โอกาสครั้งที่ 2 ของ แวร์เนอร์ กับ พรีเมียร์ลีก จะปัง หรือจะแป้ก?

ท่ามกลางตลาดซื้อขายหน้าหนาวอันเงียบสงัด แต่ สเปอร์ส ก็เป็นทีมแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่เร่งเดินเครื่องปิดดีลได้เป็นทีมแรกๆในลีก 

ด้วยกระชากตัว ติโม แวร์เนอร์ อดีตหัวหอก เชลซี มาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยสัญญายืมตัว พ่วงออฟชั่นซื้อขาดเพียง 17 ล้านยูโรเท่านั้น ซึ่งเป็นการลงทุนที่เรียกได้ว่าแทบไม่มีความเสี่ยงเลยก็ว่าได้ 

วันนี้ขอบสนาม จะมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของ แวร์เนอร์ ในการกลับมายัง พรีเมียร์ลีก กับสเปอร์ส ครั้งนี้ว่าจะปัง หรือจะแป้ก ลองมาติดตามรับชมรับฟังกันครับ

 

ย้อนความกลับไปในสมัยที่ แวร์เนอร์ ยังค้าแข้งอยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก รอบแรกเรียกได้ว่านี่คืออีกหนึ่งในเพชรเม็ดงามของทีมชาติเยอรมันนีเลยก็ว่าได้ ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น โดยเจ้าตัวกดไปถึง 34 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 45 นัดรวมทุกรายการ ในปี 2019/20

ทำให้ใครหลายคนคิดว่าที่แหละตัวแทน มิโลสลาฟ โครเซ่ อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น แวร์เนอร์ ยังถูกทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปพากันจีบ ทั้ง ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล บาเยิร์น มิวนิค แต่สรุปสุดท้ายแล้ว แวร์เนอร์ ก็เลือกที่จะย้ายมายังถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในปีถัดมา ด้วยค่าตัวกว่า 53 ล้านยูโร

การย้ายเข้ามาของ ติโม แวร์เนอร์ เต็มไปด้วยความคาดหวังของแฟนๆ เชลซี ว่าพี่แกจะระเบิดตาข่ายให้สิ้นซาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนัดแล้วนัดเล่า 

ภาพที่ทุกคนหวังไว้กลับค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้าๆ ด้วยผลงานการทำประตูไม่เป็นดั่งหวัง เพราะตลอด 2 ฤดูกาล กับ เชลซี พี่แกทำประตูได้เพียง 10 ประตูเท่านั้นตลอดการลงสนามทั้งหมด 56 นัดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งถ้าเทียบผลงานกับค่าตัวแล้วถือว่าต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นประตูที่ แวร์เนอร์ ทำได้มักจะลูกจับล้ำหน้าตลอด ด้วยสไตล์การเล่นที่ชอบใช้ความเร็วในการช่วงชิงจังหวะกับกองหลัง ทำให้เจ้าตัวตกเป็นเป้าการเล่นถูกกับดักล้ำหน้าเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง ถ้านับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีกตลอด 56 นัด แวร์เนอร์ ถูกจับล้ำหน้าไปมากถึง 48 ครั้ง

ทำให้สุดท้ายแล้ว แวร์เนอร์ จึงเลือกกลับไปค้าแข้งกับทีมเก่าอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก พร้อมทั้งถูกตีตราว่า เป็นอีกหนึ่งแข้งที่ล้มเหลว แห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปโดยปริยาย

แต่เมื่อกลับมารอบนี้ ฝันร้ายของ แวร์เนอร์ ก็ยังไม่จบ พี่แกถูกปัญหาอาการบาดเจ็บรุ้มเล้า ทำให้ไม่สามารถลงสนามอย่างต่อเนื่อง และจบลงด้วยการทำประตู 9 ประตูเท่านั้น เมื่อฤดูกาล 2022/23 เท่ากับว่า แวร์เนอร์ ไม่สามารถทำประตูเกิน 10 ประตู ได้เลยตลอด 3 ฤดูกาลหลังสุด

แถมฤดูกาลปัจจุบัน แวร์เนอร์ ยังถูกจับเป็นกองหน้าตัวเลือกอันดับที่ 4 เป็นรองทั้ง โลอิส โอเพนดา ที่เพิ่งย้ายทีมเข้ามาใหม่ ไหนจะมี เบนจามิน เซสโก และ ยุสซุฟ โพลเซน อีก

ทำให้เจ้าตัวต้องตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตตัวเองแล้วว่า จะต้องย้ายทีมในตลาดหน้าหนาวแล้วหรือไม่ เพราะศึกยูโร 2024 ที่เขยิบใกล้เข้ามาทุกที และยิ่งสถานกาณ์ของตัวเองเป็นเช่นนี้แล้ว คงเป็นเรื่องยากแน่ๆที่จะมีชื่อติดทีมชาติอีกครั้ง

แต่ทว่าก็มี ข้อเสนอจากพระเจ้าที่ทำให้ แวร์เนอร์ มิอาจปฎิเสธได้ นั่นก็คือการข้อเสนอยืมตัวจาก สเปอร์ส นั่นเอง และนี่ถือว่าเป็นโชคชะตาที่จะได้ กลับมาแก้มือที่ พรีเมียร์ลีก เป็นรอบที่ 2

ยิ่งไปกว่านั้นการขาดหายไปของกัปตันทีมอย่าง ซน ฮึง-มิน ที่ไปรับใช้ทีมชาติเกาหลีใต้ ใน ศึกเอเชี่ยน คัพ ทำให้โอกาสในการลงสนามในตำแหน่งศูนย์หน้า หรือแม้กระทั่งริมเส้นฝั่งซ้าย ก็ถือว่าสดใสไม่น้อยเลยทีเดียว 

แล้วด้วยสไตล์การเล่นของ สเปอร์ส ภายใต้การคุมบังเหียนของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่มีสไตล์การเล่นที่เล่นเกมรุกดุดัน รวดเร็ว ยิ่งเข้าทาง แวร์เนอร์ ไปอีก

และสิ่งที่น่าจับตามองที่สุดเลยก็คือ อังเก้ จะมาปลุกปีศาจในตัวของ แวร์เนอร์ ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งได้หรือไม่ เพราะอย่างที่เราเห็นกัน ไม่ว่าจะเป็น ป๊าป มาตาร์ ซาร์ หรือแม้กระทั่ง อีฟส์ บิสซูมา ที่ดูเหมือนจะหมดอนาคตกับทีมไปแล้ว แต่ อังเก้ ก็ชุบชีวิตนักเตะเหล่านี้ให้เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง

ดีไม่ดีว่า แวร์เนอร์ อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็เป็นได้ ใครจะรู้ว่านี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งดีลที่คุ้มค่าที่สุดของ สเปอร์ส หรือในทางกลับกันอาจจะเป็นดีลที่ล้มเหลวก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

แต่เชื่อเหลือเกินว่าด้วยความมุ่งมั่นที่จะต้องเผชิญหน้ากับเวที พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ซึ่งเป็นที่ๆใครหลายคนต่างปรามาส ดูถูกเหยีดหยามว่าเขาคือแข้งที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับ เชลซี และนี่คือโอกาสอันดีที่ แวร์เนอร์ จะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่า ตัวเขานั้นมีดีพอสำหรับเวทีแห่งนี้รึเปล่า

- บีเบลล์ กูนเนอร์ -