logo-heading

อีกครั้งในซีซั่นนี้ ที่ผมออกจากสนาม ช้าง อารีนา หรือ บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม เมื่อยามเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วทีมเจ้าบ้านเก็บชัยชนะได้ หากเป็นการเก็บชัยเหนือทีมคู่แข่งในไทยลีก ก็คงไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายนัก

แต่รอยยิ้ม และความสะใจของแฟนบอลคราวนี้ มันยิ่งใหญ่กว่าเก่า เพราะพวกเขาได้รับชัยชนะจากทีมที่กำลังเป็นจ่าฝูงของ เค ลีก เกาหลีใต้ ซึ่งมีแต้มนำห่างอันดับสองถึง 10 คะแนน ทั้งที่เพิ่งแข่งไปแค่ 12 เกมเท่านั้น นั่นคือ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ชุนบุค พกดีกรีการเป็นแชมป์เคลีก 5 สมัย จาก 9 ปีหลังสุด (3 สมัยจาก 4 ปีหลังสุด) และมีดีกรีเป็นแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย มาเยือนบุรีรัมย์ “แต่ดีกรีมากมาย ไม่สามารถข่มขู่ บุรีรัมย์ ได้” นักเตะบุรีรัมย์ ลงเล่นแบบไม่กลัวเกรงศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่ผู็มาเยือน และคาดหวังชัยชนะ ไม่ใช่ลงสนามเพื่อยันเสมอ แม้จะขาดนักเตะหลายคน ทั้ง รัตนากร ใหม่คามิ, จักรพันธ์ แก้วพรม หรือ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่ยังคงมีปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ด้วยระบบ 3-5-2 ที่มีเสถียรภาพมากๆ ทำให้นักเตะที่ถูกส่งลงสนามไปแทนที่ ก็ทำผลงานได้ไม่ต่างกัน และสิ่งที่ทุกคนมีลงสนามเสมอ นั่นคือ “ใจ และความมุ่งมั่น” ชัยชนะเหนือ ชุนบุคฯ ที่ต้องขอซูฮก บุรีรัมย์ อีกครั้ง บุรีรัมย์ มีดาวเตะต่างชาติที่สร้างความแตกต่างได้ทั้งสามพื้นที่ในสนาม กองหลังมี อันเดรส ตูเญซ กองกลางมี ยู จุน ซู และกองหน้ามีทั้ง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ และ เอ็ดการ์ ซิลวา คอยจบสกอร์ และเพียงแค่ 6 นาที สองแข้งต่างชาติก็ทำให้สกอร์ของเกมเปลี่ยนได้ เมื่อ ยู จุน ซู ลากบอลขึ้นไปแล้วเปิดอย่างแม่นยำให้ที่จุดนัดพบ ก่อน เอ็ดการ์ จะโขกประตูขึ้นนำ 1-0 ให้บุรีรัมย์ และนั่นทำให้อะไรที่คิดว่ายาก กลับดูง่ายขึ้นทันที ครึ่งแรก บุรีรัมย์ ทำงานกันได้ดีมาก พวกเขาได้ออกไปพัก 15 นาที ด้วยการเป็นฝ่ายขึ้นนำ และดูเหมือนว่า ฝั่งของ ชุนบุค กำลังมีปัญหาจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยอีกสิ่งหนึ่งที่ “ปราสาทสายฟ้า” ทำได้ดีในครึ่งแรกคือ การไม่ให้โอกาส คาร์ลอส อาเดรียโน่ อดีตกองหน้า เอฟซี โซล ที่เคยยิงบุรีรัมย์คนเดียว 4 ประตู ซึ่งทำให้ครึ่งแรก ชุนบุค ยังผลิตสกอร์ไม่ได้ ทว่าครึ่งหลัง เริ่มต้นมาเพียง 5 นาที ชุนบุคฯ ที่ใช้บอลไดเร็คท์ โจมตีด้วยวิธีโยนจากริมเส้น เนื่องจากกองกลางของบุรีรัมย์ ดูจะมีพลังงานมากกว่าอย่างชัดเจน และพวกเขาก็มาประสบผลเมื่อ ริคาร์โด โลเปซ ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ “แต่สกอร์ที่กลับมาเท่ากัน ก็ไม่อาจทำให้บุรีรัมย์ ถอดใจ และโมเมนตัมของเกมก็ไม่ได้เปลี่ยนแต่อย่างใด” นาทีที่ 60 แฟนบอล “เซราะกราว” ได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้ง เมื่อ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ปั่นฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา เข้าประตูชนิดที่ผู้รักษาประตูของ ชุนบุคฯ ไม่ได้ขยับตัวเลยด้วยซ้ำ ซึ่งนับเป็นการยิงฟรีคิก 2 ลูกใน 2 เกมของเขา หลังจากเพิ่งยิงไปเมื่อเกมถล่ม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 4-0 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และนี่คือฟรีคิกประตูที่ 3 ของบุรีรัมย์ ในรอบ 2 นัด กลายเป็นอีกหนึ่งอาวุธหลักสำหรับผลิตสกอร์ไปซะแล้ว ชัยชนะเหนือ ชุนบุคฯ ที่ต้องขอซูฮก บุรีรัมย์ อีกครั้ง   ไม่เพียงแค่นั้น นาทีที่ 69 เอ็ดการ์ ซิลวา กองหน้าผู้เก้งก้าง และไม่คมเอาซะเลยในลีก กลับสร้างปรากฏการณ์ โชว์ลากบอลเกินครึ่งสนามเข้าไปซัดอย่างสวยงาม ให้ทีมขึ้นนำ 3-1 นี่คือเหตุผลว่าทำไม โบซิดาร์ บันโดวิช ยังคงส่งเขาลงสนาม แม้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยเอ็ดการ์ ที่ยิงในลีกแค่ 3 ประตูจาก 13 เกม กลับยิงใน เอซีแอล ไปแล้วถึง 4 ประตู จาก 7 เกมเท่านั้น โอเคหล่ะ อาจจะน่าเสียดายไปบ้าง เมื่อบอลโยนยาวของ ชุนบุคฯ มาประสบผลอีกครั้งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้พวกเขาไล่มา 2-3 แต่การที่บุรีรัมย์เก็บชัยชนะได้ในบ้าน โดยที่นักเตะทุกคน ลงเล่นแบบมีความกระหาย มีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจ มันก็ถือว่าสุดๆ แล้วที่เราได้เห็นบรรยากาศแบบนั้นที่สนามสดๆ ศศลักษณ์ ไหประโคน และ ศุภชัย ใจเด็ด สองดาวรุ่ง เป็นสองแข้งที่น่าชื่นชมมากๆ โดยเฉพาะ “เจ้าพี” ที่โดดเด่น วูบวาบทุกเกมที่ได้โอกาสลงสนาม แม้จะถูกจับไปเล่นฝั่งขวาที่ไม่ถนัด จน ดิโอโก้ ต้องให้ฉายาว่า “ร็อบเบน แบล็ค” เลยทีเดียว แน่นอนว่า การไปเยือน ชุนบุคฯ ในสัปดาห์หน้า จะเป็นงานที่ยากที่สุดของ บุรีรัมย์ ครั้งหนึ่งในฤดูกาลนี้เลย เพราะพวกเขาจะต้องเจอชุนบุคฯ ในรูปแบบที่อยากเอาชนะ และพร้อมจะทำเกมบุกทุกทิศทาง ดาหน้าเข้าใส่อย่างหนักหวังทำประตูขึ้นนำ ไม่ใช่แค่บอลไดเร็คท์อย่างเมื่อวานแน่นอน แต่ความมั่นใจของ ชุนบุคฯ ก็อาจจะต้องกลัวเกรงผลงานของ บุรีรัมย์ ในการไปเยือนเกมระดับทวีปอยู่เหมือนกัน เพราะ “ปราสาทสายฟ้า” ไม่แพ้เลยสามนัดก่อนหน้านี้ในรอบแบ่งกลุ่ม (เสมอ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 1-1, เสมอ เซเรโซ่ โอซาก้า 2-2 และ บุกชนะ เจจู ยูไนเต็ด 1-0) อีก 1 สัปดาห์เราจะได้รู้กันว่า บุรีรัมย์ ที่ไม่เคยแพ้ในเกมเยือน กับ ชุนบุค ที่เกมชัยได้ 3 นัดรวดในเกมเหย้า ของรอบแบ่งกลุ่ม ใครกันแน่ที่จะได้เข้ารอบต่อไป และหากบุรีรัมย์ สามารถทำได้สำเร็จ ผมว่ามันไม่ใช่ความเซอร์ไพรส์แล้วแหล่ะ แต่มันคือผลของความพยายาม และการทำงานอย่างหนักร่วมกันโดยแท้จริง….

"จอน"

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline