานของ บาร์ซ่า เพราะ ซาวิโอล่า ถูกปล่อยให้ โมนาโก และ เซบีย่า ยืมตัวไปใช้งาน 2 ฤดูกาลติด จากนั้น "เจ้าบุญทุ่ม" ก็เอากลับมาใช้งานอีกปีนึง ในฐานะตัวสำรองซึ่งฟอร์มก็ไม่ดีแล้ว จนสโมสรตัดสินใจไม่ต่อสัญญากลายเป็นแข้งฟรีเอเย่นต์ไปหลังจบฤดูกาล 2006/07 ทีนี้ก็เข้าทาง มาดริด เลยเพราะพวกเขากำลังหากองหน้าตัวสำรองไว้ใช้งานอยู่พอดี แต่ก็สมกับเป็นอะไหล่จริงๆ เพราะตลอด 2 ฤดูกาลที่อยู่กับ "ราชันชุดขาว" เจ้าตัวได้ลงเล่นในลีกรวมไปแค่ 17 นัดเท่านั้น และยิงได้เพียง 4 ประตู     อดีตยอดเพลเมกเกอร์ทีมชาติเดนมาร์ก ย้ายจาก ยูเวนตุส มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในปี 1989 ซึ่งตอนนั้นทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งมากโดยมี โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นกุนซือ ซึ่ง เลาดรู๊ป ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ลงเล่นต่อเนื่องและช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกมาได้ 4 ปีติด ในระหว่างปี 1991-1994 ทว่าขณะที่ทุกอย่างกำลังดูสวยงามจุดแตกหักก็มาถึง เมื่อ ครัฟฟ์ ไม่ส่ง เล้าดรู๊ป ลงเล่นในนัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1994 แถม "เจ้าบุญทุ่ม" ก็พ่ายให้กับ เอซี มิลาน ไปยับเยิน 4-0 เลาดรู๊ป ไม่พอใจอย่างมากถึงขั้นแตกหักกับ ครัฟฟ์ และขอย้ายทีม แต่ก็ไม่ได้ย้ายไปไหนไกลมาอยู่กับ เรอัล มาดริด ศัตรูตัวฉกาจนี่แหละ ท่ามกลางเสียงนินทาว่า เล้าดรู๊ป แค้นจัดจึงต้องการย้ายมา "ราชันชุดขาว" เพื่อถีบ บาร์ซ่า ลงจากบัลลังก์ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้สำเร็จเสียด้วย เพราะมาถึงปีแรกก็พาต้นสังกัดใหม่คว้าแชมป์ ลา ลีกา มาครองได้ทันที น่าเสียดายที่ตอนย้ายมานั้นอายุอานามก็แตะเลข 3 แล้ว ทำให้ลงเล่นกับ มาดริด ได้แค่ 2 ฤดูกาลเท่านั้น     เอ็นริเก้ เป็นคนเดียวในลิสต์ของเราเลยที่ย้ายโดยตรงจาก เรอัล มาดริด มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า โดยเขาลงเล่นให้ "ราชันชุดขาว" 5 ฤดูกาล ระหว่างปี 1991-1996 แต่เจ้าตัวตัดสินใจไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ และเลือกย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า แบบฟรีๆ พี่แกค้าแข้งให้ "เจ้าบุญทุ่ม" ไป 8 ฤดูกาล ลงเล่นรวมทุกรายการ 300 นัดเป๊ะๆ ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดไปในปี 2004 หลังรีไทร์เจ้าตัวเลือกเดินทางงานโค้ช และเคยนั่งแท่นเป็นนายใหญ่ของ บาร์เซโลน่า มาแล้วถึง 3 ฤดูกาลด้วยกัน     เจ้าของฉายา "ขบถลูกหนัง" ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย ชูสเตอร์ มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในปี 1980 เล่นดีใช้ได้ ตามสไตล์มิดฟิลด์เยอรมัน คุมเกมเยี่ยม เติมเกมรุกยอด ดูจะสมบูรณ์แบบไปหมด แต่ปัญหาของเขาคือเรื่องอารมณ์ และมนุษย์สัมพันธ์ที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะกับโค้ชตัวเองลามไปถึงทะเลาะกับประธานสโมสรก็เคยมาแล้ว แต่เขาก็อยู่ได้นานถึง 8 ปี คว้าแชมป์ ลา ลีกา 1 สมัย, โกปา เดล เรย์ 3 สมัย และ ยูโรปเปี้ยน คัพ วินเนอร์ คัพ อีก 1 สมัย ก่อนจะย้ายมาอยู่กับทัพ "ราชันชุดขาว" ในปี 1988 อยู่ได้ 2 ฤดูกาล เป็นกำลังสำคัญช่วยพาทัพ "ราชันชุดขาว" คว้าแชมป์ลีกได้ทั้ง 2 ฤดูกาลเลย แต่แค่นี้ยังพีคไม่พอ เดี๋ยวจะไม่สมฉายา "ขบถลูกหนัง" เพราะพี่แกดันย้ายจาก เรอัล มาดริด ไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด คู่ปรับร่วมเมืองอีก เอาให้สุดไปเลยพี่จ๋า     อันดับ 1 จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก หลุยส์ ฟิโก้ นับว่าเป็นการย้ายทีมข้ามฟากระหว่าง บาร์ซ่า-มาดริด ที่โด่งดังและเป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดจวบจนถึงทุกวันนี้เลยด้วยซ้ำ เมื่อปี 2000 "ราชันชุดขาว" ทุ่มเงินกว่า 62 ล้านยูโร ฉีกสัญญากระชาก อดีตปีกทีมชาติโปรตุเกสรายนี้มาร่วมทีม ซึ่งถือว่าฟันกำไรให้ บาร์ซ่า อื้อซ่า เพราะซื้อมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน แค่ 4 ล้านยูโรเท่านั้น อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้ต้องการจะปล่อยออกไปเลย เพราะถือเป็นสตาร์ตัวหลักของทีม แต่ ฟิโก้ เองนั่นแหละที่กระสันจะย้ายข้ามฟากซะเหลือเกิน จนทำให้สาวก "เจ้าบุญทุ่ม" ที่รัก ฟิโก้ อย่างมาก กลายเป็นจงเกลียดจงชังมาจนถึงทุกวันนี้ ครั้งนึงในเกม "เอล กลาซิโก" มีแฟนบอลโยนหัวหมูลงมาในสนามด้วย ถือเป็นการด่า ปีกหน้าหล่อรายนี้ที่ทรยศต่อความรักของแฟนบอลบาร์ซ่า เท่านั้นไม่พอเขายังเป็นกำลังสำคัญร่วมกับ โรนัลโด้ (อ้วน), ราอูล กอนซาเลซ และ ซีเนอดีน ซีดาน พา "ราชันชุดขาว" ประสบความสำเร็จเยอะแยะมากมายในยุคนั้น เกินหน้าเกินตา บาร์เซโลน่า

ชิน ชินพัฒน์