logo-heading

ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงการแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กลับไปขึ้นเป็นจ่าฝูง ในรอบ 1,221 วัน กับ ลิเวอร์พูล แชมป์เก่าที่ร่วงจากบัลลังค์ ทันใดนั้นมีหนึ่งคนที่กำลังยิ้มร่าด้วยความแฮปปี้ คือชายชาวสเปน ที่อาศัยอยู่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม นามว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า 

เพราะหลายคนกลับมองข้ามขุนพล "เดอะ ซิตี้เซ่น” ทั้งๆที่พวกเขาเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์มาตลอด .. และ นั่นทำให้พวกเรานึกไปถึงนิทานวัยเด็ก ที่ ตาอิน กับ ตานา เถียงกันเรื่องปลาหนึ่งตัว สุดท้ายเป็น "ตาอยู่" เอาไปแดกคนเดียว ซึ่งมันมีหลากหลายเหตุผลมากๆที่ฟ้องว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจเป็นม้านอกสายตา และ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปครอง

- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือเต็ง 1 ทำไมถึงถูกมองข้าม ?

ต้องเกริ่นก่อนว่า ฤดูกาลนี้ มีตัวแปรมากมายเหลือเกินครับ ที่ทำให้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ได้มีแต้มฉีกขาดเหมือนกับที่ ลิเวอร์พูล ฉีกคู่แข่ง 20-30 แต้ม เมื่อซีซั่นก่อน และปีนี้ ทีมเล็กๆสามารถต่อกร หรือ ตัดแต้มทีมยักษ์ใหญ่ได้หลายต่อหลายนัด ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็คือหนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่ทำแต้มหล่น จนเหมือนหลุดวงโคจร ในช่วงที่ ลิเวอร์พูล ลุ้นแย่งพื้นที่จ่าฝูงกับพวก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ เลสเตอร์ ซิตี้ นั้น ทัพ เรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป มีปัญหามากมายเหลือเกิน ทั้งกองหน้าบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็น เซร์คิโอ อเกวโร่ หรือ กาเบรียล เชซุส รวมถึงยังมีนักเตะที่ติดเชื้อ โควิด-19 เข้ามาเป็นตัวแปรด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้น ผลการแข่งขันของ แมนฯ ซิตี้ มันดูจะเป็นการออกสตาร์ทที่ไม่ดีเอาเสียเลย การเจอกับทีมหัวกะทิ กลับชนะแทบไม่ได้ มีทั้งแพ้ เลสเตอร์ 2-5 / แพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-2 พร้อมกับ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 และ เจ๊า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 รวมถึงนัดผ้าป่าคว่ำ ที่ทำได้เพียงเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในบ้าน 1-1 เมื่อเอา เรื่องปัญหาขุมกำลัง มาผนวกกับผลการแข่งขันที่ดูไม่เป็นใจ ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากทีมตัวเต็ง กลายเป็นทีมที่หลุดวงโคจร ไม่ค่อยเข้ามามีบทบาทในสายตาแฟนบอลสักเท่าไหร่

- กลับเข้าฝั่งแบบเงียบๆ 

ถึงแม้ เรือใบสีฟ้า ลำนี้ จะแล่นออกทะเลไปไกลโพ้น จนเหมือนว่าจะกลับเข้าฝั่งมาไม่ได้อีกแล้ว อารมณ์เหมือนประโยคหนึ่งจากเพลง บอดี้ สแลม ที่กล่าวเอาไว้ว่า "จะออกไปแตะขอบฟ้า แต่เหมือนว่าโชคชะตาไม่เข้าใจ มองไปไม่มีหนทาง ชีวิตฉันต้องล่มลงใช่ไหม" แต่ เรือใบลำนี้ แข็งแกร่งมากครับ ต่อให้โดนพายุ ถั่งโถม สักเพียงไหน พวกเขาจะไม่ยอมแพ้คำขู่ เรียนรู้ และ สู้ไป เพราะจากที่กำลังจะหลุดวงโคจรการลุ้นแชมป์ เป๊ป ค่อยๆพาลูกทีม เก็บชัยชนะแบบเงียบๆ ถึงแม้แฟนบอลจะมี "ภาพจำ" ในวันที่ทำผิดพลาด เฉกเช่นนัดเสมอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บชัยชนะบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 4 เกมรวด ทีมไหนจะสะดุด หรือ จะฟอร์มดีไม่รู้ แต่ เรือใบสีฟ้า พยุงตัวเองกลับเข้าฝั่งแบบเงียบๆ อาจจะเป็น 3 แต้ม ที่ไม่ได้สวยงาม หรือ ยิงคู่แข่งกระจายแบบ 2-3 ซีซั่นก่อน แต่มันทำให้พวกเขาเก็บเพิ่ม 12 คะแนนเต็ม จากที่เคยอยู่เกือบลงไปกลางตาราง ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขยับเข้ามาอยู่อันดับ 3 แข่ง 16 นัด มีอยู่ 32 แต้ม ตามหลัง ลิเวอร์พูล 1 คะแนน และ ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 คะแนน ซึ่ง เรือใบสีฟ้า แข่งน้อยกว่าทั้ง 2 ทีม 1 นัด เท่ากับว่าถ้าหากพวกเขาเก็บ 3 คะแนน จากนัดเก็บตกได้ล่ะก็ จะไล่จี้เหลือจ่าฝูง 1 แต้ม ทันที

- ไม่มีกองหน้า แต่กองกลางช่วยกันยิง

ใช่ครับผลงานที่ปีนี้ เรือใบสีฟ้า สาละวันเตี้ยลง เป็นเพราะ กุน อเกวโร่ กับ เชซุส ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมเท่าไหร่ ฟอร์มก็เป็นเรื่องนึง แต่เรื่องอาการบาดเจ็บคือปัญหาสำคัญ ส่งผลให้กองหน้าทั้ง 2 คน ยิงรวมกันในลีกซีซั่นนี้ เพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น ฟังแล้วดูเหมือนจะมีปัญหา เพราะปรกติค่าเฉลี่ยของ กุน จะซัดมากกว่า 20 ตุง ต่อซีซั่น ขนาดน้อยที่สุด ก็ซัดไป 12 ประตู ตอนฤดูกาล 2012-13 แต่ไม่ใช่แบบนั้นครับ เพราะปีนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กดอัลติ ให้บรรดากองกลาง ช่วยแบ่งเบาภาระในเรื่องการทำประตู ปกติจะมี เควิน เดอ บรอยน์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่เป็นตัวชูโรง ฟิล โฟเด้น 4 ประตู / อิลคาย กุนโดกัน 3 ประตู / ริยาด มาห์เรซ 4 ประตู และ เฟร์รัน ตอร์เรส อีก 2 ประตู ซึ่งจะเห็นเลยว่า เรือใบสีฟ้า ยุคนี้ ไม่ได้พึ่งแต่กองหน้า หรือ ใครบางคนเท่านั้น ซึ่งจุดเด่นตรงนี้แหละครับ ที่เป็นอีกหนึ่งอาวุธอันตรายในการสร้างความสำเร็จ แต่กระนั้นต้องรักษาความฟิตของเหล่านักเตะเอาไว้ให้ได้

- ขุมกำลังจะฟิตเต็มสูบ

อีกหนึ่งเรื่อง ที่สาวก ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะลืมไปแล้ว ก็คือเรื่องขุมกำลัง ต้องบอกว่า เดอะ ค็อป รู้ซึ้งดีว่าการขาดนักเตะตัวหลักไป มันเกิดบาดแผลลึกมากขนาดไหน และ ส่งผลกระทบกับผู้เล่นมากเพียงใด ส่วน ปีศาจแดง ยังดีที่ผู้เล่นคีย์แมนยังอยู่กันครบ เช่นกัน ขุมกำลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ณ ตอนนี้ มีให้ เป๊ป เลือกใช้งานจนสนุกมือ เพราะทั้ง กุน และ เชซุส ก็กลับมาเป็นตัวเลือกที่พร้อมส่งลงไปเป็นอาวุธเด็ด บรรดาแนวรับ ก็ไม่มีอาการบาดเจ็บ หรือ เรื่อง โควิด-19 มาให้กวนใจ ทั้งฟูลแบ็ก และ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้ เพียงแต่ตอนนี้ จอห์น สโตนส์ กับ รูเบน ดิอาซ กำลังเข้าฝัก ฉะนั้นการจะออกศึก ให้รบชนะ จะต้องรู้เขา รู้เรา ดังวลีที่ว่า "รบ 10 ครั้ง ชนะ 10 ครั้ง" การโฟกัสอยู่ที่ผลงานตัวเอง คือสิ่งที่ควรทำ แต่กระนั้นก็ไม่ควรประมาท หรือ มองข้ามทีมไหนทั้งสิ้น เพราะในช่วงที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล กำลังเอิดใส่กัน อาจจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แทรกขึ้นมา แล้วอาจคว้าแชมป์ไปก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ ?

ฮาย ฮาวดี้

logoline