ด้วยผลงานที่โดดเด่นเช่นนี้ บวกกับการประกาศลงจากตำแหน่งกุนซือของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้ คุณชายแห่งแอนฟิลด์ ตกเป็นเต็งหนึ่ง ที่จะมาสานต่อผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล ในทันที
แต่ทว่าเรื่องกลับไม่ง่ายแบบนั้น เพราะ ไซม่อน โรลเฟส ผู้บริหารทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า กุนซือชาวสแปนิช จะอยู่คุมทีมต่อในซีซั่นหน้า
อีกทั้งสื่อหลายสำนักยังประเคนข่าวกันว่า ชาบี อลอนโซ่ ยังสนใจงานที่ บาเยิร์น มิวนิค มากกว่า ด้วยเหตุนี้เองทำให้ ลิเวอร์พูล อาจจะต้องเตรียมแผนสำรองในกรณีฉุกเฉินหากไม่สามารถดึงตัว ชาบี อลอนโซ่ มารว่มงานได้หลังจมฤดูกาลนี้
ว่าแล้ว วันนี้ ขอบสนาม จะพามาดู ตัวเต็งกุนซือ หากไม่ได้ อลอนโซ่ ใครมาคุมทีม หงส์แดง จะเป็นใครกันบ้างเชิญรับชมได้เลยครับ
[ รูเบน อโมริม ]
รูเบน อโมริม อีกหนึ่งตัวเต็งกุนซือของ ลิเวอร์พูล ที่มีข่าวอยากหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยกุนซือหนุ่มวัย 39 มีผลงานที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากด้วยการพา สปอร์ตติ้ง ลิสบอน รั้งอันดับ 2 ของตาราง แต่แข่งน้อยกว่า 1 เกม มีโอกาสไม่น้อยหากพวกเขาชนะอีกนัดนัดก็จะขึ้นในตำแหน่งจ่าฝูงทันที
โดยกุนซือหนุ่มรายนี้ตกเป็นข่าวกับหลายสโมสรไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า ที่อยากได้เจ้าตัวมานั่งเก้าอี้แทน ชาบี เอร์นานเดช ที่จะอำลาทีมไปหลังจบฤดูกาลนี้
อีกทั้งด้วยวัยเพียง 39 ปี แน่นอนเขาเป็นกุนซือยุคใหม่ ที่ชอบศึกษาเรื่องแทคติคเกมลูกหนังเป็นอย่างมาก และเป็นกุนซือที่ชอบหาแนวคิดอะไรใหม่ๆมาใช้งานอยู่เสมอ โดยเจ้าตัวได้รับการขนานนามว่า เป็นหนึ่งในโค้ชอายุน้อยที่ฉลาดที่สุดของยุโรป
ประกอบกับผลงานที่ยอดเยี่ยมมากเหลือเกิน นับตั้งแต่ที่ อโมริม มาคุม สปอร์ตติ้ง ลิสบอน เมื่อปี 2020 เจ้าตัวก็ได้สร้างสถิติที่น่าเหลือเชื่อมากมายด้วยการชนะ 134 แมตซ์ จากการลงสนาม 192 เกม พาทีมคว้าแชมป์ลีกในรอบ 19 จากการคุมทีมในฤดูกาลแรกเท่านั้น
รูเบน อโมริม มีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 30 ล้านยูโร เท่านั้น ดังนั้นหากทีมไหนต้องการก็ต้องกล้าทุ่มเงินซะหน่อย ซึ่งถ้าเทียบกับผลงานที่ผ่านมามาของเจ้าตัว ราคานี้ถือว่าไม่แพงเลย
[ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ]
คนต่อมาอีกหนึ่งกุนซือหนุ่มไฟแรงนั่นก็คือ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ อีกหนึ่งตัวเต็งหาก ลิเวอร์พูล ไม่ได้ อลอนโซ่ มาคุมทีม
โดย นาเกลส์มันน์ มีสัญญากับทีมชาติเยอรมันจนถึงสิ้นสุดการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปในช่วงซัมเมอร์ ทำให้หลายสื่อก็ตีข่าวกันว่า ลิเวอร์พูล เองก็สนใจในตัวโค้ชหนุ่มรายนี้เช่นเดียวกัน
แม้จะมีผลงานการคุมทีมทั้งกับ ทีมชาติเยอร์มัน และ การคุมทีมระดับสโมสรอย่าง บาเยิร์น มิวนิค จะไม่ดีซะเท่าไหร่ แต่ด้วยประสบการณ์ในการคุมทีมระดับแนวหน้ามาแล้ว ไม่แปลกใจเลยทำไม ลิเวอร์พูล ถึงเบนเป้าไปที่ตัวเขา
บวกกับสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรุกดุดัน การวิ่งไล่เพรสซิ่งบีบพื้นที่คู่แข่งอยู่ตลอดเวลา เป็นเหมือนสูตรสำเร็จที่ทำให้ นาเกลส์มันน์ ได้รับคำยกย่องอย่างแพร่หลาย ที่สำคัญคือความยืดหยุ่นของแท็คติก และการแก้เกมที่เราเห็นมาแล้วว่ามีดีขนาดไหน
อีกจุดคือการเค้นศักยภาพของนักเตะ เพราะที่ผ่านมา นาเกลส์มันน์ สามารถขัดเกลาแข้งหลายๆ คนให้ก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ติโม แวร์เนอร์, โจลินตอน หรือ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่
แน่นอนว่าทั้งอุดมการ หรือสไตล์การเล่น รวมไปถึงการเน้นใช้งานผู้เล่นจากอคาเดมี่ ซึ่งมันตรงโจทย์ และคอนเซ็ปกับการทำทีม ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก
[ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ]
แม้ว่าทางสโมสร ไบรท์ตัน จะยืนยันว่าจะไม่มีทางปล่อย เด แซร์บี้ ไปคุม ลิเวอร์พูล อย่างแน่นอน แต่เราเห็นมากันนักต่อนักแล้วว่า วงการมายาในโลกฟุตบอล นั้นเชื่ออะไรไม่ได้
สมมุติถ้า ลิเวอร์พูล เกิดยื่นข้อเสนอไป คงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายแย่หาก เด แซร์บี้ ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว
กุนซือชาวอิตาเลี่ยนผู้นี้ มีสไตล์การเล่นชัดเจน เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ที่สำคัญ เด แซร์บี้ เป็นคนที่มีบุคลิกที่คล้ายๆ กับ คล็อปป์ ซึ่งเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นกระตือรือร้น และเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่จะคว้าชัยชนะในทุกเกม
อีกทั้งเจ้าตัวยังได้เปรียบตรงที่มีประสบการณ์คุมทีมใน พรีเมียร์ลีก อยู่แล้วไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก แถมผลงานในสนามก็ยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กันแม้จะไม่ได้โดดเด่นเหมือนฤดูกาลที่ผ่านมา ในการคุมทีมอย่าง ไบรท์ตัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก เด แซร์บี้ สามารถนำ ไบรท์ตัน ประสบความสำเร็จทั้งอันดับในตารางศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และมีโทรฟี่แชมป์ติดไม้ติดมือ แน่นอนว่านี่จะเป็นใบเบิกทางที่ดีเยี่ยมที่ทำให้เขาคู่ควรกับตำแหน่งทายาทคล็อปป์
-บีเบลล์ กูนเนอร์-
