logo-heading

น่าเสียดายแทนแฟนๆ บุรีรัมย์ ที่เมื่อวานนี้ต้องตกรอบ 16 ทีมในศึกฟุตบอลถ้วยใหญ่ของเอเชียอย่าง "เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2018" หลังแพ้ต่อชุนบุคฯ แชมป์เคลีก ด้วยสกอร์รวม 4-3 เอาจริงๆ เมื่อวานนี้ก็คงไม่ใช่เพียงแฟนบอลเซราะกราวอย่างเดียวที่เอาใจช่วย แฟนบอลทีมอื่นๆ เอง รวมทั้งคนไทยก็คงตามเชียร์ให้กำลังใจอยู่ไม่น้อย

แต่เอาละสุดท้ายบอลมันก็เตะจบไปแล้ว และรอบ 8 ทีมสุดท้ายในถ้วยเอเชีย ปีนี้ก็ไม่มีชื่อทีมแชมป์ไทยลีกอีกต่อไป ก็คงต้องไปว่ากันใหม่ในฤดูกาล 2019 ซึ่งบุรีรัมย์ ก็คงจะได้กลับไปแก้มืออีกครั้ง คราวนี้เราลองมาว่ากันที่สาเหตุที่ทำไมบุรีรัมย์ ถึงตกรอบ ไม่ได้ไปต่อ ทั้งๆ ที่เกมแรกเล่นได้ดีกว่า และเป็นผู้ชนะด้วย ผมวิเคาระห์ออกมาได้ 5 ข้อดังนี้ 1.อเวย์โกลที่ไม่น่าเสีย เหตุผลแรกเราคงต้องมาว่ากันที่ผลการแข่งขัน เมื่อรวมผลสองนัดแล้วบุรีรัมย์แพ้แชมป์เคลีก 4-3 เกมแรกที่บ้านเซราะกราว พวกเขาชนะมาได้ 3-2 ก็จริง หลายคนก็ซูฮกกันใหญ่หลังจบเกมเพราะล้มแชมป์จากเกาหลีได้ ซึ่งผมก็คิดเช่นนั้นตอนที่นำอยู่ 3-1 ถ้าเกมแรกจบด้วยสกอร์นี้ โอกาสเข้ารอบมันยังเปิดกว้างมาก แม้จะโดนอเวย์โกลไปลูกนึงก็ตาม แต่พอมาโดนลูกสองท้ายเกม ผมรู้เลยว่าประตูนี้แหละมันจะทำให้ชุนบุคฯ เข้ารอบ และสุดท้ายมันก็เป็นเช่นนั้น โอเคละถึงแม้สมมตินัดแรกบุรีรัมย์ ถ้าชนะมา 3-1 จริงๆ เกมนี้มาโดน 2-0 ก็ตกรอบอยู่ดี แต่ถ้าชนะมาด้วยสกอร์ห่างสองลูกมันคงเล่นง่ายกว่านี้ และอีกอย่างเมื่อวานโอกาสเจ้าถิ่นเยอะก็จริง แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น และจริงๆ แล้วละก็น่าจะชนะแค่ 1-0 ด้วยซ้ำถ้าไม่มาได้ฟรีคิกสุดเทพลูกนั้นเข้าไปทำให้สกอร์มันขาดเป็น 2-0 แต่เมื่อวานพูดถึงบุรีรัมย์ เองก็แทบไม่มีโอกาสยิงเขาเลย มีแค่ลูกที่ จักรพันธ์ พลิกไปพลิกมาก่อนจะกลับตัวยิงเช็ดคานออกไปลูกเดียวเท่านั้น นั่นแหละที่จะบอกก็คือถ้าไม่โดนอเวย์โกลลูกสองในเกมแรกนั้น มันก็คงจะได้ลุ้นมากกว่านี้ และคงไม่เหนื่อยเท่ากับเมื่อวาน 2.ความฟิตเป็นรอง แน่นอนว่านักเตะเกาหลี ทีมฟุตบอลเกาหลี จะหลีใต้ หรือหลีเหนือ สิ่งที่ขึ้นชื่อของพวกเขาก็คือเรื่องความฟิตเป็นเลิศ ด้วยอนุภาพแห่งพลังโสมตังกุยจั๊บ (ไม่ใช่ละ) นั่นแหละเรื่องความฟิตเราสู้เขาไม่ได้แน่นอน และยิ่งเกมนี้เล่นในบ้านเขาด้วย เราเป็นรองเห็นได้ชัด เกมแรกที่บ้านของเราเขาเล่นไม่ดี ส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของสภาพอากาศที่มันร้อนระอุ และเราก็เห็นว่าพวกเขาก็มีหมดแรงเหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังยิงเราได้ถึง 2 ลูก ซึ่งนั่นก็ย้อนกลับไปที่ข้อแรกเรื่องอเวย์โกล คือเราน่าจะอาศัยความได้เปรียบที่เล่นในบ้านทำได้ดีกว่าชนะ 3-2 อีกอย่างที่ทำให้เราเป็นรองเรื่องความฟิตก็คือการเหนื่อยล้าที่เตะไทยลีกมาถี่ๆ (อันนี้ไม่ใช่ข้ออ้างเพราะเกาหลีก็เตะเหมือนกัน แต่แค่จะบอกว่าทำไมนักเตะบุรีรัมย์ถึงล้า) พวกเขาเตะเกมลีกจบกับเทโรฯ วันเสาร์ที่ 12 พ.ค. ตอนสองทุ่ม ห้าทุ่มก็ขึ้นเครื่องมาเกาหลีเลย มาถึงเช้ายังต้องนั่งรถบัสต่ออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองเจจู มีเวลาฟื้นร่างกายแค่วันจันทร์วันเดียว อีกวันนึงแข่ง และบุรีรัมย์ก็ใช้ผู้เล่นตัวหลักเหมือนกันทั้งในลีกและบอลถ้วย มันก็ต้องล้าอยู่แล้วละครับท่านผู้ชม 3.ตัวเปลี่ยนเกมไม่มี เมื่อรูปเกมมันไม่เป็นดั่งใจ พอถึงคราวต้องเเก้เกมเพื่อผลการแข่งขัน บุรีรัมย์ก็จะมีตัวเปลี่ยนที่ใช้งานบ่อยๆ อยู่ไม่กี่คนอย่าง สุภโชค สารชาติ,ศุภชัย ใจเด็ด ถ้าเกมไหน ศศลักษณ์ เป็นสำรองเขาก็จะถูกส่งลงมา และก็ยังมี อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ อีกคนที่ใช้บ่อยๆ เมื่อวานมี เอกลักษณ์ ทองกริต ที่ได้ลงมาเป็นสำรองอีกคน คือที่จะบอกก็คือตัวเปลี่ยนบุรีรัมย์ ไม่มีใครลงไปเปลี่ยนเกมหรือพลิกเกมให้มันดีขึ้นกว่าเดิมได้เลย เอกลักษณ์ ที่ลงไปก็ไปเล่นเซ็นเตอร์ เดี๋ยวก็ไปยืนแบ็กขวา ซึ่งมันเป็นการเปลี่ยนตามตำแหน่งกับ ศศลักษณ์ เลยไม่ได้ทำอะไรมากนัก สุภโชค ลงไปแทน ประวีณวัช โอเคต้องการประตูก็เอาตัวรับออกส่งตัวรุกลงไปถูกแล้ว แต่สุภโชค ก็สร้างความแตกต่างไม่ได้ เมื่อวานผมดูมี ประวีณวัช ในสนามยังมีประโยชน์กว่าอีก คนสุดท้ายคือ ศุภชัย ใจเด็ด ที่ลงไปแทน สุเชาว์ โดยตำแหน่งแต่ดั้งแต่เดิมของ ศุภชัย นั้นเป้นกองหน้า แต่พอมาอยู่บุรีรัมย์ ก็ถูกจับไปเล่นกองกลางซะมากกว่า บางที่เป็นตัวรับด้วยซ้ำ ก็เลยไม่ได้มีประโยชน์เท่าไหร่ที่ลงไป จริงๆ ถ้าบุรีรัมย์ มีกองหน้าคนไทย ดีๆ สักคนไว้คอยเปลี่ยนเกมก็คงจะดี เวลาที่ เอ็ดการ์ กับ ดิโอโก้ ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังดีเลกสองได้ ปาตินโญ่ กลับมา 4.โดนจับทางได้ เกมแรกเหมือนชุนบุค จะยังจับทางบุรีรัมย์ ไม่ได้ โดยเฉพาะคู่หน้าทั้ง เอ็ดการ์ กับ ดิโอโก้ ที่เล่นงานแนวรับแชมป์เคลีกกระจุย เสียไปถึง 3 ประตู มาเกมนี้เห็นเลยว่าพวกเขาทำการบ้านมาอย่างดี ปิดเกมรุกจากสองกองหน้าบราซิลซะอยู่หมัด ทำอะไรไม่ได้เลย และเมื่อวานถือว่าทั้งสองคนเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาก 5.ดาวรุ่งขาดประสบการณ์ ช่วงนี้บุรีรัมย์ ก็กำลังจะเข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่ายสายเลือด นักเตะตัวเก่าๆ ก็เริ่มโรยลงไปทุกที ดังนั้นก็เลยต้องดันวัยรุ่นหน้าใหม่ขึ้นมาเสริม ซึ่งบุรีรัมย์ ทำได้ดีมากในเรื่องนี้ มีดาวรุ่งหลายคนที่แจ้งเกิดขึ้นมาในวงการ นอกจาก สุภโชค,อานนท์,ศศลักษณ์ ก็ยังมี รัตนากร ใหม่คามิ ที่เจ็บไป ไม่งั้นกองกลางคงดีกว่านี้ ซึ่งเมื่อวานพวกบรรดาแข้งดาวรุ่งเล่นกันไม่ได้เลยโดยเฉพาะ ศศลักษณ์ ที่นัดแรกโคตรเด่น แต่เมื่อวานเล่นไม่ดี ภาระหนักจึงไม่อยู่ที่สองตัวเก่าอย่าง สุเชาว์ กับ จักรพันธ์ แถม ศิวรักษ์ ให้อีกคนนึงที่ต้องแบกพาทีมให้สู้กับชุนบุค ได้อย่างสูสี จริงๆ แล้วสามคนนี้เล่นดีมาก น่าเสียดายถ้านักเตะอย่าง ตูเนซ,ดิโอโก้ และ เอ็ดการ์ ทำได้ดีกว่าเมื่อวาน ช่วยทีมได้เยอะกว่านี้ผลการแข่งขันอาจไม่ออกมาเป็นแบบนี้

มูซาชิ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline