เช็คผลงาน! 8 แข้งผี ปี 99 ที่ผันตัวมาเป็นกุนซือ

ไรอัน กิ๊กส์ อดีตดาวเตะเจ้าของฉายา "ปีกพ่อมด" เพิ่งจะรับงานคุมทีมเต็มตัวกับทีมชาติเวลส์ และเปิดตัวได้อย่างสวยงามด้วยการถล่ม จีน เจ้าภาพในศึก ไชน่า คัพ ไป 6-0 แม้จะแพ้ในนัดชิงต่อ อุรุกวัย 1-0 ก็ตามที

  อย่างไรก็ตามการเปิดซิงอย่างแจ่มแมวแวววับของ กิ๊กส์ซี่ ก็ทำให้ย้อนนึกถึงลูกศิษย์ป๋าเฟอร์กี้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าแต่ละคนที่เลิกเล่นบอลแล้วผันตัวไปเป็นกุนซือ ผลงานแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งแน่นอนหากพูดถึงยุคป๋า ปี 1999 น่าจะพีคที่สุด เพราะคว้ามาได้ถึง 3 แชมป์ แล้วคุณๆ ท่านๆ รู้หรือไม่ว่า ขุนพลทัพ "ปีศาจแดง" ชุดนั้น ได้ลองเชิงการเป็นกุนซือมาแล้วถึง 8 คน ก่อนจะมี กิ๊กส์ เป็นคนที่ 9   ว่าแล้ววันนี้เราก็มาย้อนรำลึกกันหน่อยดีกว่าว่าขุนพลชุดประวัติศาสตร์ของทัพ "ปีศาจแดง" ชุดนั้น เป็นอย่างไรกันบ้างในอาชีพกุนซือ     นักเตะคนแรกในชุด "ทริปเปิ้ล แชมป์" ที่กระโดดไปรับงานคุมทีมในปี 2005 กับสโมสร ลินน์ ใน นอร์เวย์ บ้านเกิด อยู่ได้ 3 ปี ก็ย้ายไปคุม ลีลล์สตรอม, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ลีเกีย วอร์ซอ และทีมล่าสุดคือ วิดีโอตอน เมื่อปี 2016-2017 ประสบความสำเร็จพา ลีเกีย วอร์ซอ คว้าแชมป์ลีกโปแลนด์ มาครองได้ในปี 2014 แต่ที่ล้มเหลวที่สุดคือการคุมทัพ "กุหลาบไฟ" อดีตต้นสังกัด เพราะอยู่ในตำแหน่งได้ 57 วันก็โดนไล่ออก หลังคุมทีมเล่นไป 10 นัดชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 6   สถิติการคุมทีม 319 นัด ชนะ 144 เสมอ 78 แพ้ 97 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะ 45.14%     อดีตกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นโค้ชที่เก่งได้ ด้วยบุคลิกที่ลูกทีมต้องยำเกรง ความเด็ดขาดในการตัดสินใจ และความเป็นผู้นำที่สูงมาก หากได้รับวิชาและสั่งสมประสบการณ์อีกนิดก็คงก้าวไปเป็นยอดกุนซือได้ไม่ยาก ซึ่งการประเดิมอาชีพกุนซือของเขาเหมือนจะสวยหรู เมื่อสามารถพา ซันเดอร์แลนด์ เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก ได้ตั้งแต่ปีแรก เมื่อฤดูกาล 2006/07   ฤดูกาลถัดมาเขาพา "แมวดำ" อยู่รอดได้สำเร็จ ด้วยการจบอันดับที่ 15 บอร์ดบริหารพอใจให้ทำหน้าที่ต่อ ทว่าซีซั่น 2008/09 ซันเดอร์แลนด์ มีการปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้น "คีโน่" ซึ่งเป็นคนห่ามๆ บ้าๆ ไม่พอใจขอลาออกกลางคัน ช่วงท้ายฤดูกาล จากนั้นไปคุม อิปสวิช ทาวน์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แถมมีปากเสียงกับลูกทีมและนักข่าวประจำ อยู่ได้ปีกว่าๆ ก็ถูกยกเลิกสัญญา ต่อมาในปี 2013 ก็ไปเป็นผู้ช่วยทีมชาติไอร์แลนด์ บ้านเกิด จวบจนถึงปัจจุบัน   สถิติการคุมทีม 181 นัด ชนะ 70 เสมอ 42 แพ้ 69 เปอร์เซ็นต์ชนะ 38.7%     แกรี่ ดูน่าจะเป็นอีกคนที่มีแววการเป็นกุนซือที่ดีคนนึงในทัพ "ปีศาจแดง" ชุด 3 แชมป์ เพราะเคยเป็นทั้งกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด และก็เป็นนักวิจารณ์ที่ฝีปากฉมังดูเก่งกาจมาก หลังแขวนสตั๊ด แถมยังเป็นผู้ช่วย รอย ฮ็อดจ์สัน ตอนคุมทีมชาติอังกฤษอีกต่างหาก จนกระทั่ง บาเลนเซีย ได้หยิบยื่นโอกาสให้พี่แกลองมาคุมทีมเต็มตัวจริงๆ โดยใช้สมองมากกว่าปาก เมื่อธันวาคม 2015   ทว่า เนวิลล์ ผู้พี่ทำมันพังพินาศ ไม่เป็นที่ยอมรับของนักเตะ ภาษาก็พูดไม่ค่อยได้ สื่อสารไม่รู้เรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นลากน้องชาย ฟิล เนวิลล์ มาเป็นผู้ช่วยอีก ทีนี้ยิ่งอีรุงตุงนัง เละเทะ สุดท้ายอยู่ในตำแหน่งได้แค่ 4 เดือนก็โดนเด้งพ้นเก้าอี้   สถิติการคุมทีม 28 นัด ชนะ 10 เสมอ 7 แพ้ 11 เปอร์เซ็นต์ชนะ 35.71%     ก่อนที่จะก้าวไปเป็นกุนซือเต็มตัว "น้าโอเล่" เริ่มฝึกวิชาด้วยการเป็นเฮดโค้ชทัพ "ปีศาจแดง" ชุดสำรองอยู่ 3 ปี ระหว่างปี 2008-2011 ก่อนจะขอออกไปรับงานกุนซือทีม โมลด์ ในนอร์เวย์ บ้านเกิด และถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก พาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัย บอลถ้วยอีก 1 สมัย   จากนั้นก็ขอออกมาหาความท้าทายใหม่ด้วยการย้ายไปคุม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ที่นี่เองที่ชีวิตกุนซือของ โวลชา เริ่มตกต่ำ เขาไม่สามารถพาทีมรอดตกชั้นได้ แถมยังออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ใน แชมเปี้ยนชิพ ได้ไม่ดีอีก จนโดนไล่ออกในที่สุด แต่ โมลด์ ก็เปิดอกต้อนรับเขาอีกครั้ง นับตั้งแต่ตุลาคม 2015 ที่กลับไปคุม โมลด์ หนที่ 2 จนถึงบัดนี้ก็ยังครองเก้าอี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ผลงานก็พอไปวัดไปวา   สถิติการคุมทีม 233 นัด ชนะ 120 เสมอ 43 แพ้ 70 เปอร์เซ็นต์ชนะ 51.5%     แม้จะเป็นฮีโร่ ทำประตูได้ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1999 แต่เส้นทางการเป็นกุนซือของเขานั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง "น้าหมี" เริ่มต้นคุมทีม สตีฟเนจ เมื่อปี 2015 คุมได้ 33 เกมก็โดนไล่ออก จากนั้นก็ข้ามน้ำข้ามทะเลไปคุมทีม เอทีเค ในลีกอินเดีย คุมได้แค่ 10 เกม ก็ไม่วายโดนปลด เพราะผลงานแย่   สถิติการคุมทีม 43 นัด ชนะ 10 เสมอ 13 แพ้ 20 เปอร์เซ็นต์ชนะ 23.3%     เพิ่งเข้ามารับงานคุมทีมชาติอังกฤษ ชุดผู้หญิง ได้แค่ 3 เกมเท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้ก็สั่งสมประสบการณ์ในการเป็นโค้ชและผู้ช่วยมาไม่น้อย ทั้งกับ บาเลนเซีย และที่ แมนฯ ยูไนเต็ด   สถิติการคุมทีม 3 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 เปอร์เซ็นต์ชนะ 33.3%     ลูกชายของตำนานแข้งอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ หลังจากนั่งแท่นผู้อำนวยการกีฬาให้สโมสร มัคคาบี้ เทล-อาวีฟ มานาน 5 ปีเต็ม เมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว ครัฟฟ์ ตัดสินใจลงมารับงานกุนซือมันเองซะเลย แต่ก็เหมือนจะเริ่มได้ไม่สวยนัก เพราะโดนถีบตกรอบบอลถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ส่วนในลีกก็ต้องลุ้นแย่งแชมป์กันอยู่   สถิติการคุมทีม 44 นัด ชนะ 27 เสมอ 9 แพ้ 8 เปอร์เซ็นต์ชนะ 61%     ก่อนจะรับงานกุนซือแบบเต็มตัวกับ เรดดิ้ง สตัม ก็เป็นอีกคนที่ฝึกปรือฝีมือมาจนคิดว่าแก่กล้าแล้ว ด้วยการเป็นเฮดโค้ชรักษาการให้ ซโวลล์ ในลีกฮอลแลนด์ บ้านเกิด จากนั้นก็ถอยตัวเองมาเป็นผู้ช่วย อยู่ได้ 2 ปี ก็ย้ายไปเป็นผู้ช่วย อาแจ็กซ์ ก่อนจะเริ่มรับงานจริงจังกับ เรดดิ้ง ในปี 2016 ซึ่งผลงานก็ดีใช่เล่น   เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เรดดิ้ง ไต่อันดับมาได้ถึงโอกาสเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แต่น่าเสียดายที่ทำไม่สำเร็จ มาฤดูกาลนี้ เรดดิ้ง คือทีมเต็งอันดับต้นๆ ที่จะเลื่อนชั้นได้ ทว่าทุกสิ่งมันกลับ กลับตาลปัตร เพราะ สตัม พาทีมชนะแค่เกมเดียวจาก 19 เกมหลังสุดก่อนโดนไล่ออก ปัจจุบันกลายเป็นกุนซือตกงานดั่งเช่นอีกหลายๆ คน   สถิติการคุมทีม  98 นัด ชนะ 40 เสมอ 23 แพ้ 35 เปอร์เซ็นต์ชนะ 40.8%   และนี่คือทั้ง 8 อรหันต์ในขุนพลชุด "ทริปเปิ้ล แชมป์" เมื่อปี 1999 ของทัพ "ปีศาจแดง" ดูเส้นทางแล้วก็เป็นห่วงแทน กิ๊กส์ จริงๆ ว่าจะล้มเหลวเหมือนเพื่อนๆ รึป่าว เพราะแต่ละคนดูไม่อ่าวสักคน