logo-heading

เป็นฤดูกาลที่ออกสตาร์ทได้น่าผิดหวังสำหรับ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทองฯ เจ้าของแชมป์ไทยลีก 4 สมัย และเป็นรองแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อย่างไรก็ดีเลกสองนี้คงจะต้องเสริมทัพกันยกใหญ่ วันนี้เรามาดูกันว่าทีมอย่างเมืองทองฯ ควรจะเสริมตรงไหนอย่างไร แล้วมีใครน่าสนใจในตลาดไทยลีกบ้าง

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี่คือคอลัมน์ใหม่ของทีมงาน "ขอบสนามบอลไทย" สำหรับ (ซัดตรงกรอบ) ซึ่งเราจะมาเจาะลึกถึงปัญหาหรือเรื่องเฉพาะเจาะจงในฟุตบอลไทยที่เกิดขึ้น แบบตรงไปตรงมา เกาให้ถูกจุด อะไรประมาณนี้ ซึ่งเราก็เริ่มต้น EP1. ด้วยทีมกิเลนผยอง โดยว่ากันที่เรื่องของการเสริมทัพในเลกสองว่าควรแก้ตรงไหนอย่างไร ซึ่งในช่วงนี้ใกล้จะจบเลกแรก และตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองก็กำลังจะเปิดขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ หลายๆ ทีมก็เริ่มขยับเขยื้อนเสริมทัพกันบ้างแล้ว หลายๆ ทีมก้ยังจดๆ จ่องๆ เจรจา ทาบทามกันอยู่ ก็ว่ากันไป ซึ่งเราก็จะเจาะกันไปทีละทีม วันนี้เริ่มที่เอสซีจี เมืองทองฯ เอาล่ะเข้าเรื่อง อย่างที่เรารู้กันว่าปีนี้กิเลนผยองมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ ปล่อยกำลังหลัก 4 คนไปค้าแข้งต่างประเทศ ทำให้สมดุลของทีมเสียไป แม้นักเตะที่เหลืออยู่ชื่อชั้นก็ตัวทีมชาติ และแข้งนอกเกรดเอทั้งนั้น แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่พอ และไม่เวิร์ค ซัดตรงกรอบ EP.1 : กิเลนผยอง ต้องเสริมตรงไหน แล้วเอาใครดี อีกปัญหาที่ทำให้กิเลนผยองเล่นผิดฟอร์มในซีซั่นนี้คือบรรดานักเตะบาดเจ็บไล่ตั้งแต่กองหลังยันกองหน้า นักเตะที่มีอยู่ก็ทดแทนกันไม่ได้ จนต้องให้ เฮแบร์ตี้ กับ ทริสตอง โด กลายมาเป็นเดอะแบกของทีม ปัญหาใหญ่เลยคือกองหลังที่ทั้งตัวจริงตัวสำรองเจ็บกันหมด เหลือที่ใช้งานได้จริงๆ ตัวเดียวเท่านั้น คือ นาโออากิ อาโอยามะ ต้องเอาดาวรุ่งอย่าง พัชรพล อินทนี ลงมาเล่น ซึ่งจะให้ยืนระยะยาวๆ ก็คงไม่ไหว แต่โชคดีที่ตอนนี้ได้ อดิศร พรหมรักษ์ กลับมา แต่ก็ไม่รู้จะเจ็บไปอีกหรือเปล่า ส่วน เซลิโอ ก็หายไปยาวเลย แน่นอนว่าเป้าหมายแรกของเมืองทอง คือการหาเซ็นเตอร์แบ็กแบบใช้งานได้เลยเข้ามาสู่ทีม ถ้าจะเอาตัวไทยก็มีตัวเลือกอยู่ไม่กี่คน ถ้าจะเอาจริงก็ต้องเป็นพวกบรรดาทีมชาติ ซึ่งก็มีข่าวอยู่ด้วยเหมือนกันกับทีมทางแถบอีสาน หรือถ้าจะเอาต่างชาติมาก็คงต้องโละคนเก่าออกไป ดูแล้วหวยก็คงไปตกที่ เซลิโอ ถ้าเลกสองยังไม่หายเจ็บกลับมา นอกจากเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ แล้วในแผงหลังอีกตำแหน่งที่ควรหามาเพิ่มคือแบ็กขวา เพราะถ้าจะดัน โด ขึ้นไปเล่นปีก คงจะต้องหาตัวมาสแตนบายอีกคน ที่มีอยู่อย่าง สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ ก็คงเล่นทั้งฤดูกาลไม่ไหว เจ็บไปก็แย่เลย อย่างเกมที่แล้วเอา วัฒนา ไปเล่น ก็หยุดแนวรุกเซราะกราวไม่อยู่ ซัดตรงกรอบ EP.1 : กิเลนผยอง ต้องเสริมตรงไหน แล้วเอาใครดี แผงกลางจริงๆ ไม่ต้องเสริมใครแล้ว สมมติว่าจะเอากองหลังชาวไทยเข้ามา ก็สลับโควต้าต่างชาติจาก เซลิโอ เป็น อี โฮ แค่นั้นจบ ถ้ามีกองกลางกิมจิละก็รับรองแผงมิดฟิลด์แน่นขึ้นเยอะ แถม อี โฮ ยังเล่นเซ็นเตอร์ได้ด้วยในคราวจำเป็น ร่างกายก็ฟิตไม่มีเจ็บง่ายแน่นอน เกมรุกก็เป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของกิเลนผยองในเลกแรกที่ผ่านมา เพราะขาดกองหน้าตัวจบสกอร์ และตัวขึ้นเกมริมเส้น ตรงนี้ก็แก้ไม่ยาก เรื่องตัวริมเส้นเอา เลอันโดร อัสซัมป์เซา กลับมาตัวเดียวทุกอย่างจบ เล่นเข้าขากับ เฮแบร์ตี้ อยู่แล้ว เรื่องยิงก็ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ปัญหาคือจะเอามาแทนใคร ส่วนตัวเป้าถ้ายังไว้ใจ จาจ้า ว่าจะกลับมาฟิตและเล่นได้ทุกเกมก็ควรเก็บเอาไว้ เพราะเชื่อว่าฝีเท้าของเขาถ้าไม่เจ็บนี่เล่นให้เมืองทอง ได้สบาย แต่ถ้ากลับจะเจ็บยาวแบบที่ผ่านมาก็ควรจะเปลี่ยน แต่ถ้าจะเอา อัสซ่า กลับมาจริงๆ โควต้าที่จะเปลี่ยนต่างชาติอีกคนคงจะต้องเป็นตัวอาเซียน ซึ่งเลกแรกเมืองทองส่งรายชื่อต่างชาติแค่ 4 คน คือ เซลิโอ,เฮแบร์ตี้,จาจ้า และ อาโอ โควต้าเอเชีย ดังนั้น ถ้าจะเปลี่ยนแปลงตามกฎคือได้ 2 คน สมมติว่าเอา อี โฮ เข้ามาแทน เซลิโอ และ อัสซ่า ถ้าจะดึงกลับมา ก็คงต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเก็บ จาจ้า หรือ อาโอ ไว้ เพราะถ้าได้กองหลังคนใหม่เข้ามาก็น่าจะโอเค คราวนี้เพื่อเพิ่มตัวเลือกในเกมรุกหรือเกมรับก็ตามอย่าลืมว่าเมืองทองฯ ยังมีโควต้าอาเซียน ที่ไม่ได้ใช้ในเลกแรก ซึ่งนักเตะที่มีอยู่คือ ไบฮัคกี้ ไคซาน กองหลังทีมชาติสิงคโปร์ที่ปล่อยไปให้อุดร ยืมตัว ถ้าเอากลับมานี่ใช้งานได้เลย ไม่ต้องไปหาคนใหม่ หรือไม่ก็ต้องไปหากองหน้าอาเซียนคมๆ เพิ่มเข้ามา ซัดตรงกรอบ EP.1 : กิเลนผยอง ต้องเสริมตรงไหน แล้วเอาใครดี มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงๆ สรุปคือเมืองทอง ในเลกสอง เปลี่ยนต่างชาติสองคน คือไม่ต้องไปหาตัวใหม่เอาตัวเก่าที่มีอยู่อย่าง อัสซัมป์เซา กับ อี โฮ มาแทนที่ เซลิโอ ที่เจ็บ กับ อาโอยามะ ในโควต้าเอเชีย และก็ไปดึง ไบฮัคกี้ ไคซาน กลับมายืนเซ็นเตอร์ พร้อมทั้งไปหากองหลังชาวไทยเก่งๆ มาอีกสักคน แค่นี้ก็น่าจะทำให้พวกเขากลับมาได้ในเลกสอง ไว้คราวหน้ากลับมาเจอกันใหม่ใน ซัดตรงกรอบ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดี
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline