logo-heading

ทีมปราสาทสายฟ้า กำลังอยู่ในช่วงขาดความมั่นใจ หลังจากที่แพ้คู่ปรับเมืองทอง ต่อด้วยตกรอบรองเอฟเอ และล่าสุดแพ้พีที ประจวบ ในนัดชิงชนะเลิศลีก คัพ

ทำให้จากก่อนหน้านี้ที่มีลุ้นแชมป์ถึง 3 ถ้วย ไปๆ มาๆ อาจจะเหลือแค่ถ้วยเดียว คือไทยลีก ซึ่งยังต้องลุ้นในสองเกมสุดท้าย มันเกิดอะไรกับทีมบุรีรัมย์ เรามาวิเคราะห์ไปตามๆ กัน

1.การยืนระยะของดาวรุ่ง

ในฤดูกาลนี้ เราจะเห็นได้ว่าทีม "ปราสาทสายฟ้า" หันมาเน้นใช้ดาวรุ่งเป็นแกนหลักของทีม ซึ่งถ้านับในทีมตัวจริง 11 คนแรก มีดาวรุ่งถึง 4-5 คน อายุเฉลี่ยก็ประมาณ 18-20 ปี การมีนักเตะดาวรุ่งอยู่ในทีมนั้นเป็นเรื่องที่ดี และทุกทีมก็ควรจะทำตามด้วย เพราะมันเป็นการพัฒนาเยาวชนสู่ทีมชาติไทย

แต่การที่มีมันเป็นดาวรุ่งซะเยอะแบบนี้ บางทีมันก็อาจจะส่งผลกระทบกับทีมได้ช่นกัน ดังที่เราจะได้เห็นกับทีมบุรีรัมย์ ว่าสุดท้ายแล้ว การยืนระยะของดาวรุ่งมันก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ แต่โอเคละ ถ้าสุดท้ายแล้วบุรีรัมย์ ป้องกันแชมป์ไทยลีกได้ ผมก็ถือว่าทีมชุดนี้ประสบความสำเร็จ

แต่ถ้าได้แค่รองแชมป์ หรือตกไปอยู่อันดับสาม ถ้ามองในแง่ของศักยภาพทีมผมถือว่าไม่ขี้เหร่เลย แต่ถ้ามองที่เป้าหมาย กับชื่อชั้นของทีมเซราะกราว ก็ต้องยอมรับว่าการไม่มีแชมป์ติดมือ โดยเฉพาะแชมป์ลีกนั้น ถือว่าล้มเหลว 

2.โดนจับทางได้

เล่นไปเล่นมาจนถึงท้ายฤดูกาล การที่มีเด็กเยอะ และก็ใช้ผู้เล่นตัวหลักๆ เหมือนกันทุกนัด บางทีมันก็ถูกจับทางได้ง่ายเช่นกัน 

ช่วงแรกหลายๆ ทีมอาจจะยังจับทางบุรีรัมย์ ไม่ได้ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทีมค่อนข้างเยอะ แต่มาถึงตรงนี้ก้ต้องบอกว่าหลายๆ ทีมที่เจอสายฟ้า ก็ไม่ได้เกรงกลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว

3.นักเตะต่างชาติ

อีกหนึ่งจุดอ่อนของทีมก็น่าจะเป็นผู้เล่นต่างชาติในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะเลกสอง ที่มันดูจะไม่ใช่ผู้เล่นที่น่ากลัวหรืออันตรายเลย

เราตัด ตูเนซ ออกไปก่อน แต่จริงๆ แล้วฤดูกาลหน้าผมว่าก็ควรหาคนมาแทน ตูเนซ ได้แล้ว แม้ฝีเท้าจะยังเล่นไทยลีกได้สบาย เล่นได้ดีด้วย แต่ด้วยความที่อยู่มานาน และก็ดูจะหมดความท้าทายกับทีมไปแล้ว การหาตัวใหม่มาแทนก็น่าจะดีกว่าเดิม

ส่วนผู้เล่นในแนวรุก การขาดหายไปของ ดิโอโก้ ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ความน่ากลัวของบุรีรัมย์ ลดลงไปมาก ช่วงเลกแรกมี เปโดร จูเนียร์ แม้จะไม่คมเท่า ดิโอโก้ แต่ก็ยังมีความอันตรายและก็ยังดีกว่าที่มีอยู่ตอนนี้ ส่วน โมดิโบ ไมก้า ก็ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่

ขณะที่ 2 ผู้เล่นใหม่ที่ดึงมาเลกสองอย่าง นาสเซอร์ บาราซิต อดีตเด็กปั้นอาร์เซน่อล โอเคยิงประตูได้ดี แต่บางครั้งก็ใช้โอกาสเปลือง และก็ยังไม่ตัวที่บุรีรัมย์ จะฝากความหวังได้ เฉกเช่นเดียวกับ รัสมุส ยอห์นสัน ที่ตั้งแต่มายังยิงประตูไม่ได้เลย

นี่จึงเป็นสิ่งที่บุรีรัมย์ ตัดสินใจผิดในเรื่องตัวต่างชาติฤดูกาลนี้ ปีนี้คงต้องยกเครื่องใหม่ทั้งเซ็ต 

4.ความมั่นใจหล่นหาย

ข้อต้อมาก็คือเรื่องของความมั่นใจ จริงๆ ก่อนหน้าที่บุรีรัมย์ จะบุกมาเยือนเมืองทอง ช่วงนั้นพวกเขายังนำจ่าฝูงอยู่ และมีลุ้นแชมป์บอลถ้วยถึงสองรายการ แต่ฟอร์มช่วงนั้นเองจริงๆ ก็เริ่มสะดุดแล้ว เสมอติดๆ กัน 2 เกม ก่อนที่จะมาเยือนเมืองทอง

และพอบุกพ่ายกิเลนผยองไป 3-1 ก็เลยทำให้เป๋เลยทีนี้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการแพ้กิเลนผยอง และตกจ่าฝูงไทยลีก มันเป็นเอฟเฟกต์ที่ส่งผลให้บุรีรัมย์ฟอร์มแกว่งอยู่ในตอนนี้ และพลาดท่าในบอลถ้วยไปแล้ว 2 รายการ

5.กดดันตัวเอง

สุดท้ายก็คงจะเป็นเรื่องความกดดัน ที่ทีมอย่างบุรีรัมย์ ที่เป็นถึงแชมป์เก่าไทยลีก และเป็นทีมที่ดีที่สุดในประเทศ ความคาดหวังมันก็ย่อมจะสูงตามไปด้วย แต่เมื่อทุกอย่างมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด มันก็ต้องเกิดความกดดันเป็นธรรมดา และทีมเซราะกราวก็ยังไม่สามารถสู้กับความกดดันนั้นได้ดีเท่าไหร่

ทั้งหมดก็เป็นแค่การวิเคราะห์จากผลานและสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ กับฟอร์มล่าสุดของทีมเซราะกราวในเวลานี้ ซึ่งพรุ่งนี้พวกเขายังมีเกมสำคัญในการออกไปเยือนนครราชสีมา ถ้าชนะไม่ได้ การลุ้นแชมป์ลีก ก็อาจจะจบลงไปด้วย

แต่กระนั้นก็ยังต้องลุ้นกันต่อไปกับโปรแกรมที่เหลือ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทีมเซราะกราวนะครับ และหวังว่าจะมีแชมป์ติดมือในฤดูกาลนี้

มูซาชิ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline