logo-heading

สิงห์เจ้าท่า ยุคใหม่ภายใต้การคุมบังเหียนของ "โชคทวี พรหมรัตน์" อดีตกุนซือทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ปี 2015 จะมีอะไรบ้างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เราจะมาว่ากันในวันนี้

การท่าเรือ เอฟซี คือทีมล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือคนใหม่ ต่อจากราชบุรี มิตรผล ที่เพิ่งจะแยกทางกับ มาร์โก ซิโมเน่ กุนซือชาวอิตาลีไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถึงเวลานี้เหลืออยู่ 8 ทีม ที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือ ยังใช้โค้ชคนเดิมตั้งแต่ต้นฤดูกาล ประกอบไปด้วย บุรีรัมย์, ทรู แบงค็อก, ตราด, นครราชสีมา, พีทีที ระยอง, พีที ประจวบ, สุโขทัย และ ชัยนาท เรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่ง แต่กระนั้นบางทีมที่มีการเปลี่ยนโค้ช ก็เปลี่ยนกัน 2-3 รอบก็มีเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราจะมาว่ากันในวันนี้ เพียงแค่เกริ่นให้ทุกท่านได้ทราบว่าตอนนี้สถานการณ์เรื่องดค้ชในศึกไทยลีก เป็นอย่างไรกันบ้าง ที่จะมาพูดถึงกันก็คือการเปลี่ยนแปลงของทีม "สิงห์เจ้าท่า" ที่หลังจากไม่ชนะใครในลีกมา 6 เกมหลังสุด ทำให้ "มาดามแป้ง" ประธานสโมสรคนสวยต้องตัดสินใจเปลี่ยนแปลงทีมอีกครั้ง โดยได้โยก จเด็จ มีลาภ กุนซือคนเก่าไปนั่งเป็นประธานเทคนิค รอวันกลับมาคุมทีมในอนาคต และไปดึงเอา "โค้ชโชค" หรือโชคทวี พรหมรัตน์ ที่แฟนบอลชาวไทยจะจำได้ในฐานะโค้ชก็คือผู้พาทีมชาติไทย ยู-23 คว้าแชมป์ซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ เมื่อปี 2015 และก็น่าจะจำกันได้ในฐานะ ผู้ช่วยของโค้ชซิโก้ ในทีมชาติไทย รวมถึงล่าสุดก็เป็นผู้ช่วยของ "โค้ชโต่ย" ในทีมช้างศึก ด้วยเหมือนกัน ซึ่งผลงานล่าลุดไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ในฟุตบอลคิงส์ คัพ 5 สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนไปของ "สิงห์เจ้า" ในยุคของ "โชคทวี พรหมรัตน์" นับย้อนกลับไปในการเป็นโค้ชระดับสโมสรของ "โค้ชโชค" ก็เคยคุมทีมเชียงใหม่ เอฟซี เป็นสโมสรล่าสุดเมื่อปี 2017 ซึ่งสุดท้ายก็โดนเด้งออกมา เพราะผลงานไม่น่าประทับใจจอร์จเท่าไหร่ นี่เป็นการหวนกลับมารับงานสโมสรอีกครั้งในรอบ 2 ปี ของโค้ชโชค ซึ่งถือเป็นสโมสรใหญ่และเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก ขนาดลูกพี่อย่าง "ซิโก้" ก็ยังไม่รอด และเคยเอาชื่อมาทิ้งไว้ที่นี่ด้วย แต่ในโลกของฟุตบอล มันไม่มีอะไรแน่นอน อยู่แล้ว โดยผลงานในสนามจะเป็นคำตอบเองว่าคิดถูกหรือไม่

เอาล่ะ!! เราลองมาดูซิว่า เมื่อการท่าเรือได้ โค้ชโชค มาคุมทีมแล้ว มันจะมีอะไรที่น่าจะเปลี่ยนไปบ้าง

5 สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนไปของ "สิงห์เจ้า" ในยุคของ "โชคทวี พรหมรัตน์" 1.ระบบการเล่น เรื่องแรกก็คงจะเป็นระบบการเล่น ที่โค้ชแต่ละคนก็จะมีแผนการเล่นประจำตัวของตัวเอง และน้อยครั้งที่เราจะเห็นโค้ชใหม่เข้ามาแล้วจะใช้ระบบการเล่นของโค้ชคนเก่า แต่เดิมในยุคของ จเด็จ มีลาภ ช่วงเลกแรก โดยเฉพาะช่วงที่ผลงานของทีมดีๆ อยู่ ชนะติดต่อกันจนขึ้นไปนำจ่าฝูงอยู่พักนึง ตอนนั้นใช้ระบบ 4-2-3-1 มาในเลกสอง ก็มีเปลี่ยนเป็น 4-3-3 บ้าง 4-4-1-1 บ้าง หรือบางทีก็ 4-4-2 บ้าง มาในยุคของโค้ชโชค มีโอกาสที่จะกลับไปเล่นระบบ 4-2-3-1 ซึ่งเป็นแผนการเล่นที่โค้ชโชค เคยประสบความสำเร็จกับทีมชาติไทย และถ้าดูตัวผู้เล่นของการท่าเรือ ระบบนี้ก็เหมาะอยู่เหมือนกัน 2.ศิษย์เก่ามีโอกาสมากขึ้น การมาของ "โค้ชโชค" ทำให้บรรดานักเตะที่เคยร่วมงานกับกุนซือคนใหม่นี้ทั้งกับทีมชาติชุดใหญ่ และ ชุดยู-23 ก็น่าจะมีโอกาสได้ลงสนามมากขึ้น ไม่ว่าจะตัวจริงหรือตัวสำรอง โดยเฉพาะนักเตะอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่อาจจะกลายมาเป็นตัวหลักของทีมก็ได้ หรืออย่าง เจนรบ สำเภาดี ก็อาจจะถูกเลือกให้เป็นสำรองคนแรกๆ หรือบางทีอาจจะเป็นตัวจริงด้วยซ้ำไป 3.นายทวารมือหนึ่ง เรื่องตำแหน่งผู้รักษาประตูในทีมท่าเรือ ถือเป็นตำแหน่งที่โรเตชั่นกันตลอด และนายทวารทั้งสามคนก็จะได้สลับกันลงเล่น ทั้ง รัตนัย ส่องแสงจันทร์, วรวุฒิ ศรีสุภา และ วัชระ บัวทอง ซึ่งทั้งสามคนดูแล้วไปอยู่ทีมไหนก็เป็นมือหนึ่งได้สบาย ทำให้บางทีก็เลือกไม่ถูกจนต้องสลับกันลงเฝ้าเสา ช่วงไหนใครฟอร์มดีก็ได้เล่นต่อเนื่อง หากมีสะดุดก็จะโดนเปลี่ยนในเกมถัดไป แต่มาในยุคของ "โค้ชโชค" มีความเป็นไปได้ที่อาจจะต้องหามือหนึ่งที่ชัดเจน และให้ลงเฝ้าเสาต่อเนื่อง ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วย มือหนึ่งคนนี้ก็จะต้องลงเฝ้าเสาให้กับทีมตลอด เพราะทีมที่จะประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ แผงกองหลัง กับ ผู้รักษาประตู จะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงบ่อย ถ้าไม่มีใครเจ็บหรือโดนแบน 4.เกมบุกแนวใหม่ โค้ชโชค ให้สัมภาษณ์หลังคุมทีมซ้อมมื้อแรกวานนี้ (22 ก.ค.) ว่า ฟุตบอลของเขานั้นเป็นบอลบุก แม้สมัยเป็นนักบอลตัวเองจะเล่นกองหลังก็ตาม แต่การทำทีมของเขาคือเกมรุกต้องมาก่อน และต้องเป็นเกมรุกที่ดุดัน มีการเข้าทำที่หลากหลาย แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ประมาทในเกมรับ นี่คือบทสัมภาษณ์ของกุนซือคนใหม่ท่าเรือ ซึ่งจริงๆ แล้วการท่าเรือใครมาคุมก็ต้องเล่นบอลบุกอยู่แล้ว และในเลกแรกมันก็ค่อนข้างจะดีด้วย แต่ทำไมเลกสองอยู่ดีๆ ก็สะดุดและช๊อตไปดื้อๆ คราวนี้เราก็ต้องมาดูว่าโค้ชโชค จะนำเกมรุกที่ตื่นตาตื่นใจของสิงห์เจ้าท่ากลับมาได้อย่างที่พูดหรือเปล่า 5.การจัดตัวผู้เล่น 5 สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนไปของ "สิงห์เจ้า" ในยุคของ "โชคทวี พรหมรัตน์" สุดท้ายเรื่องการจัดตัวผู้เล่น เอาจริงๆ มันก็อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เพราะนักเตะมันก็ยังเป็นชุดเดิมอยู่ แต่อย่างที่บอกไปว่าบางตำแหน่งอาจจะไม่ใช่หน้าเดิมที่ได้ลงตลอด อาจจะมีนักเตะบางคนที่ได้ลงตัวจริง และเป็นตัวหลักในทีมของโค้ชโชค ก็เป็นได้ ที่อยากให้จับตามองก็คือกองกลาง และกองหน้า ที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้

จะอย่างไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างเราคงจะได้เห็นกันในเกมไทยลีกสุดสัปดาห์นี้ โดย โชคทวี พรหมรัตน์ มีคิวจะประเดิมคุมทัพสิงห์เจ้าท่า ด้วยการต้อนรับค้างคาวไฟ ในวันอาทิตย์ที่ 28 ก.ค.นี้ ที่แพท สเตเดี้ยม

สำหรับแฟนบอลการท่าเรือ ที่อาจจะไม่ค่อยแฮปปี้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ก็อย่าเพิ่งโวยวายไป ลองให้โอกาส และดูผลงานกุนซือคนใหม่ก่อนว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง บางทีอาจจะเป็นคนที่การท่าเรือ ตามหาก็เป็นได้......

 

มูซาชิ

   
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline