ในช่วงเวลาที่เวิลด์ คัพ ฟาดแข้งกันอย่างคึกคัก บนแผ่นรัสเซีย อุณหภูมิความเข้มข้นยิ่งทวีคูณขึ้น โฉมหน้าของการแข่งขันเริ่มเด่นชัด ชาติไหนแกร่งจริงได้ไปต่อ ทีมไหนไร้ภูมิต้านทานไม่เคี้ยวพอ ต้องรับสภาพโบกมือบ๊ายบายกลับบ้าน
เวิลด์ คัพ 2018 อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับแวดวงสารบบไทยลีก โดยตรงสักเท่าไหร่ เนื่องจากขุนพลแดนสยามไม่ได้รวมชิงชัยรายการนี้ รวมถึงก็ไม่ได้มีแข้งต่างชาติจากลีกไทย ติดทีมไปลุยมหกรรมลูกหนังโลกก็เขาด้วย
แต่จะว่าไปแล้วที่ผ่านมาไทยลีก เคยผายมือต้อนรับโค้ชต่างชาติมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งบางคนเคยสร้างชื่อเป็นนักเตะพร้อมทั้งสัมผัสประสบการณ์ทัวร์นาเมนต์หมายเลข1 ของโลกลูกหนังมาแล้ว
ขอบสนามขอหยิบยก 6 โค้ชต่างชาติไทยลีก ที่เมื่อครั้งเป็นผู้เล่นสวมสตั๊ดไปโชว์เพลงแข้งในฟุตบอลโลก เนื้อหาทั้งหมดอยู่ด้านล่างพร้อมแล้วเชิญอ่านได้เลยจ้า
1.สลาวิซ่า โยคาโนวิช (ยูโกสลาเวีย 1998)
อดีตกุนซือเมืองทอง ยูไนเต็ด ชุดแชมป์ไทยลีกไร้พ่ายปี 2012 และชายผู้นำพาทั้งวัตฟอร์ด และฟูแล่ม กระโจนจากเดอะแชมเปี้ยนชิพสู่พรีเมียร์ลีก
สลาวิซ่า โยคาโนวิช เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของทีมชาติยูโกสลาเวีย มาช้านานในบทบาทกองกลางตัวรับ นำพาบ้านเกิดเมืองนอนตีตั๋วไปฟรองซ์ 98 ที่ฝรั่งเศส ลงสนามเป็นตัวจริงช่วย “บราซิลแห่งยุโรป” 4 เกม ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะถูกหยุดเส้นทางไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยน้ำมือฮอลแลนด์ และนั้นคือฟุตบอลโลก หนแรกและหนเดียวของ “ย็อคก้า”
2.คริสเตียน ซีเก้ (เยอรมนี,1998, 2002)
อดีตเตะทัพอินทรีเหล็กชุดแชมป์ยูโร 1996 ผู้ที่มาเจอประสบการณ์ไม่น่าอภิรมย์ในไทยลีกกับราชบุรี ก่อนจะไขก๊อกอำลาตำแหน่งไป ทั้งที่คุมทีมไปเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น
ซีเก้ เคยไปโชว์ฝีเท้าในเวิลด์ คัพ 2 หนกับทีมชาติเยอรมนี ในปี 1998 ในยุคของบุนเดสเทรนเนอร์แบร์ตี้ โฟกส์ ซึ่งลงก็ลงสนามไป 4 เกม ก่อนที่ทัพเมืองเบียร์ จะโดนโครเอเชีย สอยในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 0-3
จากนั้น 4 ปีถัดมาฟุตบอลโลก 2002 วิงแบ็คซ้ายผู้ไว้ผมทรงโมฮ็อค กลับมาอยู่ในทีมของ “เชฟเป็ด” รูดี้ โฟลเลอร์ ก็ลงสนามตำแหน่งถนัดทางกราบซ้ายไป 5 เกม น่าเสียดายที่รอบชิงทีมชุดนั้นปราชัยต่อบราซิล 0-2
3.แมตต์ เอลเลียต (สก็อตต์แลนด์, 1998)
ปราการหลังร่างยักษ์ผู้เป็นกัปตันทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์ลีก คัพ เมื่อปี 2000 แถมยังอยู่โยงรับใช้ทีมจิ้งจอกมายาว 7 ฤดูกาล แถมครั้งหนึ่งเคยมาฝากฝีมือทำสโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด ในไทยลีกเมื่อปี 2014 แม้ผลงานจะไม่สวยหรูเท่าไหร่ก็ตาม
แต่เชื่อหรือไม่ว่าครั้งหนึ่งดาวเตะชาวเมืองผู้ดี แต่ตัดสินใจรับใช้ทีม “ตาร์ตัน” สก็อตแลนด์ เคยมีชื่อติดธงไปโลดแล่นในเวิลด์ คัพ ณ แดนน้ำหอม เมื่อปี 1998
ทว่าผลงานทีม”ขี้เมา” กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงตกรอบแรกไปตั้งแต่ไก่โห และแมตต์ เอลเลียต ก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัสเกมเลยแม้แต่นาทีเดียว
4.แกรี่ สตีเวนส์ (อังกฤษ, 1986)
แนวรับจากท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ดีกรีชุดแชมป์ยูฟ่า คัพ เมื่อปี 1984 เข้ามาเสียบตำแหน่งแทนที่ แมตต์ เอลเลียต ช่วงเลก 2 ไทยลีก โดยที่ แกรี่ สตีเวนส์ ทำผลงานได้น่าพอใจช่วยทีมอยู่รอดปลอดภัยฤดูกาล 2014 ก่อนจะไปคุมการท่าเรือ ในระยะสั้นๆเวลาต่อมา
แกรี่ สตีเวนส์ มีผลงานอันโดดเด่นกับทีมไก่เดือยทอง ในช่วงเวิล์ด คัพ ปี 1986 เขาจึงถูกบ็อบบี้ ร็อบสัน เรียกเข้าสู่ทำเนียบทีมชาติและได้วีซ่าไปลุยเม็กซิโกกับทัพสิงโตคำราม แม้ทีมชุดดังกล่าวจะเล่นได้น่าประทับใจก่อนจะไปปราชัยต่อ “หัตถ์พระเจ้า“ ของดิเอโก มาราโดนา ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ซึ่งตลอดทัวร์นาเมนต์ที่ดินแดนจังโก้ สตีเวนส์ ไม่มีส่วนร่วมไร้บทบาทในทีมทรีไลออนส์
5.ปีเตอร์ วิธ (อังกฤษ, 1982)
ชายผู้เคยมาปลุกเสกทีมชาติไทย จนเข้าใกล้คำว่า10 ทีมสุดท้ายของเอเชีย จนศักดาความยิ่งใหญ่เป็นเจ้าอาเซียน เคยมารับจ็อบเป็นเป็นกุนซือปตท.ระยอง ทว่าผลงานตลอดเลกแรกไทยลีก 2014 ทีมย่ำแย่ เพราะฟุตบอลไทยยุคนี้กับยุคก่อนต่างกันสิ้นเชิงก่อนจะถอนสมอจากไป
วิธ มีโปรไฟล์สมัยเป็นผู้เล่นสั่นสะเทือนไปทั่ววงการฟุตบอลแดนผู้ดี กระหน่ำประตูมากมายให้ทั้งน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, นิวคาสเซิ่ล, เบอร์มิงแฮม แต่คงไม่มีความทรงจำครั้งใดดีไปกว่า ซัดประตูโทนช่วยแอสตัน วิลล่า ดับซ่าบาเยิร์น มิวนิค คว้าโทรฟี่ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี1982 ที่ร็อตเตอร์ดัม เรียกว่าเป็นใบเบิกทางมีชื่อไปลุยฟุตบอลโลก 1982 ณ ดินแดนกระทิงดุ
อย่างไรก็ดีกองหน้าตัวหลักในทีมชุดนั้นมีคู่หูฟอร์มแรงอย่าง เทอร์เวอร์ ฟรานซิส และ พอล มาริเนอร์ มันคงเป็นเรื่องยากที่ วิธ จะได้รับความไว้วางใจจาก รอน กรีนวูด กุนซือทีมชุดนั้นและต้องตบยุงอยู่ข้างสนามทั้งทัวร์นาเมนต์
6.สเตฟาน เดโมล (เบลเยียม,1986,1990)
อดีตกุนซือบีอีซี เทโรศาสน ฤดูกาล 2013 ผู้ที่มีอายุงานไม่ยืนยาวเพียงแค่ 4 เดือนเศษ แม้ปรุงแต่งทีมได้น่าประทับใจ แต่เขากลับไม่เป็นที่ยอมรับของนักเตะมังกรไฟ สุดท้ายเจ้าของสโมสรเลือกแยกทางเพื่อให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นไปมากกว่านี้
แม้อายุงานไม่ยืนยาวในลีกไทย แต่อดีตแนวรับทีมชาติเบลเยียมพันธุ์แกร่งรายนี้ คือตัวหลักของทีมปีศาจแดงของยุโรปในช่วงระหว่างปี 1986-1991
เดโมล อยู่ในยุคทองของวงการฟุตบอลเบลเยียม ช่วยพาทีมลิ่วรอบรองฯฟุตบอลโลก 1986 ลงเล่นไปถึง 7 แมตซ์ ทำไป 1 ประตู เกมรอบ16 ทีมกับสหภาพโซเวียต และเป็นคีย์แมนหลักนำพาทีมจบอันดับ 4 ที่เม็กซิโก
4 ปีถัดมา เวิลด์ คัพ ณ ดินแดนรองเท้าบูต แม้จะเป็นช่วงบั้นปลายรับใช้ชาติของ เดโมล ก็ยังช่วยทีมฟันฝ่าอุปสรรคจนเข้ารอบ 16 ทีม ก่อนจะเจอทีเด็ดโดนอังกฤษ สอยร่วงตกรอบไปในช่วงการต่อเวลา
เอ็มเร่
