logo-heading

เรียบร้อยกันไปแล้วสำหรับเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก นัดที่ 4 ของ ทีมชาติไทย เป็นเกมที่เราคาดหวังกันเยอะพอสมควร ว่าน่าจะเป็นเกมแรกในรอบเกือบ 40 ปีที่เราบุกมาเอาชนะ ทีมชาติมาเลเซีย ได้

แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่หวัง และต้องจบด้วยการฝันดีตามเดิม เพราะเราบุกไปแพ้ให้กับ เสือเหลือง ด้วยสกอร์ 2 - 1 พร้อมกับประเด็นมากมายทั้งการจัดตัวผู้เล่นของ อากิระ นิชิโนะ หรือแม้ว่าฟอร์มของนักเตะไทยเอง วันนี้ "ทีมงานขอบสนาม" ขอวิเคราะห์แบบจัดเต็มๆ กับ 4 ข้อที่เห็นแบบชัดๆ หลังเกมที่ ทีมชาติไทย แพ้เมื่อวานนี้

ข้อแรก การเปลี่ยนทีมที่เยอะเกินไป

เรื่องนี้ทุกคนน่าจะมองในทิศทางเดียวกันว่าคือ ความผิดพลาดตั้งแต่เริ่มเกมที่ อากิระ นิชิโนะ กุนซือใหญ่ เลือกเปลี่ยนกองหลัง 3 จาก 4 คน (คิดจากเกมกับ ยูเออี) แน่นอนว่าการเปลี่ยนตัวผู้เล่นในแต่ละเกมสามารถเกิดขึ้นตามความเหมาะสมต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกันคือเกมกับ มาเลย์ เราแค่ต้องหาแบ็กซ้ายคนใหม่มาแทน ธีราทร บุญมาทัน ที่ติดโทษแบนเท่านั้น แต่สุดท้ายไม่ใช่เพราะ นิชิโนะซัง เลือกเปลี่ยน 3 จาก 4 คน เอา เอเลียส ดอเลาะ มาแทนที่ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และเอา นิติพงษ์ เสลานนท์ ออก แล้วส่ง ทริสตอง โด ลงสนามมาแทน แถมแบ็กซ้ายยังเลือกใช้ กรกช วิริยะอุดมศิริ ที่ปีนี้ไม่อยู่ในฟอร์มที่ดีแทนที่ของ "โก๋อุ้ม" ซึ่งการเปลี่ยนทีมที่เยอะขนาดนี้ มันจะไม่มีผลอะไรตามมาถ้าจบเกมเรามีผลการแข่งขันที่ดี แต่เมื่อวานนี้ตรงกันข้ามชัดเจนเพราะการเปลี่ยนตัวเยอะส่งผลชัดเจนกับเราเต็มๆ กองหลังชุดนี้ดูไม่เข้าใจกันเท่าไหร่ , เกมรุกจากแบ็กทั้งสองฝั่งไม่มีเลย พอเกมรับไม่แน่นอน แถมเกมบุกจากเกมรับที่เคยทำได้ดีก็หายไปเลย ทำให้เราปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่า การเปลี่ยนทีมของ นิชิโนะ เมื่อวานนี้คือข้อผิดพลาดเต็มๆ

ข้อสอง "ชนาธิป สรงกระสินธ์" หายไปเลย

ถ้านับแค่ 3 เกมล่าสุดที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลงเล่นให้กับทีมชาติไทยในศึกคัดบอลโลก ต้องบอกตามตรงว่าน่าผิดหวังพอสมควร เพราะผลงานของ "เจ" ถือว่าต่ำกว่ามาตราฐานทุกเกม แม้เกมกับ มาเลเซีย จะยิงประตูได้ แต่ภาพรวมถือว่ายังช่วยทีมได้ไม่เยอะ โดยเฉพาะเกมนี้ เจ จ่ายบอลผิดพลาดเยอะมากทั้งบอลสั้น และ บอลยาว หรือ บอลจังหวะ 1 - 2 กับเพื่อน ปัญหานี้สามารถตีความได้ 2 อย่างคือ เจ คิดเร็วไปกว่าเพื่อนร่วมทีม 1 สเต็ป หรือ เพื่อนๆ อาจจะตาม เจ ไม่ทัน แต่ถึงจะคิดมุมไหนก็ไม่เป็นผลดีกับเรา และถ้าเกมต่อๆ ไป ชนาคุง ยังอยู่ในฟอร์มแบบนี้ถือว่าเป็นงานหนักของเกมรุกทีมชาติไทย  

ข้อสาม ฟ้าฝนไม่เป็นใจ และ สนามไม่คุ้นชิน

แน่นอนว่าข้อนี้หลายคนอาจจะบอกว่าแล้ว มาเลเซีย เขาไม่เล่นสนามเดียวกับเราเหรอครับ ?? เราก็จะตอบว่าเล่นสนามเดียวกัน แต่ระดับความคุ้นชินมันต่างกัน ซึ่งความยากเรื่องสนามที่หญ้ามาเลย์เล่นงานนักเตะไทยมีอยู่แล้วแน่นอน เพราะหญ้าใบใหญ่ ทำให้บอลเดินทางช้า ถ้าเราต้องการเล่นให้เร็วเหมือนเดิมก็ตามเพิ่มสปีดและพละกำลังเราเอง แต่เราไม่สามารถทำได้ตลอดทั้งเกม แถมเมื่อวานนี้ยังเจอฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจตกลงมาตั้งแต่ก่อนเกม เรื่อยไปจนจบเกม พอนำ 2 ปัญหานี้มาบวกกัน ทำให้นักเตะทีมชาติไทยของเราหลายๆ คนถึงกับไปไม่เป็นเลย  

ข้อสี่ ความกระหายของมาเลเซียมีมากกว่า

ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดที่สุดก็คงต้องย้อนกลับไปเกมที่เราเอาชนะ ยูเออี มาได้ โดยเกมนี้สลับฝั่งกันเลย เราเล่นเหมือน ยูเออี ในวันที่เจอกับเรา และ มาเลเซีย เล่นเหมือนเราในวันที่เจอกับ ยูเออี ต่างกันแต่เรายิงนำก่อนแค่นั้นเอง ซึ่งถ้าใครได้ดูเกมตลอด 90 นาทีคงเห็นคล้ายๆ กันว่า นักเตะมาเลเซียมุ่งมั่นที่จะชนะเรามากๆ แม้จะโดนนำไปก่อน แถมเกมในช่วงแรกที่ยังเล่นกันได้ไม่ดี แต่เขาก็ค่อยๆ ยกระดับการเล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตีเสมอได้ และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกมของพวกเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งครึ่งหลังยิ่งชัดว่า มาเลเซีย ดีกว่าเราจริงๆ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline