นับตั้งแต่มีการปฏิรูปการแข่งขันลีกอาชีพ จากเดิมลีกสูงสุดแดนสยามมีรูปแบบทัวร์นาเมนต์แพ้คัดออก ในชื่อถ้วยพระราชทาน ก. คลับลูกหนังที่แข็งแกร่งสุดคือผู้ชนะ มาสู่ระบบลีก แข่งระยะยาว 1 ฤดูกาล
ไทยลีก เดินหน้าด้วยคำว่าลีกอาชีพเต็มตัว นี่คือปีที่ 22 ของการเดินทางที่แสนยาวนาน จากวันวานที่เคยโม่แข้งด้วยทีมองค์กรในกรุงเทพมหานคร แปรเปลี่ยนเป็นการรวมลีกทีมจากจังหวัดเข้ามาเพิ่มอรรถรส
22 ฤดูกาล มี 47 สโมสรที่ลงประชันฝีเท้าเพื่อชิงชัยความเป็นเจ้าลูกหนังไทย บางทีมอยู่รอดปลอดภัย บางทีมล้มหายตายจากไปเมื่อไม่สามารถปรับตัวเข้ากับความเป็นลีกอาชีพ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทีมงานขอบสนาม หยิบยกมาในวันนี้ เข้าทำนองที่ว่า มาเร็วเคลมเร็ว เล่นไทยลีกปีเดียวแล้วหายไป จะมีทีมไหนบ้างเชิญเลื่อนเมาท์อ่านด้านล่างครับ
1.ตลาดหลักทรัพย์ ไทยลีก ฤดูกาล 1996-97
ทีมฟุตบอลองค์กรใหญ่ระดับประเทศ ได้สิทธิ์ร่วมชิงชัยไทยลีก ในฐานะสมาชิกทีมจากฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก.
ตลาดหลักทรัพย์ มี “ขงเบ้งเมืองไทย” อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ คุมทีม พร้อมด้วยสไตล์ดังมากมายล้นทีม สุรชัย จตุรภัทรพงศ์, พัทยา เปี่ยมคุ้ม, อรรถพล ปุษปาคม, พิทยา สันตะวงศ์, ธร สอรภูมิ, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, สมฤทธิ์ อ่อนสมจิตร
ตลาดหลักทรัพย์ ลงเล่นไทยลีกหนแรกและหนเดียว จบฤดูกาลปกติอันดับ 4 ลงสนาม 34 เกม ชนะ 17 เสมอ 9 แพ้ 8 เก็บ 60 แต้ม ก่อนจะจบด้วยรองแชมป์ เนื่องจากไปแพ้ในเกมนัดเพลย์ออฟชิงแชมป์ให้แก่ ธนาคารกรุงเทพ 0-2
แต่เมื่อจบฤดูกาลองค์กรแม่อย่าง ตลาดหลักทรัพย์ จำใจขายทีมให้แก่กรุงเทพมหานคร รับไปดูแลต่อ เนื่องจากปี 1997 เป็นช่วงวิกฤติการเงินของประเทศไทย
2.สิงห์ธำรงไทยสโมสร ไทยลีก ฤดูกาล 1996-97
เจ้าของสมญานามฟลาเมงโกเมืองไทย เนื่องจากสีเสื้อสโมสรดันคล้ายคลึงกัน คือทีมจากที่ได้รับอิทธิพลฟุตบอลสไตล์แซมบ้า ทั้งผู้เล่นและโค้ช โดยมีหัวเรือใหญ่อย่างสุเมธ แก้วทิพยเนตร ดูแลทีม
สิงห์ธำรงไทยสโมสร ลงเล่นไทยลีกด้วยผลงานที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย ฤดูกาล 1996-97 จบอันดับสุดท้าย ชนะแคเกมเดียว เก็บได้แค่ 9 แต้ม แพ้ไปถึง 27 นัด ยิงได้ 26 ประตูเสียไป 101 ลูก นับว่าเป็นสถิติการเสียประตูมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล
ปัจจุบันธำรงไทยสโมสร มีชื่อลงแข่งขันในระดับไทยลีก 5 อเมเจอร์
3.ราชวิถี ไทยลีก ฤดูกาล 1996-97
ทีมลูกหนังฉายาชาววัง ได้มาโลดเล่นไทยลีกครั้งแรกครั้งเดียว เลื่อนชั้นในฐานะแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ข. ปี1995 ทีมฟุตบอลที่มีดร.จุฑา ติงศภัทิย์ คุมทีม พร้อมด้วยนักเตะจากรั้วจามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทว่าด้วยประสบการณ์ที่ไม่แกร่งพอจะต้านท้านเวทีไทยลีก ของของผู้เล่นราชวิถี ทำให้จบฤดูกาลอันดับ 16 ชนะ 8 เสมอ 8 แพ้ 18 มี 32 แต้ม หล่นไปเล่นในระดับดิวิชั่น 1 ในปีถัดมา
4.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ไทยลีก ฤดูกาล 2002-03
“ชงโคสีม่วง” สถาบันชื่อดังที่สร้างผู้เล่นมากมายติดทีมชาติ ได้ “โค้ชต้อม” วิธวราศักดิ์ อุปถัมภ์นรากร เข้ามาทำทีมหลังได้แชมป์ดิวิชั่น 1 จนจารึกชื่อในฐานะทีมลูกหนังไทยลีก แต่มันคือไทม์ไลน์ที่ย่ำแย่ของพวกเขาไปตลอดกาล
แข้งคริสเตียนฯ ยังบลัดที่ผสมผสานกับอดีตศิษย์เก่าของโรงเรียน ทั้งโชคทวี พรหมรัตน์, ณรงค์ชัย วชิรบาล, ธฤติ โนนศรีชัย, ธนากร ขําโขมะ, สราวุฒิ ตรีพันธ์ กลับต่อกรกลับทีมชั้นนำของประเทศไม่ได้และต้องร่วงตกชั้นกลับไปเล่นดิวิชั่น 1 เพียงแค่ปีเดียว พร้อมผลงานรั้งที่ 10 มีเพียง 9 แต้ม จากการชนะ 2 เกมจากทั้งหมด 18 นัด
5.ศุลกากร ยูไนเต็ด ไทยลีก ฤดูกาล 2008
“สิงห์นายด่าน” ย่านคลองเตย ขึ้นชั้นมาในฐานะแชมป์ดิวิชั่น 1 ปี 2007 ก่อนเริ่มฤดูกาลพวกเขาได้รับการจับตามองเนื่องจากมีท่อน้ำเลี้ยงที่ดีจากองค์กรแม่อย่างกรมศุลกากร
อย่างไรก็ดี ประภาส ฉ่ำรัศมี กุนซือใหญ่ของสโมสรรู้ดีว่า รสชาติไทยลีกและดิวิชั่น 1 มันช่างต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ศุลกากร ไม่อาจสู้รบปรบมือกับทีมชั้นนำของประเทศได้เลย จนยอมถอนสมอเพ่ื่อเปิดทางให้ "น้าชัช" ชัชชัย พหลแพทย์ เข้ามากู้วิกฤติแต่ไม่ทันมาช้าไป โดยผลงาน 30 เกม คว้าชัยไป 5 เกม ปราชัยถึง 20 แมตซ์ เก็บได้ 20 แต้ม ก่อนจะบ๊ายบายไทยลีก แค่ปีเดียว
6.ขอนแก่น เอฟซี ไทยลีก ฤดูกาล 2011
หลังเพียรพยายามมายาวนาน 5 ฤดูกาล ในที่สุด"ที-เร็กซ์" ได้โบยบินสู่ไทยลีกเสียที ภายใต้การทำงานโดย ณรงค์ ท่วมไธสง แต่เมื่อได้ลงเล่นไทยลีก ขอนแก่น ที่ยึดมั่นระบบในตัวผู้เล่นท้องถิ่นและดาวรุ่งที่ขัดเกลาอยู่กับทีมมายาวนาน กลับไม่สามารถยืนหยัดสู้กับทีมเงินถุงเงินถังแดนสยามได้เลย อาจมีตัวชูโรง ชรินทร์ บุตรฮาด, เริ่มรัตน์ งามเจริญ, สกลวัชร์ สกลหล้า, จัตตุพล สิทธิเลาะ แต่ประสบการณ์ระดับไทยลีก นั้นสำคัญยิ่งยวด
เมื่อเชื่อมั่นมากเกินไป ก็ต้องรับผิดชอบในผลลัพธ์ที่ตามมา ทีมจมท้ายตาราง จนต้องเปลี่ยนแปลงโค้ชเป็น พิเชษฐ์ สุโพธิ์เมือง กลางฤดูกาล แต่ผลลัพธ์คือก็เป็นบ๊วยเหมือนเช่นเคย 34 แมตซ์ ทีมเก็บได้ 27 แต้ม จากการชนะ 6 แพ้ไปถึง 19 แมตซ์ ไม่เพียงพอจะได้สิทธิ์อยู่ต่อในไทยลีก กลับไปตั้งต้นที่ดิวิชั่น 1 อีกครา
7.พีทีที ระยอง ไทยลีก ฤดูกาล 2014
ทีมฟุตบอลองค์กร อาจล้มหายไปมากมาย ตามระบบลีกอาชีพ แต่คงไม่ใช้กับ พีทีที.ระยอง สโมสรที่มีแบ็คอัพชั้นดีอย่าง ปตท.
“พลังเพลิง” ใช้เวลา 7 ซีซั่น กว่าจะได้เลื่อนชั้นมาโม่แข้งไทยลีก แต่ปีดังกล่าวกลับเป็นช่วงเวลาอันน่ายุ่งเหยิง
สโมสรเปลี่ยนแปลงโค้ชถึง4 รายจากปีเตอร์ วิธ, ชัยยง ขำเปี่ยม, นพพร เอกศาสตรา, อ.พยงค์ ขุนเณร แต่ด้วยผลงานที่ไม่เป็นใจ แถมฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ พลังเพลิง จบอันดับ 17 จากทั้งหมด 20 ทีม มีสถิติชนะ 10 แพ้ 16 จากทั้งหมด 38 เกม เก็บได้ 42 แต้ม ซึ่งไม่เพียงพอจะอยู่รอดไทยลีก
8.สระบุรี เอฟซี ไทยลีก ฤดูกาล 2015
ในบรรดา 8 สโมสรที่เราเอ่ยมาในข้างต้น นี่คือทีมเดียวที่รอดพ้นการตกชั้น แต่กลับไม่ส่งทีมเข้าแข่งขัน
“ขุนศึก” สระบุรี เอฟซี ทีมฟุตบอลต้นทุนน้อยจากภาคกลาง ขยับสู่ไทยลีก จากฝีมือและมันสมองของ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เป็นระยะเวลา 4 ปี
เมื่อขยับขยายมาเล่นในลีกที่สูงกว่า 7 เกมแรกทีมเก็บได้เพียงแต้มเดียว “สุภาพบุรุษลูกหนัง” เป็นฝ่ายขอจากไป ท่ามกลางความยุ่งยากทวีคุณ สปอนเซอร์เจ้าใหญ่อย่าง กัลฟ์ ขอถอนตัว
เหมือนวิฤกติจะกระหน่ำใส่”ขุนศึก”เป็นชุดๆ กลับมีฮีโร่คนใหม่ ที่มาขันอาสากูซากให้สระบุรี เขาชื่อไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก
อดีตลูกหม้อสโมสรโอสถสภา พกพาตำราลูกหนังมากมาย บอลสไตล์ใจสู้ใส่เกิน 100 เน้นทีมเวิร์ค พลิกโฉมหน้าสระบุรี ให้แข็งแกร่งหน้าเกรงขาม ทินกร อสุรินทร์, ปฐมชัย เสือสกุล, ปิยะชาติ ศรีมะเรือง, สุรเดช ธงชัย, ยุทธพงษ์ ศรีละคร, แซดนี่ย์ ยูริคอบ, ดาเนี่ยล เบียลอง คีย์แมนเหล่านี้ ช่วยกันนำทีมอยู่รอดปลอดภัยได้แบบหักปากกาเซียน
อันดับ 14 คือจุดหมายปลายทางเดียวของขุนศึก ทีมเก็บ 35 แต้ม จากการชนะ 8 เกม จาก 34 เกม สุดท้ายประธานสโมสรวีระพล อดิเรกสาร ขอถอนทีม เนื่องจากไม่มีเงินมากพอจะส่งทีมแข่งไทยลีกอีกต่อไป
เอ็มเร่
ขอบคุณภาพประกอบ : นิตยสารฟุตบอลสยาม, แฟนเพจสารานุกรมฟุตบอลไทย
