logo-heading

แน่นอนว่าความน่าสนใจของเกมนี้คือผลงาน และสถานะของทั้งคู่ในช่วงที่ผ่านมามีระยะห่าง และความแตกต่างกันมากพอสมควร ด้วยความที่เจ้าบ้านรั้งตำแหน่งจ่าฝูง ส่วน แมนยูฯ 3 วันดี 4 วันไข้ อยู่อันดับ 6 ของตาราง

ซึ่งการยกพลบุกไปเยือน แอนฟิลด์ ย่อมไม่ใช่งานที่ง่ายอยู่แล้ว แถมการมีสถิติ 7-0 เมื่อซีซั่นก่อน เหมือนภาพหลอกหลอนแฟนบอลตามๆ กันไปด้วย

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราในวันนี้จะพาไปส่องเรื่องน่ากังวลของฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด กันหน่อยว่ามีอะไรบ้างที่น่าห่วง

สิ่งที่น่ากังวลของ \"แมนยูฯ\" เมื่อต้องไปเยือนสังเวียน \"แอนฟิลด์\"

นักเตะบาดเจ็บ

เริ่มต้นที่ประเด็นที่ชวนแฟนบอลปวดหัวแบบคูณสอง เพราะปกติฟูลทีมแบบเต็มอัตราศึกก็ยากพอตัวในการบุกไปฉกแต้มมาจากถิ่น แอนฟิลด์

ทว่าจากลิสต์นักเตะบาดเจ็บในตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชุดตัวจริงที่ลงสนามแบบสม่ำเสมอในช่วงที่ผ่านมา ไล่เรียงมาตั้งแต่แผงเกมรับข่าวร้ายแบบสุดๆ คือการที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ดวงแตกได้รับบาดเจ็บจากเกมเมื่อกลางสัปดาห์ที่พบกับ บาเยิร์น มิวนิค

ซึ่งที่ผ่านมา แม็คไกวร์ เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าในเหล่าบรรดาเกมรับเขาคือคนที่สามารถคาดหวังได้ จากความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ช็อตดักสกัด ช็อตเอาชนะคู่แข่ง สิ่งเหล่านี้ได้หลายไป และจากภาษากายในเกมล่าสุดถือว่าเป็นไปได้ยากที่จะได้เห็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟรายนี้ลงสนาม

แม้กระทั่งในรายของ ลุค ชอว์ ที่เล่นไปได้เพียงครึ่งเดียวในเกมดวลทัพ “เสือใต้” จากการเปิดเผยคือเจ้าตัวเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อขา ซึ่งต้องรอกันจนถึงวินาทีสุดท้ายว่าจะพร้อมลงเล่นหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่ไม่ไหวตามคาดการณ์คงจะเป็น เซร์คิโอ เรกีลอน หรือ ดิโอโก้ ดาโลต์ 

ขยับมาที่แดนกลางกันบ้างในเคส กาเซมิโร่ มีรายงานว่าเจ้าตัวกลับมาลงสนามฝึกซ้อมได้แล้ว แต่ถ้าว่ากันตามกำหนดเดิมคือช่วงปลายปี แต่กระนั้นก็ไม่แน่ว่าอาจมีเซอร์ไพรส์ เทน ฮาก จนเข้าสู่ทีมสำหรับเกมในวันอาทิตย์นี้ก็เป็นได้ เพราะการมีมิดฟิลด์รายนี้ย่อมช่วยยกระดับแดนกลางได้แน่

ส่วนรายอื่นๆ อย่าง เมสัน เมาท์ กับ คริสเตียน อิริคเซ่น ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีอัปเดตอะไรเพิ่มเติม แต่คาดการณ์คือช่วงปลายปีเราคงได้เห็นทั้งคู่กลับมาลงสนามอีกครั้ง

ปิดท้ายที่แดนหน้ากันบ้าง เกมเมื่อกลางสัปดาห์ทีมหมดสิทธิ์ใช้งาน มาร์คัส แรชฟอร์ด กับอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เนื่องจากมีอาการป่วย ซึ่งก็น่าจะกลับมาฟอร์มในการดวลกับ ลิเวอร์พูล แต่ไม่อาจการันตีการเป็น 11 ตัวจริงได้เช่นกัน

สรุป ณ ตอนนี้เหล่าแข้งตัวหลักของทัพ “ปีศาจแดง” หลายคนยังคงบาดเจ็บอยู่ ขุมกำลังคงยึดเหมือนช่วงที่ผ่านมา เพียงแต่สาหัสกว่าเดิมเมื่อต้องบวก บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบกำหนดไปด้วย

สิ่งที่น่ากังวลของ \"แมนยูฯ\" เมื่อต้องไปเยือนสังเวียน \"แอนฟิลด์\"

ผลงานเยือน แอนฟิลด์

ช่วงหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเยือนแอนฟิลด์ทีไรมีอันต้องเละเทะแทบทุกที โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่สกอร์บอร์ดบอกตัวเลขว่า 7-0 เชื่อว่ามันยังตามหลอกหลอนแฟนบอลทัพ “ปีศาจแดง” จนถึงทุกวันนี้

หนักข้อไปกว่านั้นเป็นเวลา 4 เกมแล้วที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถบุกไปทำประตูที่แอนฟิลด์ได้ แถมเป็นฝ่ายโดนถลุงกลับมารวมกันถึง 13 ประตู เรียกได้ว่าเด๊ดห่าของแท้เมื่อต้องไปเหยียบรังของคู่อริรายนี้

ส่วนครั้งล่าสุดที่บุกไปทำประตูได้ต้องย้อนไปเมื่อปี 2018 ซึ่งวันนั้นแม้จะเจาะตาข่ายคู่แข่งได้แต่ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 3-1

และถ้าจะมองหาชัยชนะครั้งล่าสุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่บ้าน ลิเวอร์พูล ต้องย้อนไปเมื่อ 7 ปี ในยุคที่คุมทัพโดย หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งวันนั้นได เวย์น รูนี่ย์ ซัดประตูชัย ซึ่งใครจะรู้ว่านับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทีมไม่เคยสะกดคำว่าชัยชนะที่นี่ได้อีกเลย

ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด ยุค เอริค เทน ฮาก อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ เชื่อว่าถ้าเขาอยากจะหาจุดเปลี่ยนของทีมให้ได้เหมือนซีซั่นก่อน เกมกับ ลิเวอร์พูล ย่อมมีความสำคัญ และเหมือนชี้ชะตาอนาคตของเขาได้เหมือนกัน

เจอทีมใหญ่ตายเรียบ

เมื่อเงยหน้ามองไปที่ผลการแข่งขันของ แมนยูฯ ในซีซั่นนี้ ต้องยอมรับว่าเมื่อต้องโคตรมาเจอกับทีมระดับท็อปมีอันต้องม้วยมรณาพ่ายแพ้อยู่เรื่อยไป

ซึ่ง 3 จาก 4 เกมที่ดวลกับเหล่าทีมหัวตารางคือการออกไปเล่นเป็นทีมเยือนทั้งหมดทั้งแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-0, แพ้ อาร์เซน่อล 3-1 และ แพ้ นิวคาสเซิ่ล 1-0 ส่วนอีกเกมคือเจอแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็พ่ายคาบ้านแบบหมดรูป 0-3

กระนั้นการมาเยือนแอนฟิลด์จึงกลายเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่า เทน ฮาก จะมาในรูปแบบไหนในการจัดการกับเกมรุกที่ดุดันของ ลิเวอร์พูล เชื่อว่าบทเรียนจากซีซั่นก่อน และความย่ำแย่ในหลายๆ ในฤดูกาลนี้น่าจะคอยย้ำเตือนเขาได้ไม่มากก็น้อย

ส่วนฝั่งกองเชียร์หลายคนยังคงเชื่อมั่นว่าเกมนี้ถ้าเล่นด้วยความมั่นใจ ลงไปเล่นด้วยแรงกระหาย ไร่ข้อผิดพลาด โอกาสเดินกลับออกมาด้วยคะแนนมันก็มี

แต่ถ้ามองในหลักพื้นฐานความเป็นจริงนี่คือเกมที่โคตรยากของ เทน ฮาก และลูกทีม 

คราวนี้เหล่าซัพพอร์ตเตอร์ทั้งหลายคงได้แต่ภาวนาว่าจะเป็น 90 นาทีที่ทีมเล่นเพื่อแฟนบอล ให้เกียรติเหล่ากองเชียร์ที่ตามไปสนับสนุน

คำว่า “ได้สู้” มันไม่รู้หรอกว่าจะลงเอยแบบใด แต่อย่างน้อยก็ “ได้สู้” เพื่อสโมสร และแฟนบอล ดีกว่าเดินไปให้เขาเรียงหน้าฆ่าแบบไม่ไว้หน้า

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline