สรุปไทม์ไลน์ อี คัง-อิน ปีนเกลียว ทำเฟี้ยวใส่ ตี๋ซน

โดยมีรายงานว่าถึงขั้นชกต่อยเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่การทะเลาะ และ ห้ามปราบกันเท่านั้น

ก่อนที่ อี คัง-อิน จะแถลงการณ์ขอโทษ เกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ซึ่งการแถลงขอโทษ ก็เป็นการตอกย้ำว่า เขาปีนเกลียวใส่รุ่นพี่ ตี๋ซน จริงๆ ซึ่งมันมีการขุดคุ้ยจากสื่อเกาหลีใต้ โดยมีการอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า เหตุการณ์วันนั้น มันเกิดอะไรขึ้น เพราะมันส่งผลให้ต่อมา คือการแพ้ จอร์แดน 0-2 ร่วงตกรอบ 4 ทีมสุดท้าย เอเชี่ยน คัพ แบบโคตรเซอร์ไพรส์

เรื่องฉาวนี้ เริ่มจาก เดอะ ซัน สื่อจอมขุดคุ้ย แฉว่า นักเตะทีมชาติเกาหลีใต้ มีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น ซึ่งเป็นช่วงวันก่อนเกมที่แพ้ต่อ จอร์แดน 0-2 แบบช็อคโลก โดยมีการโชว์หลักฐานให้เห็นว่า เกมนั้นที่ ซน ฮึง-มิน กัปตันทีม ต้องพันนิ้วกลางกับนิ้วชี้ข้างขวาลงสนาม เป็นเพราะมีเรื่องกับกลุ่มดาวรุ่งในทีม ที่นำโดย อี คัง-อิน

The Sun แฉต่อว่า เหตุการณ์นี้ มันเกิดขึ้นในช่วงรับประทานอาหารเย็น ซึ่งกลุ่มนักเตะดาวรุ่งที่นำมาโดย อี คัง-อิน แนวรุกแห่งค่าย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และอีก 2 คนอย่าง โซล ยอง วู และ จอง วู ยอง ต้องการรีบกินกินข้าวให้หมดเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้มีเวลา ชักชวนพรรคพวกออกไปตีปิงปอง ผ่อนคลายความเครียด

แต่กระนั้น พี่ใหญ่อย่าง ซน ฮึง-มิน รู้สึกไม่พอใจ และ ได้ลุกไปพูดคุยกับพวกดาวรุ่งกลุ่มดังกล่าว เพราะมองว่าช่วงเวลาดินเนอร์ เป็นโอกาสอันดี ในการกระชับความสัมพันธ์ภายในทีม ก่อนเกมสำคัญที่จะต้องเจอกับ จอร์แดน เพราะผลงาน เกาหลีใต้ กระท่อนกระแท่นมาตลอด ต้องเล่น 120 นาที ถึง 2 เกม ทั้งนัดชนะจุดโทษ ซาอุดิอาระเบีย 4-2 หลังเสมอในเวลา 1-1 และ ชนะ ออสเตรเลีย 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

แต่กลุ่มดาวรุ่งบางคนไม่พอใจ และ พูดจาสวนกลับแบบไม่เคารพรุ่นพี่ จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น และ ในช่วงที่มีการห้ามปรามให้ทุกอย่างเย็นลง กลายเป็นว่านิ้วกลางข้างขวาของกัปตันทัพเกาหลีใต้ ได้รับบาดเจ็บ จนต้องพันผ้าลงสนามในเกมดวลกับ จอร์แดน

ก็พอกระแสข่าวออกไป ทัวร์ลงใส่ อี คัง-อิน หนักมาก เพราะเป็นเด็กทำไมถึงไปปีนเกลียวใส่รุ่นพี่ ยิ่งเป็น ซน ฮึง-มิน ที่เปรียบเสมือนเป็นสุภาพบุรุษลูกหนังเลยด้วยซ้ำ เรียกว่าแฟนๆชาว เกาหลีใต้ เดือดหนักสุดๆ

ซึ่งถ้าใครดูซีรี่ส์เกาหลี บ่อยๆ จะเห็นเลยว่า การเคารพรุ่นพี่ รุ่นน้อง เป็นสิ่งสำคัญ เวลาฉากไหนที่ตัวละครพูดห้วนๆไม่มีหางเสียง จะโดนดุทันที !!

และ ที่มันเดือดไปกว่านั้นคือ มันมีสื่อดังแดนกิมจิ อย่าง "ยอน ฮับ" รายงานว่า เจ้าหน้าที่ของสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ (KFA) ยืนยันว่า เหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งภายในทีมระหว่างช่วงฟุตบอลเอเชียน คัพ เป็นความจริง 

แต่ไม่เพียงเท่านั้น เพราะ ยอน ฮับ ได้อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า เดอะ ซัน ลงรายละเอียดการชกต่อยคลาดเคลื่อนไปหน่อย เพราะที่จริงแล้วกลุ่มดาวรุ่งอย่าง อี คัง อิน, โซล ยอง วู และ จอง วู ยอง ได้เล่นปิงปองกันอยู่ก่อนแล้ว จนเมื่อ ซน และ คนอื่นมาถึงห้องอาหาร ก็บอกให้กลุ่มเด็กๆที่เล่นปิงปองอยู่ ลดเสียงลงหน่อย แต่ทั้งสามคนกลับทำหูทวนลม ไม่ยอมรับฟัง

ดังนั้น ซน โกรธมาก เลยคว้าคอเสื้อ อี คัง-อิน แต่ อี คัง-อิน เหวี่ยงหมัดตอบโต้กลับมา ถึงแม้ว่า ตี๋ซน จะหลบได้ แต่หมัดไปโดนนิ้วจนซ้น ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นจะพยายามแยกทั้งคู่ออกจากนั้น

หลังจากนั้น นักเตะซีเนียร์ภายในทีม พยายามขอร้องให้ เจอร์เก้น คลินส์มันน์ กุนซือใหญ่ ถอดชื่อ อี คัง-อิน ออกจากเกมเจอ จอร์แดน แต่ คลินส์มันน์ ไม่ได้ถอดออกจากทีม ซึ่งบางทีอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความสามัคคีไม่เหมือนเดิม และ แพ้ต่อ จอร์แดน ไป 0-2

ถ้าเป็นเรื่องข่าวฉาว ขอ เคลียร์ เลยว่า The Sun คือ เทียร์ 1 จริงๆ เรื่องราวซุบซิบ หรือ ความบาดหมางนอกจาก สื่อแท็บลอยด์นี้จากอังกฤษ มักจะเคลียร์ได้แม่นยำเสมอ และ มันก็เคลียร์ชัดๆว่า นี่คือเรื่องจริง 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีปรุงแต่ง

เพราะว่า อี คัง-อิน ออกมาแถลงการณ์ยอมรับแบบตรงๆว่า เขาประพฤติตัวไม่เหมาะสมจริงๆ ถึงแม้ เอเจนซี่ตัวแทน จะปฏิเสธว่า แค่มีปากเสียงกันก็ตาม

อี คัง-อิน แถลงยอมรับว่า : "สวัสดีครับ ผมคือ อี คัง-อิน จากกระแสข่าวที่ออกไปว่า อี คัง-อิน ทะเลาะกับ ซน ฮึง-มิน หลังเกมในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอล เอเชียน คัพ ก่อนที่ เกาหลีใต้ จะลงสนามเจอกับ จอร์แดน"

"ผมขอโทษที่ทำให้แฟนบอลของเราต้องผิดหวัง ผมขอโทษจริงๆ ผมควรจะเป็นผู้นำที่ดีกว่านี้  และ ทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่อย่าง ซน ฮึง-มิน ผมขอโทษที่แสดงภาพลักษณ์ที่ไม่ดีออกมา ผมตระหนักถึงสิ่งที่แฟนฟุตบอลคาดหวังอยู่เสมอ จากนี้ไปผมจะพยายามทำให้พี่น้องในทีมสามัคคีกลมเกลียวกัน และจะทำให้สถานการณ์ทุกอย่าง ของทีมชาติเกาหลีใต้ มันดีขึ้นมา"

ถึงแม้จะมีแถลงการณ์ขอโทษ แต่เอฟเฟ็กต์ความเดือดครั้งนี้ มันมีผลร้ายแรงเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ เจอร์เก้น คลินส์มันน์ โดนปลดจากตำแหน่งกุนซือเรียบร้อย เซ่นผลงานการตกรอบ และ ปกครองควบคุมทีมไม่ได้

เอฟเฟ็กต์ต่อมา คือการที่ ชุง มอง-กิว ประธานสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ ได้ออกมาเคลื่อนไหว และ เตรียมลงโทษทางวินัยกับ ซน ฮึง-มิน และ อี คัง-อิน ด้วยการเตรียมแบน 2 คนนี้ ในเกมที่จะเจอกับทีมชาติไทย ในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ช่วงเดือนมีนาคม  โดยแถลงการณ์เอาไว้ว่า 

“ในส่วนที่เกี่ยวกับการลงโทษทางวินัย ผมได้ตรวจสอบแล้ว แต่เพราะพวกเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในประเทศ มาตรการทางวินัยเดียวที่เราสามารถทำได้คือการไม่เรียกพวกเขาติดทีมชาติชุดต่อไป มันเป็นสิ่งที่เราจะต้องหารือกับโค้ชคนใหม่”

ยังไม่จบแค่นั้น โดยเฉพาะกับ อี คัง อิน ที่จะโดนลงโทษ และ ทัวร์ไปลงมากกว่าเดิม เพราะมีแฟนบอลเกาหลีใต้ เรียกร้องให้ สมาคมฟุตบอล มีการแบน อี คัง-อิน ไม่ให้ลงสนามในนามทีมชาติอีกเลย รวมไปถึงตอนนี้แบรนด์สินค้าที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็สั่งปลดรูป และ งดการโปรโมทไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

เรียกว่า อนาคตที่กำลังส่องสว่าง กลายเป็นมืดมนไปซะอย่างนั้น เชื่อว่าในอนาคตระหว่าง ซน ฮึง-มิน กับ อี คัง-อิน คงเคลียร์ใจกันได้ แต่บาดแผลที่มันสร้างอยู่ในใจแฟนบอล เกาหลีใต้ มันจะลบได้หรือเปล่า ต้องให้เวลาเป็นคำตอบ !