ใกล้เข้ามาขึ้นทุกทีแล้วนะครับ สำหรับเกมแดงเดือดที่ทุกคนต่างเฝ้ารอ ซึ่งจะเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมที่ผ่านมานั้น แตกต่างกันราวกับ นรก สวรรค์ อย่างไงอย่างงั้น
ทางฝั่งเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล คว้าชัยในเกมลีกมา 3 นัดติดต่อกัน แม้ว่า 2 จาก 3 นัดจะเป็นการชนะแบบโกงความตาย และชนะแบบไม่สวยหรูเท่าไหร่ แต่ก็เก็บผลลัพธ์ด้วยการคว้า 3 แต้มกลับบ้านได้ตลอด
ถึงแม้นัดล่าสุดจะออกไปพ่าย แซงค์ ชิลลวส ในศึก ยูโปาลีก แต่เกมดังกล่าวก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการเข้ารอบของ ทัพหงส์แดง
ในทางกลับกันทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มการเล่นสวนทางกันเสียเหลือเกิน โดยทีมปีศาจแดง แพ้มา 2 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ แถมเป็นการแพ้คาบ้านทั้งสองเกม ยิ่งไปกว่านั้นรูปเกมในสนามก็ดูหดหู่หัวใจไปตามๆกัน
วันนี้ทาง ขอบสนาม จะมาว่ากันด้วยเรื่องของสถิติต่างๆที่สำคัญในเกมแดงเดือดว่าจะมีอะไรกันบ้าง มารับชมรับฟังกันได้เลยครับ
[ แมนฯ ยูไนเต็ด มาเยือน แอนฟิลด์ ไม่เคยรอด ]
มีการเปิดสถิติต่างๆก่อนเกมแดงเดือนระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด และนี่ก็เป็นหนึ่งสถิติที่แฟนผีทุกหมู่เหล่าต่างพากันกังวลใจไม่น้อย นั่นก็คือ ทีมปีศาจแดง ไม่สามารถมาเก็บชัยได้เลยที่ แอนฟิลด์ นานถึง 7 ปีเต็มๆ
โดยชัยชนะล่าสุดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สามาถควัก 3 แต้มออกมาจากบ้านของ ลิเวอร์พูล คงต้องย้อนกลับไปไกลถึง ฤดูกาล 2016 ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล กันเลยทีเดียว
ซึ่งในเกมดังกล่าว แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 จากการซัดประตูชัยของ สุกรโลกันต์ เวย์น รูนี่ย์
แต่ทว่าหลังจากนั้น การมาเยือนในถิ่น แอนฟิลด์ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับกลายเป็นเหมือนฝันร้าย เพราะตลอด 5 เกมหลังสุดที่มาเยือน ทีมปีศาจแดง เก็บได้เพียงแต้มเดียวเท่านั้น แบ่งออกเป็น เสมอ 1 แพ้ 4
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น 2 เกมล่าสุดที่มาเยือน แอนฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด โดนถลุงถังขี้ไปถึง 11 ดอกเน้นๆ แถมยังยิงคืนไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว นับได้ว่าเป็นสถิติที่เจ็บปวดเสียเหลือเกินสำหรับแฟนผีแดง
[ ลินการ์ด คือผู้ทำประตูล่าสุดใส่ ลิเวอร์พูล ]
นอกจากการคว้าชัย จะเป็นเรื่องยากแล้ว การทำประตูใส่ ลิเวอร์พูล ในบ้านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถทำได้เลยในระยะหลัง
ทั้งนี้มีอีกหนึ่งสถิติที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นักก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถมาบวกสกอร์ได้เลย ในยามที่มาเล่นที่ แอนฟิลด์ ตั้งแต่ฤดูกาล 2019/2020
โดยก่อนหน้านั่นที่ทำได้ก็คือ ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2018/2019 ที่บุกไปแพ้ 1-3 และคนที่ยิงประตูดังกล่าวนั่นก็คือ “เจสซี่ ลินการ์ด”
[ ซาล่าห์ จอมเชือดผีแดง ]
โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ เพิ่งฉลองการยิงครบ 200 ประตูเมื่อไม่นานมานี้ โดยสถิติดังกล่าวได้เกิดขึ้นในเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ คริสตัส พาเลซ 2-1 และก็เป็น ซาล่าห์ ที่เป็นคนยิงประตูตีเสมอ และสามารถมาเอาชนะไปได้ในท้ายที่สุด
และเชื่อไหมครับว่าตลอด 48 ทีมที่ โม ซาล่าห์ ได้เผชิญหน้ามา และตลอด 200 ประตูที่ทำได้ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่ถูกโฉลก และพี่แกสามารถตะบันตาข่ายได้มากที่สุด
โดยตลอด 12 นัดรวมทุกรายการที่ ซาล่าห์ ได้ลงสนามเจอกับ ทีมปีศาจแดง พี่แกซัดไป 12 ประตู มากที่สุดในเกมแดงเดือด พ่วงด้วย 4 แอสซิสต์ นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพชรฆาตจอมสังหารผีแดง เลยก็ว่าได้
[ ไมเคิล โอลิเวอร์ เป็นผู้ตัดสิน ]
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้จริงๆนะครับ สำหรับผู้ตัดสินของ พรีเมียร์ลีก ที่มีประเด็นให้พูดถึงกันแทบจะทุกสัปดาห์
โดยผู้ตัดสินที่จะได้รับหน้าที่ตัดสินเกมแดงเดือดคราวนี้นั่นก็คือ ไมเคิล โอลิเวอร์ ซึ่งพี่แกได้ลงตัดสินเกมแดงเดือดที่มาแล้ว 5 ครั้ง แต่ทว่า 5 ครั้งก่อนหน้านี้เป็นการตัดสินที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งสิ้น
โดยเกมในวันอาทิตย์นี้ จะเป็นการตัดสินเกมแดงเดือดที่ แอนฟิลด์ เป็นครั้งแรก ซึ่งสถิติก่อนหน้านี้ที่เคยตัดสินเกมแดงเดือด มาแล้ว 5 ครั้ง ปีศาจแดง สามารถคว้าชัยได้ 2 ครั้ง เสมอ 2 แพ้ 1 ถ้าดูจากมุมนี้ สถิติก็แอบเอียงไปทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด นิดๆ
แต่ทว่า ยามที่ ไมเคิล โอลิเวอร์ ตัดสินที่ แอนฟิลด์ ตลอด 26 เกมที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล สามารถคว้าชัยได้ถึง 16 เกม เสมอ 8 แพ้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น
ซึ่งถ้าเราดูสถิติต่างๆ รวมถึงฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา ก็จะเป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่ดูเหนือกว่าในทุมเหลี่ยมมุมจริงๆ แต่เกมแดงเดือดก็คือเกมแดงเดือดแหละครับ
ถึงแม้ในระยะหลังจะเดือดอยู่แค่ฝั่งเดียวก็ตาม แต่ก็ประมาททางฝั่ง แมนฯ ยู ไม่ได้เหมือนกัน คงต้องมาติดตามกันต่อในวันอาทิตย์นี้ ว่าผลสกอร์จะจบลงที่ฝั่งไหน และใครจะเป็นฝ่ายคว้าชัยในศึกแดงเดือดครั้งนี้ แล้วมาลุ้นไปพร้อมๆกันครับ
- บีเบลล์ กูนเนอร์ -
