logo-heading

ชื่อของ วิลฟรีด ซาฮา ได้รับการจับตามองมาตั้งแต่สมัยยังเป็นดาวรุ่งพุ่งขึ้นมาใหม่ๆ และการได้ย้ายไปร่วมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปรียบเสมือนลู่ทางที่ทำให้เขาได้โอกาสพัฒนาฝีเท้า และแจ้งเกิดในวงการได้มากยิ่งขึ้น

แต่ทว่าชีวิตในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ช่างต่างจากความฝันที่ได้คิดเอาไว้ จนสามารถเรียกได้เต็มปากว่าล้มเหลว ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาย้อนกลับไปดูเรื่องราวในช่วงนั้นว่าด้วยเหตุอะไรทำให้ ซาฮา ไม่อาจแจ้งเกิดในสีเสื้อ “ปีศาจแดง” ได้ และชีวิตหลังจากก้าวเดินออกมา จนถึงปัจจุบันที่เพิ่งกลับไปซัดประตูทีมเก่ามันเป็นอย่างไรบ้าง

เพชรเม็ดงาม ที่ 'ป๋าเฟอร์กี้' ซื้อเข้าสู่ทีม

ย้อนกลับไปเรื่องราวในเส้นทางลูกหนังของ วิลฟรีด ซาฮา เจ้าตัวเติบโตขึ้นมาจากอคาเดมี่ของ คริสตัล พาเลซ ก่อนที่จะพัฒนาฝีเท้าของตัวเองจนสามารถเบียดขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของทัพ "ปราสาทเรือนแก้ว" ได้สำเร็จด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งจากฝีเท้าที่เกินอายุไปมาก โดยเฉพาะจุดเด่นในเรื่องของสปีดความเร็วทำให้ ซาฮา กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมได้ในเวลาเพียงนิดเดียว และมันก็ไม่แปลกที่จะมีหลายสโมสรใหญ่ต้องการคว้าตัวเขาไปเสริมทัพ และหนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ช่วงนั้นกุนซือของทีมยังคงเป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จวบจนช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2013 แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้าคว้าตัวดาวรุ่งฝีเท้าเยี่ยมอย่าง ซาฮา มาครอบครองได้สำเร็จด้วยค่าตัวราวๆ 12 ล้านยูโร ก่อนปล่อยให้ พาเลซ ยืมตัวไปใช้งานก่อนในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่น 2012-13 แต่ทว่าท้ายที่สุดคนที่ซื้อ ซาฮา มาสู่ทีมอย่าง ป๋าเฟอร์กี้ ก็สร้างเซอร์ไพร์สด้วยการประกาศวางมือจากตำแหน่งกุนซือทัพ "ปีศาจแดง" เสียอย่างนั้น มันเลยทำให้ชีวิตการค้าแข้งของ ซาฮา ไม่ได้โอกาสร่วมงานกับบรมกุนซือผู้นี้ และต้องมารับวิบากกรรมร่วมงานกับเจ้านายที่มองข้ามความสามารถของเขาอย่าง เดวิด มอยส์ ย้อนไทม์ไลน์ของ วิลฟรีด ซาฮา จากเด็กส่วนเกิน สู่ผู้พิชิต แมนฯ ยูไนเต็ด  

คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าช่วงเวลาของ วิลฟรีด ซาฮา กับการได้ร่วมงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ นั้นมันคาบเกี่ยวกันในเรื่องของช่วงเวลาเพียงนิดเดียว แต่ในเมื่อสัญญาได้เซ็นกันไปแล้วทุกอย่างมันก็ต้องเดินหน้าต่อไป เจ้านายคนใหม่อย่าง เดวิด มอยส์ เดินเข้ามาพร้อมกับความหวังในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะความสำเร็จที่ ป๋าเฟอร์กี้ เคยทำเอาไว้ ส่วนความหวังของ ซาฮา การได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอน่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อยกับการออกเดินทางในครั้งนี้ แต่ทว่าความฝัน กับความจริงที่ปรากฎมันเดินสวนทางกันมาพอควร ชื่อของ วิลฟรีด ซาฮา เริ่มหายไปจากหน้าสื่อเรื่อยๆ ด้วยเหตุที่ว่า มอยส์ ไม่ได้ใช้บริการปีกความเร็วสูงผู้นี้เลย โดย ซาฮา ได้รับโอกาสลงสนามทุกรายการเพียง 4 เกมเท่านั้น มรวมแล้วเป็นเวลาเพียง 179 นาที ก่อนจะถูกปล่อยตัวไปให้ คาร์ดิฟฟ์ ที่มี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คุมบังเหียนอยู่ในตอนนั้นยืมตัว ก่อนที่ในซีซั่นถัดมาก็ถูกปล่อยยืมตัวกลับไปให้ คริสตัล พาเลซ ยืมตัว และขายขาดในเวลาต่อมาด้วยมูลค่าเพียง 4 ล้านยูโรเท่านั้น ทำให้บทสรุปสุดท้ายนี้กลายเป็นอีกดีลที่ล้มเหลวมากพอสมควรสำหรับตัว แมนฯ ยูไนเต็ด และ ซาฮา ว่าแล้วมันก็น่าสนใจไม่น้อยว่าถ้าสมมุติ ซาฮา ได้อยู่ในมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปจากที่เกิดขึ้นมาก-น้อย ขนาดไหน

ซาฮา ยืดอกความล้มเหลว เกิดขึ้นเพราะตัวเขา

หลังจากความล้มเหลวเริ่มจางหายไป ซาฮา ก็ได้ทบทวนเรื่องราวในอดีตที่ไม่น่าจดจำเสียเท่าไหร่ โดยบอกว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นสมัยยังเป็นนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นส่วนหนึ่งเพราะความไร้เดียงสายังเด็กเกินไปกว่าที่คิดอะไรให้มันรอบครอบโดยเฉพาะเรื่องในสนามที่อยากจะโชว์ทักษะสกิลที่มี มากกว่าผลลัพธ์ของทีม "เมื่อครั้งที่ผมต้องย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่ตอนนั้นมีอายุเพียง 19-20 ปี เท่านั้นเอง มันเลยทำให้ไม่รู้เลยว่าควรจะคาดหวังกับอะไร ต้องทำตัวยังไง ผมมันเป็นเหมือนเด็กดาวรุ่งที่แค่อยากโชว์ผลงาน ไม่ได้สนใจเรื่องของผลการแข่งขันของทีม ตอนนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นมีจิตใจที่แข็งแกร่งหลังจากเคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ผมคิดว่าสิ่งสำคัญในการเล่นฟุตบอลคือเรื่องของจิตใจ เพราะมันจะส่งผลมาถึงผลงานของตัวคุณเอง"

ข่าวนอนกับ ลูกมอยส์ มีส่วนทำอนาคต (เกือบ) พัง

นอกจากความประพฤติส่วนตัวแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่เหมือนจะเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้ชีวิตของ ซาฮา กับ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเดินร่วมทางกันได้ก็คือข่าวที่ออกมาว่าเจ้าตัวได้ไปนอนกระหนุงกระหนิงกับลูกสาวของ เดวิด มอยส์ ที่นามว่า ลอเรน มอยส์  ซึ่งแท้จริงเรื่องนี้ทาง ซาฮา ก็ออกมาพูดเองกับปากว่าแม่งไม่ใช่ความจริง นอกจากมันจะไม่ใช่เรื่องจริงแล้วทางสโมสรก็ไม่ได้ออกมาปกป้องอะไรในตัวเขาเลย จนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขากับ มอยส์ จะไม่ค่อยจะลงรอย และต้องแยกทางกันอย่างรวดเร็ว "ในทีมไม่มีใครพูดกับผมเลย ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ ผมจำได้ว่าผมเคยทวิตข้อความไปแล้วว่ามันเป็นข่าวที่โง่มาก หลังจากนั้นสโมสรก็บอกให้ผมไม่ควรทำแบบนั้น พวกเขาไม่ได้คิดจะช่วยผมเลย ผมย้ายมา และต้องเจอกับปัญหาใหญ่ เพราะผู้คนเอาแต่พูดว่าผมไปนอนกับลูกสาวของผู้เป็นกุนซือ  นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ได้ลงเล่น" "มันกลายเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันยาว จนเขาไม่เข้ามาคุยกับผมเลย แม่งโคตรตลก แม้จนถึงตอนนี้ก็ยังมีคนเข้าใจว่ามันคือเรื่องจริง คือพูดตามตรงเลยนะผมไม่เคยเจอกับลูกสาวของเขาเลยด้วยซ้ำ" ย้อนไทม์ไลน์ของ วิลฟรีด ซาฮา จากเด็กส่วนเกิน สู่ผู้พิชิต แมนฯ ยูไนเต็ด

ชีวิตหลังออกจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด

เหมือนชีวิตของ ซาฮา จะเกิดมาเพื่อ คริสตัล พาเลซ อย่างไงอย่างงั้น เพราะนี่คือสโมสรที่มอบโอกาสให้กับเขาเลี้ยงดูจนเติบโต ก่อนออกไปหาประสบการณ์ ซึ่งเมื่อมันไม่ประสบผลสำเร็จ ที่แห่งนี้ยังคงอ้าแขนรับเขากลับมายังบ้านหลังนี้เสมอ  และการกลับมาในครั้งนี้มันช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับตัวเขาเป็นอย่างมาก และยกระดับของสโมสรให้มีแนวรุกที่น่าเกรงขาม ปัจจุบัน ซาฮา ในวัย 27 ปีกลายเป็นผู้นำของสโมสรแห่งนี้ไปแล้วเป็นี่เรียบร้อย และที่ผ่านมาก็มีข่าวอย่างมากมายว่าได้รับข้อเสนอจากทีมใหญ่มากมาย แต่สุดท้ายเขายังคงอยู่ที่นี่ไม่ได้ย้ายไปไหน จวบจนมาถึงวันนี้ วันที่เขากลับไปยิงประตูทีมเก่าถึงโรงละครแห่งความฝัน อาการดีใจที่แสดงออกมามันคงบอกอะไรเราได้หลายอย่างเพราะครั้งหนึ่งนี้คือนักเตะที่เปรียบเสมือนวายร้ายแห่งทัพ "ปีศาจแดง" และมันคงไม่แปลกที่ประตูดังกล่าวจะช่วยให้ความทรงจำที่โหดร้ายสำหรับเขาได้หายไปจากความทรงจำ

- เปา ขอบสนาม - 

logoline