ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่สโมสรชั้นนำมากมายจากทั่วสารทิศแวะเวียนมาโชว์ฝีเท้าแบบไม่ขาดสาย นั้นจึงทำให้เราได้ต้อนรับนักเตะชั้นนำและกุนซือมากมายอยู่เสมอ
เช่น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, อาร์แซน เวนเกอร์, เดวิด มอยส์, โชเซ่ มูรินโญ่, สเวน โกรันส์ อิริคสัน, ราฟาเอล เบนิเตซ ที่แฟนบอลแดนสยามคงจดจำได้ว่าชื่อเหล่านี้เคยมาทำทีมลงเตะในเมืองไทย ทว่ายังมียอดกุนซือชั้นนำมากมายที่เคยมาดินแดนด้ามขวาน แต่คุณอาจลืมไปหรือยังไม่รู้
ขอบสนามคัดสรร5 กุนซือชื่อดัง ที่คุณไม่เชื่อว่าเคยทำทีมมาแข่งในเมืองไทย
1.หลุยส์ ฟาน กัล (อาแจ๊กซ์, ปี1994)
เจ้าพ่อนักปรัชญาที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความบ้าบิ่นสุดโต่ง เผด็จการไปซะแทบทุกเรื่อง เขาคือโค้ชลูกหนังที่หลายๆคนให้การยอมรับ เพราะถนัดช่ำชองในเรื่องการเปิดโอกาสแข้งดาวรุ่งมากมายให้ขึ้นทะเบียนแจ้งเกิดในโลกลูกหนังมากมาย แต่มาเสียหมาและหลงทางในตอนแก่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในอดีตฟาน กัล เคยพาอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาวาดลวดลายในเมืองไทย เมื่อปี 1994 (พ.ศ.2537) ฟุตบอลรายการพิเศษ 4 เส้า“TU 60' CUP” ณ สนามศุภชลาศัย ร่วมกับ3 ทีมได้แก่เอฟซี โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก),เกรมิโอ (บราซิล) และทีมชาติไนจีเรีย
ทว่าเด็กในคาถาฟาน กัล ทั้งแฟรงค์ เดอ บัวร์, ยารี่ ลิตมาเน่น, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, มาร์ค โอเวอร์มาร์ส กลับโชว์ฟอร์มโคตรแย่ในรายการดังกล่าวจบอันดับ 4 แม้ว่าผลงานแป๊กในเมืองไทย แต่ 1 ปีต่อมาขุนพลอาแจ็กซ์ ก็ก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยการล้มเอซี มิลาน 1-0 จากประตูโทนของแพทริค ไคลเวิร์ต
2.ฟาบิโอ คาเปลโล่ (เอซี มิลาน, ปี1996)
หากฟาน กัลนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นกุนซือเผด็จการดีเดือด นิยามของคาเปลโล่ คือโคตรเฮี้ยบไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้น เขากล้าเขี่ยโรนัลโด้ รวมถึงแจ้งกับเดวิด เบ๊คแฮม คุณจะไม่ถูกส่งลงสนามอีก หลังสุภาพบุรุษลูกหนังเมืองผู้ดี ไปเซ็นสัญญาล่วงหน้าไปแอลเอ กาแล็ค แต่ต้องไม่ลืมว่าบุรุษชาวอิตาเลี่ยน คือกุนซือชื่อดังระดับโลกที่มีโปรไฟล์หรูกับทุกทีมที่ได้เข้าไปกุมบังเหียน ทั้งเอซี มิลาน, เรอัล มาดริด,โรม่า,ยูเวนตุส, รวมถึงการนำอังกฤษและรัสเซีย เข้ารอบสุดท้ายเวิลด์ คัพ
หลังช่วยเอซี มิลาน ป้องกันแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ในฤดูกาล 1995-96 “เดอะ ดอน” (ฉายาคาเปลโล่) ได้พาแข้งปีศาจแดงดำ ทั้งโรแบร์โต้ บาจโจ้, ฟิลิปโป้ กัลลี่, เปาโล มัลดินี่ เดยัน ซาวิเซวิซ มาทัวร์แดนสยามเมื่อปี 1996 เพื่อลงเตะนัดพิเศษกับทีมชาติไทย โดยเกมนัดนั้นจบด้วยผลเสมอ 2-2 4 ประตูที่เกิดขึ้นในวันนั้นมาจากปลายสตั๊ดของ สุรชัย จตุรภัทรพงศ์, เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ส่วนมิลานได้ประตูจาก จานลุยจิ เลนตินี่ และ บาจโจ้ ซึ่งในวันนั้นแฟนบอลไทยเฮทุกครั้งที่เทพบุตรเปียทองคําได้บอล
https://www.youtube.com/watch?v=lq7xby3Wm70
3.อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ (บาเยิร์น มิวนิค, ปี2000)
กุนซือชาวเยอรมันผู้ที่เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งและเป็นโค้ชฟุตบอลอาชีพในสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนที่จะมาปลุกชีพโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ให้กลายเป็นทีมชั้นนำของบุนเดสลีกาในยุค 90 และโยกไปรับจ็อบใหญ่กับบาเยิร์น มิวนิคในเวลาต่อมา ซึ่งทำให้ ฮิตซ์เฟลด์ เป็นโค้ชที่ซิวถาดแชมป์ลีกเมืองเบียร์ไปถึง 7 สมัย และได้ชูถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 2 หน
แม้ว่าจะมีชื่อเสียงมากแค่ไหนก็ตาม แต่วีรกรรมที่เขากล้าหาญปฏิเสธตำแหน่งเทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมนี เมื่อปี 2004 คงตราตรึงใจแฟนลูกหนังแดนไส้กรอกได้พอสมควร
ในระหว่างที่มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2000 ทัวร์นาเมนต์ที่อินทรีเหล็กขายขี้หน้าประชาชนตกรอบแรกแบบแพ้รวด บาเยิร์น มิวนิคของฮิตซ์เฟลด์ มีโอกาสเดินทางมาปรีซีซั่นที่เมืองไทยพอดี โดยแข้งดังๆที่มาในหนนั้นก็มีสเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก กัปตัน, เปาโล แซร์จิโอ,มิเชล ทาร์นาท, ฮาซาน ซาลิฮามิดซิซ และได้มีดวลแข้งกับทีมชาติไทย ชุดเตรียมเอเชียน คัพ และขุนพลเสือใต้ก็เฉือนชนะไปได้ 2-1 จากการยิงจากมิเชล วินซิงเกอร์ ส่วนไทยแก้คือได้จากเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
4.กุส ฮิดดิ้งส์ (พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, ปี1987)
โค้ชทีมชาติจีนชุดอายุไม่เกิน 23 ปีคนปัจจุบัน ในอดีตคือปรมาจารย์ลูกหนังชั้นยอดที่ผ่านมาแล้วทุกความสำเร็จและล้มเหลว ทั้งการคุมทีมฮอลแลนด์ และเกาหลีใต้ จบอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก คุมเรอัล มาดริดไม่ถึง 6 เดือนโดนไล่ออก, มากอบกู้วิกฤติในเชลซีถึง 2 หน, พาออสเตรเลียไปบอลโลก, พารัสเซียโชว์ฟอร์มเจ๋งยูโร 2008 แต่มาตกมาตายรอบเพลย์ออฟบอลโลก
เรียกว่าชีวิตนั้นครบทุกรสชาติ แต่มันคงไม่มีโปรไฟล์อะไรที่ดีไปกว่าการที่ ฮิดดิ้งส์ มีวันเวลาดีๆที่สโมสรพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น สถานที่สร้างชื่อในชีวิตการเป็นกุนซือฟาดแชมป์ลีกดัตซ์ไปถึง 6 สมัย พ่วงด้วยบอลถ้วยในประเทศ 4 ใบ รวมถึงโทรฟี่แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี1988
โดยก่อนที่ฮิดดิ้งส์ จะพาไอนด์โฮเฟ่นชูถ้วยแชมป์ใบใหญ่สโมสรยุโรป ปรีซีซั่นได้พาลูกทีมมาแข่งนัดพิเศษกับทีมชาติไทย และสตาร์ดังสุดอย่าง รุด กุลลิท ก็ร่วมเดินทางมากับทีมด้วยเช่นกัน ก่อนที่เจ้าของฉายาไอ้งูเก็งก็องยิง 1 ประตู และแอสซิสต์ให้เจอรัลด์ แวนเนนเบิร์ก ยิง1 ประตู เอาชนะทีมแดนสยาม 2-1 ส่วนไทยได้ประตูจากประทีบ ปานขาว
5.แซม อัลลาไดซ์ (น็อตต์ เค้าท์ตี้ ปี1999, โบลตัน ปี2005)
อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ผู้มีสถิติสวยหรูคุมทีมชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ ชนะ 1 เกม ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อสังเวยความฉาวของตัวเอง เมื่อปี 2017
“บิ๊กแซม” เจ้าพ่อจอมอุดเหนียวแน่นแพ็คเกมรับหนาแน่น และอาวุธเด็ดเจาะคู่แข่งคือบอลยาวโยนเข้าเขตโทษ นั้นคือกลยุทธ์ของชายร่างอวบ ที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการคุมทีมอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก และไม่เคยตกชั้นเลยแม้แต่ทีมเดียว ทั้งโบลตัน,นิวคาสเซิ่ล,แบล็คเบิร์น, เวสต์แฮม,ซันเดอร์แลนด์,คริสตัล พาเลซ แต่พออัลลาไดซ์อำลาบางสโมสรไปบางทีมก็มีอันต้องตกชั้นไปทันที
อัลลาไดซ์ อาจจะไม่อยู่ในข่ายเป็นกุนซือชั้นนำระดับโลก แต่ถ้าว่ากันตามเนื้องานเขาคือโค้ชคุณภาพของวงการคนหนึ่งที่ใครต่อใครต่างสยบให้ในกึ๋นและฝีมือ ซึ่งตัว “บิ๊กแซม” เคยมาทำทีมดวลแข้งกับนักเตะทีมชาติไทย 2 หน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1999 กับสโมสรน็อตต์ เค้าท์ตี้ และเป็นฝ่ายปราชัยไปถึง 1-4 โดย 3 ประตูมาจากแฮตทริกของเศกสรรค์ ปิตุรัตน์ ส่วนครั้งที่ 2 มาในปี 2005 เป็นรายการพิเศษพรีเมียร์ลีก เอเชียนส์ โทรฟี่ กับสโมสรโบลตัน วันเดอร์เลอร์ส โดยเด็กๆของป๋าแซม เฉือนชนะทีมไทยชุด23 ปี ในรอบชิง1-0 จากจุดโทษช่วงท้ายเกมของเอล ฮัดจิ-ดิยุฟ
ขอบคุณภาพ : นิตยสารฟุตบอลสยามและนิตยสารสตาร์ซ็อคเกอรส์, แฟนเพจรูปฟุตบอลไทยในอดีต BY Tommy Bar, ภาพเคลื่อนไหวกีฬาเดลินิวส์
เอ็มเร่
(ธีร๋รัฐ วงษ์ทอง)
