logo-heading

เริ่มร้อนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสำหรับทีมชาติเดนมาร์ก ภายหลังกรุยทางเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูโร 2020 ได้สำเร็จ ด้วยการถล่มเอาชนะ เวลส์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก 4-0 เข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง เนเธอร์แลนด์ หรือ สาธารณรัฐเช็ก

ซึ่งด้วยผลงานที่ร้อนระอุก็เริ่มมีแฟนบอลนึกคิดถึงการสร้าง "เทพนิยาย" ของพวกเขา ภายหลังเคยเถลิงบัลลังก์คว้าแชมป์ยูโรมาครองได้สำเร็จเมื่อปี 1992 หรือเมื่อ 29 ปีก่อน ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราเลยทำการหาสัญญาณที่มันกำลังจะบ่งบอกเราว่าพลพรรคทัพ "โคนม" จะก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ยุโรป และสร้าง "เทพนิยายเดนส์" ขึ้นมาอีกครั้ง จะมีเหตุผลข้อใดบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

ตายยากในรอบแบ่งกลุ่ม

ประเด็นแรกขอย้อนกลับไปตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเลยนะครับ โดยทัพ "โคนม" ถูกจับฉลากมาอยู่ในกลุ่ม B ร่วมกับ เบลเยี่ยม, ฟินแลนด์ และ รัสเซีย ซึ่งถ้าดูจากชื่อเสียง และคุณภาพของตัวผู้เล่นตามหน้ากระดาษก็ต้องยอมรับว่า เดนมาร์ก ดูจะมีภาษีที่ดีกว่า และน่าจะไม่ใช่งานที่ยากมากนักในการกรุยทางเข้าสู่รอบต่อไป แต่... สิ่งที่นึกคิดมันอาจสวนทางกับความเป็นจริง เพราะการออกสตาร์ท 2 เกมแรกพวกเขาต้องประสบพบเจอกับความพ่ายแพ้ต่อทั้ง ฟินแลนด์ และ เบลเยี่ยม ซึ่งสถานการณ์ ณ ตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่า "ยากมาก" ที่พวกเขาจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ เนื่องด้วยจากสถิติในศึกยูโรครั้งที่ผ่านๆ มา ไม่มีชาติใดเลยที่สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้จากการพ่ายแพ้ 2 นัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ขออนุญาตแต่อีกครั้ง! ทฤษฎีดังกล่าวมันใช้ไม่ได้กับชาติที่ชื่อว่า เดนมาร์ก เกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาต้องปิดท้ายกับ รัสเซีย ก่อนที่จะเดินหน้าถล่มไปแบบราบคาบ 4-1 ส่วนผลการแข่งขันอีกสนามก็ดูท่าทีเป็นใจเพราะ เบลเยี่ยม สามารถเอาชนะ ฟินแลนด์ ไปได้ 2-0 ทำให้ตารางคะแนนทัพ "โคนม" ดีดตัวเองขึ้นมารั้งอันดับ 2 ด้วยผลกฎมินิลีกที่ดีกว่า ฟินแลนด์ ก่อนที่จะคว้าตั๋วเข้ารอบน็อกเอาท์มาแบบเซอร์ไพรส์ ซึ่งนี่แหละอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพวกเขาในการเรียกความมั่นใจให้กลับมา เพราะนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ตายไปแล้ว และฟื้นกลับมามีลมหายใจสู้ต่อในทัวร์นาเมนต์นี้อีกครั้ง สัญญาณที่บ่งบอกว่า เดนมาร์ก กำลังสร้างเทพนิยายในศึกยูโร 2020

ฟอร์มเริ่มเข้าฝัก

อย่างที่แฟนบอลรู้กันดีครับว่าฟุตบอลในรูปแบบทัวร์นาเมนต์ทีมที่จะก้าวขึ้นไปประสบความสำเร็จมันต้องค่อยๆ ไต่ระดับผลงานขึ้นไปเรื่อยๆ แม้การเริ่มต้นอาจจะไม่ค่อยสวยงามมากเท่าไหร่นัก แต่หลังจากนั้นทั้งทีมสต๊าฟฟ์ และตัวนักฟุตบอลเองก็จะเรียนรู้ และเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ  อย่างในรายของ เดนมาร์ก นี่เป็นภาพที่ค่อนข้างชัดเจนอย่างเห็นได้ชัด 2 เกมแรกในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาเริ่มต้นด้วยความหดหู่พ่ายแพ้ติดต่อกัน แถมยิงประตูได้เพียงตุงเดียว โอกาสเข้ารอบมันมีน้อยกว่าตกรอบเสียอีก แต่ทว่าจุดเปลี่ยนของพวกเขาก็มาได้ถูกที่ถูกเวลายิ่งนัก คล้ายกับนักเตะเองก็เริ่มโชว์ศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้แล้ว การเดินหน้าไล่ถล่ม รัสเซีย ถึง 4-1 ต่อด้วยดาหน้าล่าตาข่ายตบหน้า เวลส์ ในรอบ 16 ทีมไปอีก 4-0 มันแสดงให้เห็นว่าผลงานของนักเตะเริ่มขึ้นหม้อมากขึ้นเรื่อยๆ เราจะสังเกตุเห็นได้จากเกมล่าสุดทุกอย่างมันแลดูไหลลื่นไปเสียหมด โดยเฉพาะเกมรุกที่ต่อกันติด และประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งนี่แหละมันคือผลมาจากการโกงตายในรอบแรก รวมไปถึงความมั่นใจที่พวกเขาพกพาลงไปเล่นในสนามด้วย

ไร้ความกดดัน

ถ้าจะถามถึงเหล่าบรรดาทีมตัวเต็งว่าชาติไหนจะเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครอง แน่นอนหลายคนต่างจ้องมองไปที่ ฝรั่งเศส, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์ หรือ เบลเยี่ยม แน่นอนว่าทีมเล็กๆ อย่าง เดนมาร์ก ไม่ได้มีแฟนบอลคนไหนมานั่งคาดหวัง และตั้งเป้าว่าพวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ได้ เพราะด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ไม่ใช่ว่าเป็นการดูถูก หรือหยามในฝีเท้า แต่มองจากองค์ประกอบรวมต่างๆ มันทำให้สามารถคิดไปในแนวทางนั้นได้ แต่ทว่าถ้ามองในอีกมุมมันถือว่าเป็นเรื่องบวกที่พลพรรคทัพ "โคนม" ไม่ต้องลงไปเล่นด้วยคาดหวังที่สูงมากนัก และต้องแบกความกดดันลงไปสู้ในสนาม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน เมื่อนักเตะลงไปเล่นแบบไร้ซึ่งความกดดัน ไม่ต้องมาคอยพะวงเสียงก่นด่าจากแฟนบอล หรือคำวิจารณ์จากสื่อ มันเลยทำให้ผลงานที่ออกมามันดีเกินคาด และสามารถกรุยทางเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้แล้วในตอนนี้ ส่วนเรื่องประเด็นที่บอกว่ายังไม่เจอของจริง หรือเจอกับที่กดดันมากนัก เพราะยิ่งรอบมันลึกมากเท่าไหร่ความกดดันก็ยิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ต้องบอกว่าพวกเขาเองไม่มีอะไรจะเสียต่อให้รอบหน้า หรือรอบต่อๆ ไปเจอกับชาติไหน เดนมาร์ก ก็แทบจะเป็นบอลรองทั้งหมด ฉะนั้นการลงเล่นแบบไม่ถูกตั้งความหวัง มันอาจเป็นข้อดีที่ส่งเสริมพวกเขาไปสร้างเทพนิยายอีกครั้งก็เป็นได้ สัญญาณที่บ่งบอกว่า เดนมาร์ก กำลังสร้างเทพนิยายในศึกยูโร 2020

สู้เพื่อ อิริคเซ่น

คุณเชื่อเรื่องพลังแฝงหรือไม่? พลังงานที่ไม่ได้มาในรูปแบบของพละกำลัง แต่เป็นในเรื่องของกำลังใจที่บังคับให้ร่างกายต่อสู้ เพื่อสิ่งๆ หนึ่ง หรือใครคนหนึ่ง ใช่ครับ... ผมกำลังพูดถึงพลังแฝงของเหล่านักเตะทีมชาติเดนมาร์ก ในการต่อสู้เพื่อเพื่อนรักของพวกเขาอย่าง คริสเตียน อิริคเซ่น อย่างที่เราได้เห็นกันไปแล้วว่า อิริคเซ่น ต้องประสบพบเจอกับเรื่องราวร้ายๆ เกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองที่วูบหมดสติคาสนามในเกมนัดแรกที่พบกับ ฟินแลนด์ ก่อนที่จะพบว่าหัวใจของเขาหยุดเต้น ทีมแพทย์ต้องทำการ CPR นานถึง 13 นาที ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล และตอนนี้ก็ได้พ้นขีดอันตราย กลับมาอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่านี้คือเหตุการณ์ที่ช็อคแฟนบอล และนักเตะของ เดนมาร์ก เป็นอย่างมาก ซึ่งนั้นมันเลยทำให้พวกเขาอยากจะแสดงผลงาน และไปให้ไกลมากที่สุดในการแข่งขันคราวนี้เพื่อให้เป็นของขวัญแด่ อิริคเซ่น  เราจึงได้เห็นการเล่นแบบลืมตาย วิ่งบดบี้ และเดินหน้าล่าประตูคู่แข่งอย่างดุเดือด เพื่ออย่างน้อยมันเป็นการแสดงความมุ่งมั่นออกมา ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปแบบไหน ฉะนั้นไม่แปลกเลยที่เหล่าแข้ง "โคนม" จะมีพลังพิเศษทางใจในการเป็นที่ยึดเหนี่ยว และเป็นพลังที่ช่วยให้พวกเขาต่อสู้จนวินาทีสุดท้าย ซึ่งเมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่า เดนมาร์ก จะไปได้ไกลมากขนาดไหนในศึกยูโรคราวนี้  แต่อย่างน้อยพวกเขาเป็นอีกหนึ่งทีมที่น่าจดจำของทัวร์นาเมนต์ไปแล้ว และเชื่อว่ามีแฟนบอลจำนวนไม่น้อยที่อยากจะเห็น "เทพนิยายเดนส์" ฟื้นกลับมามีลมหายใจ และคว้าโทรฟี่แชมป์มาครองให้ได้อีกครั้ง

- Paolinho -

logoline